ตอนที่ 247 สวรรค์เคยละเว้นใครที่ไหน

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 247 สวรรค์เคยละเว้นใครที่ไหน

เมื่อไปถึงฟาร์มม้า ทุกคนต่างถูกม้าที่รูปร่างสูงใหญ่เหล่านี้สะกด

มู่เถาเยาแววตาวูบไหวเล็กน้อย ยิ้มบางพลางพูด “ดูแล้วไม่ต่างจากฟาร์มม้าของฉันเท่าไร”

ในบรรดาสัตว์ทั้งหมด สัตว์ที่เธอชอบมากที่สุดก็คือม้า

คิดๆ ดูอาจมีสาเหตุมาจากความผูกพันระหว่างเธอกับม้าศึกจี๋เฟิง

ถึงแม้ม้าเหล่านี้จะห่างชั้นกับม้าศึกในชาติก่อนของเธอเยอะ แต่ก็ถือว่าดีมากแล้วในยุคสมัยนี้

แม้จะยกพวกมันมาเทียบกับม้าศึกไม่ได้ แต่พวกมันกลับไม่ตื่นกลัว ดูแล้วสง่างามองอาจ

ตี้อู๋เปียนมองฝูงม้าพลางพูด “ม้าพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นม้าแข่ง ด้อยกว่าหน่อยเมื่อเทียบกับเกาหม่าหรือเสี่ยวเหยี่ย…”

มู่เถาเยาพูดอย่างไม่ไว้หน้า “ไม่ใช่แค่นิดหน่อย เทียบกันไม่ได้เลยต่างหาก”

เกาหม่าเทียบชั้นได้กับม้าศึกของเธอเมื่อชาติก่อนที่ได้รับสมญานามว่า ‘จี๋เฟิงพันลี้เมฆาหมื่นลี้’ แล้วม้าที่ถูกเลี้ยงอยู่ในฟาร์มจะเทียบกับราชาม้าที่กรำศึกมามากมายได้อย่างไร

ล้อเล่นอะไรน่ะ

ตี้อู๋เปียน “…”

ม้าของเขามันไม่คู่ควรเทียบชั้นกับครอบครัวราชาม้าสามตัวนั้น…

ไม่น่าพูดเลย ไม่มีอะไรเทียบได้จริงๆ นอกจากสิงโตหยก

เขาค้นพบแล้วว่าซาลาเปาน้อยพูดจาไม่มีอ้อมค้อม! มักทำให้เขาจุกจนเถียงไม่ออก!

พ่อบ้านจงแอบขำ

ดูเอาแล้วกัน คุณชายเล็กก็มีวันนี้!

กงเกวียนกำเกวียน สวรรค์เคยละเว้นใครที่ไหน!

เมื่อก่อนชอบอาศัยความที่ตัวเองสติปัญญาสูงแกล้งจนคนอื่นไปไหนไม่รอด ตอนนี้ถึงคราวตัวเองโดนเอาคืนบ้างแล้ว

นี่เสี่ยวเยาเยาแค่พูดความจริงเองนะ ยังไม่ได้ใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรเลย!

ปาอินพยักหน้าพูด “จริง ถ้าเคยเห็นแต่ม้าพวกนี้จะรู้สึกว่ายอดเยี่ยมมาก แต่ถ้าเคยเจอเกาหม่า เสี่ยวเหยี่ย เสี่ยวเซวี่ย ม้าพวกนี้ก็ดูธรรมดาไปเลย”

เหลียงจียิ้มกว้าง “ยังไงเกาหม่า เสี่ยวเหยี่ย เสี่ยวเซวี่ยก็เป็นกรณียกเว้น ม้าพวกนี้ต่างหากที่คนปกติถือว่าเป็นม้าดี”

เฉิงอันนั่ว “ใช่ ผมเคยดูแข่งม้า ดูเหมือนจะประมาณนี้เลย”

คนดูแลฟาร์มที่ขับรถนำชมอีกคันหนึ่งมาส่งพวกอาจารย์อาเล็กก็ยิ้มพลางแนะนำ “ม้าพวกนี้ไม่ดื้อ เลี้ยงง่ายกว่าม้าปกติ…ม้าแบบโบราณที่ไม่ต้องใส่เกือกใกล้สูญพันธุ์เต็มที ทั้งโลกเหลืออยู่แค่ไม่กี่สิบตัว ที่นี่มีอยู่สองตัว…อยู่ตรงนั้นครับ…”

ไม่มีใครมีความรู้เรื่องการเลี้ยงม้ายกเว้นมู่เถาเยากับตี้อู๋เปียน

เวลานี้พอได้ยินคนดูแลพูดจึงรู้สึกว่าอันที่จริงการเลี้ยงม้าก็เป็นศาสตร์ที่ลึกล้ำอย่างหนึ่ง

