บทที่ 244 ที่ข้าต้องการก็คือเจ้า

พูดถึงอ๋องเจิ้นเป่ย ระหว่างทางที่เผยจี้ฉือตามเผยยวนไปซีเป่ยได้พบเขาเข้าโดยบังเอิญ เขาในเวลานั้นเงียบขรึมไม่พูดไม่จาราวกับศพเดินได้ เซียวเซวียนจิ่นที่อายุเพียงเจ็ดหรือแปดขวบเท่านั้น คอยเข้ามาพูดคุยกับเขาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทั้งยังเอาของรักของหวงของตัวเองออกมาทำให้เขามีความสุขขึ้น

น่าเสียดายที่คันธนู ลูกธนู รวมถึงหน้าไม้เหล่านั้น ล้วนถูกทิ้งไว้ที่จวนหย่งกวานโหวทั้งหมด ไม่สามารถนำออกมาด้วยได้

นอกจากนี้ เผยยวนและอ๋องเจิ้นเป่ยก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกัน เพราะเคยอยู่ฝ่ายตำหนักบูรพามาก่อน เรื่องที่เผยยวนช่วยเขา อ๋องเจิ้นเป่ยจึงปิดปากเงียบ ทั้งยังให้คนเอาของขวัญมามอบให้ทุกวันสำคัญอีกด้วย เพราะยังคงถือว่าเขาเป็นนายอยู่

หลังจากที่เขาประสบกับความลำบาก คนที่เขาต้องขอบคุณนอกจากเผยยวนแล้วก็คืออ๋องเจิ้นเป่ย

“โรคเก่าของท่านอาเซียนเป็นเช่นไรบ้าง?”

เซียวเซวียนจิ่นได้ยินเขาเอ่ยถามเช่นนี้ ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มขึ้นมา “หากท่านพ่อได้ยินว่าเจ้าเป็นห่วงเขาเพียงนี้ ต่อให้ไม่ดีขึ้น ก็คงจะกระโดดขึ้นมาฝึกซ้อมได้ทันทีเป็นแน่”

ไม่นานนักเสียงหัวเราะที่สดใสของเด็กหนุ่มก็ดังออกมาจากในห้อง

จี้จือฮวนหยิบแป้งอบออกมา และให้อาอินยกนมเปรี้ยวและจานผลไม้เข้าไปให้

อาอินรู้สึกว่าวันนี้ท่านแม่ดูแปลกไป เพราะเป็นกันเองกับเซียวเซวียนจิ่นที่มาใหม่ผู้นั้นอย่างมาก ดวงตาแทบจะเปล่งแสงสีเขียวออกมาได้อยู่แล้ว* หรือว่าท่านแม่ชอบเด็กแบบเขาอย่างนั้นหรือ?

* ดวงตาส่องแสงสีเขียว (眼冒绿) หมายถึง ปรารถนาสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างมาก

ทันใดนั้นอาอินก็รู้สึกถึงอันตรายของการจะถูกแย่งชิงความรักไป ขณะที่ยกผลไม้เข้าไปในห้องของอาฉือ นางก็ตั้งป้อมขึ้นมา มองเซียวเซวียนจิ่นตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก็ไม่ได้ดูน่ารักกว่านางเท่าใดนี่นา? ก็แค่ยิ้มเก่งกว่าเท่านั้นเอง

นางเพิ่งจะวางนมเปรี้ยวลงบนโต๊ะ อาชิงก็ดิ้นลงจากอ้อมแขนของเซียวเซวียนจิ่นทันที “ท่านแม่ไม่ได้ทำนมเปรี้ยวตั้งนานแล้ว อาชิงจะกิน”

อาอินจึงตีลงบนมือป้อม ๆ ของเขา “ท่านแม่บอกว่าเมื่อคืนเจ้าท้องเสีย กินนมเปรี้ยวไม่ได้”

อาชิงก็ไม่ได้งอแง เขาดึงแขนเสื้อของเซียวเซวียนจิ่นแล้วเอ่ยขึ้น “พี่ชายรูปหล่อ เช่นนั้นท่านกินสิขอรับ”