เฉิงอันนั่วยิ้มมุมปาก “เหินฟ้าหรือจะสู้มังกร ย่ำดินหรือจะสู้อาชา ม้าใช้ออกศึก สร้างประโยชน์ให้บ้านเมือง สิบยอดอาชาแห่งยุคโบราณได้แก่ ชื่อทู่ ตี๋หลู อูจุย เจวี๋ยอิ่ง หวงเปียว จ้าวเยี่ยสิงโตหยก จัวหวงเฟยเตี้ยน…หลังจากได้เจอเกาหม่ากับเสี่ยวเหยี่ยถึงได้รู้ว่า พวกมันโด่งดังได้โดยไม่ต้องพึ่งเจ้านาย”

ปาอินพยักหน้า “ถูกต้อง! เดิมทีฉันก็คิดว่าเป็นเพราะชื่อเสียงของเจ้านายที่โด่งดังขจรไปไกลถึงทำให้พวกมันดังไปด้วย ตอนนี้ถือว่าได้รู้แล้ว ไม่ว่าใครจะเป็นนายของพวกมัน พวกมันก็ยังดังได้เหมือนเดิม”

เหลียงจี “ชัยชนะของผู้กล้าหนีไม่พ้นอาวุธกับทหารในมือ รวมถึงพาหนะที่ใช้ ทั้งสามสิ่งนี้แยกกันไม่ขาด เสี่ยวเยาเยา เกาหม่าเป็นสายพันธุ์อูจุยหรือเปล่า”

“เกาหม่าคล้ายอูจุยมาก แต่ไม่ใช่ เท้าของอูจุยขาวดุจหิมะ เวลาวิ่งเหมือนเมฆครึ้มย่ำหิมะ แต่เกาหม่าดำขลับทั้งตัว เหมือนพายุทอร์นาโดเคลื่อนผ่านอาณาเขต…”

“ในความเป็นจริงฉันก็ไม่รู้ว่าเกาหม่าเป็นสายพันธุ์ไหน เสี่ยวเหยี่ยเป็นลูกของมันกับม้าอัคคัลทีคสายพันธุ์บริสุทธิ์ ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร…”

ตี้อู๋เปียน “ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ไหนมันก็คือสิ่งมีชีวิต ซาลาเปาน้อย ฉันมีม้าสิงโตหยกอยู่ตัว ถ้าเธอชอบฉันจะยกให้”

คนดูแลฟาร์มแอบร้องไห้ในใจ

เขาดูแลสิงโตหยกมาเองกับมือเลยนะ!

ถ้าบอสยกให้สาวน้อยคนนี้ งั้นเขายังจะได้เจอไป๋เสวี่ยลูกรักอีกเหรอ

มู่เถาเยายิ้ม “ฉันรับไม่ได้หรอก เสี่ยวเหยี่ยจะงอนเอา ปล่อยให้มันอยู่ที่นี่แหละ จริงสิ สิงโตหยกเป็นแม่ม้าหรือเปล่า”

พอได้ยินว่าสาวน้อยไม่เอา คนดูแลฟาร์มก็ดีใจจนเกือบกระโดดโลดเต้น รีบพยักหน้ารัวๆ “ใช่ครับ สิงโตหยกเป็นแม่ม้า ชื่อไป๋เสวี่ย”

“ไป๋เสวี่ยอายุเท่าไรคะ”

“เพิ่งจะสี่ปีครับ”

“อืม เสี่ยวเหยี่ยก็อายุสี่ปี” ถ้าพวกมันผสมพันธุ์กันได้คงดี

ตี้อู๋เปียนรู้ทันความคิดของมู่เถาเยา

“เธอจะเอาเสี่ยวเหยี่ยมาฝากไว้ที่นี่ไม่ใช่เหรอ มีโอกาสให้พวกมันอยู่ด้วยกันเยอะแยะ”

“เสี่ยวเหยี่ยดุมาก จะรังแกม้าตัวอื่น”

คนดูแลฟาร์มพูดอย่างอายๆ “ไป๋เสวี่ยก็ดุเหมือนกันครับ มันเป็นเจ๊ใหญ่ในฟาร์มเลยครับ…”

อยู่ๆ ทุกคนก็ชักอยากเห็นว่าตอนสองตัวพ่อตัวแม่มาเจอกันจะทะเลาะกันไหม

อุ๊บ…

ทุกคนแอบคิดพิเรนทร์กันอยู่ในใจ

มู่เถาเยา “ฉันขอไปดูไป๋เสวี่ยหน่อยค่ะ”

คนดูแลม้าห้าม “อย่าเพิ่งไปเลยครับ มันไม่ชอบคนแปลกหน้า จะเตะคุณได้”

“ไม่เป็นไรค่ะ มันเตะไม่โดนฉันหรอก”