ทันทีที่อาอินเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเซียวเซวียนจิ่นมองมาที่ตนยิ้ม ๆ ทำให้นางก้าวถอยหลังไปทันที ของสวยงามมีพิษจริง ๆ ด้วย

อาฉือยกนมเปรี้ยวขึ้นมา “ฝีมือของท่านแม่ข้าดีมาก ท่านต้องชิมให้ได้นะ ข้างนอกไม่มีให้กินแน่นอน”

“ข้าพอได้ยินมาบ้าง เมื่อครู่ได้ยินท่านอาเผยอวดให้ฟังแล้ว” เซียวเซวียนจิ่นเอ่ยจบ ก็มองไปทางอาอินแล้วเอ่ยขึ้น “ได้ยินว่าน้องอาอินก็เรียนกับท่านอาสะใภ้ด้วย วันหน้าข้ารบกวนน้องอาอินเอาก็ได้”

อาอินอยากจะกัดเขาสักที! ดูสิ ๆ มาแย่งความรักกับนางจริง ๆ ด้วย ท่านแม่มีพวกเขาสามคนยังไม่พอ ยังจะเพิ่มผีเสื้อตัวใหญ่เข้ามาอีกตัวอย่างนั้นหรือ?

อาอินรู้สึกว่ามีอันตรายร้ายแรงอยู่เหนือศีรษะของนาง!

เดิมยังคิดว่าพี่ใหญ่เป็นฝ่ายเดียวกับนาง สุดท้ายจู่ ๆ อาฉือก็เอ่ยขึ้นมา “เช่นนั้นก็ดีเลย อาอินหลงใหลศิลปะการต่อสู้ ไม่แน่ภายหน้าอาจได้เป็นแม่ทัพหญิง หากท่านช่วยชี้แนะนางก็ดีเลย”

เซียวเซวียนจิ่นเลิกคิ้วขึ้น “ดีเลย น้องหญิง วันหน้าได้โปรดช่วยชี้แนะด้วย”

อาอินจึงหนีเตลิดไปทันที!

เห็นหรือไม่ ของสวยงามเริ่มซื้อใจคนได้แล้ว นาง! เผยถังอิน! ไม่มีทางให้ถูกล่อลวงได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน!

“เหตุใดถึงได้วิ่งหนีไปเล่า?” อาฉือเอ่ยอย่างสงสัย

“สาวน้อยคงจะขี้อายกระมัง”

ผู้ใดอายกัน! นี่เป็นการถอยหลังเพื่อสังเกตศัตรูต่างหาก!

เป็นกลยุทธ์ กลยุทธ์เข้าใจหรือไม่

การสังเกตของอาอินกินเวลาไปสิบกว่าปี จนกระทั่งวันหนึ่งก็ได้เปิดเผยความในใจ นางถามเขาว่ายังไม่ล้มเลิกแผนการที่จะเข้ามาอยู่ในครอบครัวของพวกนางใช่หรือไม่?

ทันใดนั้นคนผู้นั้นก็รู้สึกว่าไร้สาระสิ้นดี และอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “ข้ามีแผนการที่จะเข้าไปอยู่ในครอบครัวของพวกเจ้าที่ใดกัน ข้ามีแผนการที่จะได้เจ้ามาครองต่างหากเล่าน้องหญิง”

แต่นั่นล้วนเป็นเรื่องในอนาคต ตอนนี้พวกเขายังเป็นเด็กกันอยู่ จะรู้จักสิ่งที่เรียกว่าความรักระหว่างชายหญิงได้อย่างไรกัน

จี้จือฮวนมั่นใจว่าตอนกลางวันที่เซียวเซวียนจิ่นอยู่กับพวกฮ่องเต้เซี่ยเจินต้องไม่ได้กินอาหารดี ๆ อย่างแน่นอน นางกลัวว่าเขาจะหิวจึงทำของอร่อยหลายอย่าง อีกทั้งยังทอดมันฝรั่งและทำไก่ทอดเป็นของว่างให้เขาโดยเฉพาะอีกด้วย