“ไม่ๆๆ ไป๋เสวี่ยว่องไวมาก ก่อนหน้านี้ไม่นานมีพนักงานใหม่อยากลองลูบมัน แต่กลับถูกมันเตะ ตอนนี้ยังไม่หายดีเลยครับ คุณเป็นผู้หญิง…”

ปาอินหัวเราะออกมา

“ลุงคะ อย่าว่าแต่สิงโตหยกจะเตะไม่โดนเสี่ยวเยาเยาเลยค่ะ ต่อให้มันเป็นสิงโตจริงก็กัดเสี่ยวเยาเยาไม่ได้ค่ะ”

“ความเร็วของไป๋เสวี่ยไม่แพ้สิงโตเลยนะครับ”

“วางใจเถอะค่ะ เสี่ยวเยาเยาของพวกเราเก่งมาก”

มู่เถาเยามองพ่อบ้านจง

พ่อบ้านจงพูดกับคนดูแล “พาเสี่ยวเยาเยาไปเถอะ ไป๋เสวี่ยไม่เตะเธอหรอก”

ในสายตาของเขา เสี่ยวเยาเยาเป็นบุคคลระดับเทพ ไม่ว่าจะคน สัตว์ หรืออะไรก็ตาม ไม่มีที่ไม่ชอบเธอ

พ่อบ้านจงเป็นตัวแทนบอส คนดูแลฟาร์มจำต้องพาพวกเขาไป

เดินผ่านสนามหญ้าสีเขียวชอุ่มตัดขอบฟ้าไปก็เป็นคอกม้า

ไป๋เสวี่ยกำลังกินหญ้าอย่างสบายใจอยู่ข้างสระอาบน้ำม้า

พอเห็นมีกลุ่มคนมามันก็เงยหน้ามอง

“ทุ่งหญ้าที่นี่สวยมาก!” กู่ย่าพูดชม

หลี่อวี้เสวี่ย “นั่นสิ เหมือนที่ราบสูงเลย พื้นที่รวมน่าจะหลายหมื่นตารางกิโลเมตรหรือเปล่า ดูเหมือนจะถูกล้อมด้วยหลายเมืองไว้ตรงกลาง”

พ่อบ้านจงพยักหน้า “ใช่ครับ นอกจากเย่ว์ตูกับเซิ่งตูแล้วยังมีหลินตูกับอันตู สี่เมืองนี้โอบล้อมฟาร์มแห่งนี้ไว้ มีพื้นที่ทั้งหมดสองหมื่นสี่พันกว่าตารางกิโลเมตร เลี้ยงม้ากับแพะไว้ไม่เยอะ หลักๆ คือใช้เลี้ยงม้าครับ”

กู่เย่ว์ยิ้มพูด “อยู่เมืองชั้นในยังได้เห็นทิวทัศน์ทุ่งหญ้าสุดลูกหูลูกตาแบบนี้นับว่าหาได้ยากจริงๆ”

ปาอิน “นี่ถ้าปลูกดอกไม้สารพัดชนิดไว้ที่นี่จะยิ่งสวยตะลึงไปเลยค่ะ!”

ตี้อู๋เปียนรู้สึกสนใจ ถามมู่เถาเยาที่อยู่ข้างๆ “ซาลาเปาน้อย เธอว่าแบ่งพื้นที่ปลูกดอกไม้ดีไหม”

“คงได้ถูกเสี่ยวเหยี่ยย่ำเล่นหมด ไม่เอาดีกว่า”

“…”

“ฉันจะขี่ไป๋เสวี่ย ลุงจงคะ ช่วยหาม้าให้อาจารย์อาเล็ก ศิษย์พี่ แล้วก็พวกพี่สะใภ้ด้วยนะคะ”

“ได้เลยครับ ไปเถอะ ระวังตัวด้วย”

“ค่ะ”

คนดูแลฟาร์มวิ่งเข้าไปหาไป๋เสวี่ยก่อนมู่เถาเยาด้วยความกังวล ยืนข้างไป๋เสวี่ยม้าขาวที่ไม่มีสีอื่นแต่งแต้ม ลูบขนแผงคอสีขาวของมันพลางกระซิบพูด

“เสี่ยวเสวี่ย พี่สาวคนนั้นชอบเธอมาก อย่าเตะนะ…” บลาๆๆ

ยังไม่ทันพูดจบพวกมู่เถาเยาก็เดินมาถึงตรงหน้าไป๋เสวี่ยแล้ว

ไป๋เสวี่ยหยุดกินหญ้า เงยหน้ามองมู่เถาเยา

จากนั้น…มันก็ทำเหมือนเสี่ยวเหยี่ย เอาหัวเข้ามาซุกหามู่เถาเยาอยากให้ลูบ

คนดูแลฟาร์มชะงักตัวแข็งไปทันที