จนแม้แต่อาฉือก็ยังรู้สึกอิจฉาขึ้นมา แต่ว่าเซียวเซวียนจิ่นอุ้มอาชิงอยู่ ดังนั้นจึงต้องให้เขากินก่อน เมื่อเห็นว่าช่วงนี้ใบหน้านุ่มนิ่มของอาชิงค่อย ๆ อ้วนกลมขึ้น จี้จือฮวนจึงให้วุ้นชิ้นเล็ก ๆ กับเขาแค่สองชิ้น

เผยยวนไปที่เหมืองเหล็กและนำอาวุธขนาดเล็กที่ช่างทางนั้นเพิ่งทำขึ้นมาใหม่มอบให้กับเซียวเซวียนจิ่น และกำชับเขาว่าอยู่ในวังให้ระมัดระวังตัวให้ดี ไม่จำเป็นก็อย่าทำตัวโดดเด่น แต่หากจำเป็นจะทำตัวเป็นคนเลวสักหน่อยก็ไม่เป็นไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่าทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาองค์ชายเหล่านั้น

เรื่องเหล่านี้เซียวเซวียนจิ่นล้วนรู้ดี เพียงแต่ตอนที่เขาบอกว่า ในวังตอนนี้องค์ชายรองนั้นโดดเด่นที่สุด กลับเห็นความอาฆาตพาดผ่านดวงตาของท่านอาสะใภ้

เด็กฉลาดจึงเข้าใจได้ทันที แสดงว่าองค์ชายรองผู้นี้คงเป็นหนามยอกอกของครอบครัวเผยเป็นแน่

“หลังจากเข้าวังก็ไม่มีเรื่องอะไรใหม่ ๆ พระสนมแต่ละตำหนักก็ล้วนเคยเห็นมาหมดแล้ว เพียงแต่เมื่อคืนนี้หานเหม่ยเหรินที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานกลับทำเรื่องน่าอับอายขึ้น ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนถูกคนลอบกัด คาดว่าคงไม่ได้เข้าเฝ้าฝ่าบาทไปอีกสักระยะเลยขอรับ”

เซียวเซวียนจิ่นเอ่ยถึงตรงนี้ ทันใดนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อ “แม้แต่ราชองครักษ์ที่ลาดตะเวนและคนรับใช้ในวังหลวง หานเหม่ยเหรินก็ยังต้องเลือกที่มีอายุน้อยและหล่อเหลา คนที่ชอบโอ้อวดว่าตัวเองงดงาม จู่ ๆ ร่างกายเกิดป่วยขึ้นมาเช่นนี้ เกรงว่าวังหลังคงจะวุ่นวายเป็นแน่”

กลอุบายเช่นนี้ปกติแล้วล้วนมีเพียงสตรีเท่านั้นที่คิดออก ดังนั้นเซียวเซวียนจิ่นจึงคิดว่าเป็นเรื่องการแย่งความโปรดปรานในวังหลัง เพียงแต่ไม่รู้ว่าผู้ใดกันที่กินหัวใจหมีดีเสือเข้าไปถึงกล้าเป็นศัตรูกับตระกูลหานเช่นนี้

ทันใดนั้นจี้จือฮวนก็คิดแผนการหนึ่งขึ้นมาได้ จึงให้เซียวเซวียนจิ่นกินมากหน่อย

หลังจากกินเสร็จแล้ว จี้จือฮวนยังได้เตรียมของว่างให้เขาด้วย บอกเขาว่าตอนกลางคืนหากหิวให้แอบมากินที่นี่ก็ได้ หรือจะให้นางสั่งให้หมูเหยี่ยวล่าเหยื่อเอาไปส่งให้เขาก็ได้ แม้เซียวเซวียนจิ่นจะไม่รู้ว่าหมูเหยี่ยวล่าเหยื่อคือสิ่งใด แต่ก็ยังรับคำอย่างเชื่อฟัง

จนกระทั่งถึงเวลาต้องกลับไปรวมตัวกับฮ่องเต้เซี่ยเจิน อาชิงก็แทบอยากจะกอดขาตามเขาไปด้วย เซียวเซวียนจิ่นมองสาวน้อยที่ยืนอยู่ข้างกายจี้จือฮวน ก่อนจะโบกมือให้พร้อมรอยยิ้ม “พี่ชายไปก่อนนะ มาคราวหน้าจะเอาของกินกับของเล่นมาให้เจ้า”

อาอินยื่นมือออกมาเล็กน้อยแล้วโบกไปมา ก่อนจะหดกลับไปอย่างเงียบ ๆ

เผยยวนเดินไปส่งเซียวเซวียนจิ่นได้ครึ่งทาง จากนั้นก็ได้องค์หญิงใหญ่พาไปส่งจนถึงค่าย แน่นอนว่าทางฮ่องเต้เซี่ยเจินไม่อาจจะพูดอะไรได้อยู่แล้ว อย่างไรเสียเขาก็ต้องคอยระวังเซียวเซวียนจิ่นอยู่แล้ว แต่ตอนนี้จะให้เขาตายไม่ได้ ทำได้เพียงเลี้ยงให้เขากินดีอยู่ดี เนื่องจากเสียมือดีอย่างเผยยวนไปแล้ว หากเสียอ๋องเจิ้นเป่ยไปอีกคน บัลลังก์ของต้าจิ้นก็จะไม่มั่นคงอีกต่อไป

ฮ่องเต้เซี่ยเจินคิดมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกโมโหขึ้นมา เจ้าพวกนี้ไม่ได้เรื่องจริง ๆ แค่ไปฉี่ก็ยังเผยช่องโหว่ให้เผยยวนได้ ทั้งยังถูกพิษกลับมาและตอนนี้ก็ยังต้องหาคนมาถอนพิษให้อีก

ขณะนี้ไป๋จิ่นที่อยู่ในกระท่อมเล็ก ๆ กับเซียวเย่เจ๋อก็กำลังคิดกันว่าจะทำเช่นไรถึงจะใส่ยาในอาหารของจี้จือฮวนได้โดยไม่ถูกนางพบเข้า

ไป๋จิ่นขมวดคิ้ว “เผยยวนเข้าห้องหอหรือไม่เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย ผมข้าหยิกจนเป็นลอนเช่นนี้แล้ว ข้ายังต้องอาศัยใบหน้าที่หล่อเหลาไร้เทียมทานคอยประคองเอาไว้ หากหยิกไปมากกว่านี้ ลำพังใบหน้าของข้าก็ไม่แน่ว่าจะช่วยกู้คืนมาได้นะ”

เขาเป็นถึงบุรุษรูปงามแห่งสำนักพิษ ไม่ควรทำลายความหล่อเหลาของตัวเองเพื่อชีวิตแต่งงานของคนอื่นมิใช่หรือ?!

การแลกเปลี่ยนนี้ไม่ว่าจะคิดเช่นไรก็ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย

เซียวเย่เจ๋อส่งเสียงชิชะออกมา “ทำมาขนาดนี้แล้ว พยายามอีกนิดจะเป็นอะไรไปเล่า”

ทันใดนั้นประตูใหญ่ก็มีคนผลักเข้ามา ทั้งสองคนจึงสะดุ้งตกใจขึ้นมาทันที

“ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ คิดจะทำเรื่องไม่ดีอะไรกัน” จี้จือฮวนเดินเข้ามา

ไป๋จิ่นกลืนน้ำลายลงคอ “แค่ศึกษาพิษเท่านั้นขอรับ”

จี้จือฮวนไม่ได้สนใจว่าพวกเขาสองคนทำอะไรกันอยู่ เพียงกระดิกนิ้วให้กับไป๋จิ่น “มานี่”

ไป๋จิ่นจึงรีบซอยเท้าเข้าไปหา “ลูกพี่ฮวนฮวน มีอะไรจะสั่งหรือขอรับ?”

“เจ้ามียาประเภทนั้นหรือไม่?”

.

.

.