ตอนที่ 415 รำลึกความหลัง ตอนที่ 416 แพงเสียยิ่งกว่าอะไรดี

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 415 รำลึกความหลัง

หลังซ่งอิงเผยสิ่งที่ก่อผลประโยชน์ให้ ความมั่นใจและเด็ดขาดที่เคยมีเมื่ออยู่ต่อหน้าซ่งอิงยิ่งลดน้อยลงไป

“ภรรยาเหล่าต้า เงินเหล่านั้นที่เจ้าจะหามาได้ห้ามใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย และไม่ต้องเอาให้สามีเจ้าด้วยเช่นกัน เก็บหอมรอมริบเอาไว้ทั้งหมด ไว้ใช้ซื้อหนังสือให้หลานต๋าเล่าเรียน” ผู้เฒ่าซ่งกล่าว

ถือว่าเขารู้จักมองออกขึ้นมาบ้างแล้ว

สาเหตุที่เด็กสาวผู้นี้เสนอแนะสิ่งที่จะก่อประโยชน์ออกมา คาดว่าก็เพราะคิดว่าครอบครัวบ้านสามไม่มีเงินส่งเสียลูกเรียนหนังสือแล้ว กลัวว่าพวกเขาจะไม่ให้ลูกไปเรียนอีก

มอบให้ในช่วงเวลานี้จึงเป็นอะไรที่ประจวบเหมาะ อย่าว่าแต่บ้านสามเลย ต่อให้ทางด้านบ้านใหญ่ จากนี้ก็จะไม่กล้าเอ่ยคำว่า ‘ไม่’ กับซ่งอิงแม้แต่น้อยอย่างแน่นอน

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่พยักหน้าทันทีทันใด “ลูกสะใภ้รับทราบแล้วเจ้าค่ะ เรียนหนังสือเป็นเรื่องที่ดี พ่อข้าก็พูดกับข้าอยู่ตลอดมาตั้งนานแล้ว ในครอบครัวต่อให้ยากจนลำบากเพียงใด ต่อให้ต้องขายที่ขายทางก็ต้องให้ลูกต๋าเรียนหนังสือต่อไปให้ได้เจ้าค่ะ…”

นางจะไม่ให้ลูกต๋าเรียนหนังสือต่อไปได้อย่างไรกันเล่า

บัดนี้นางก็มีเพียงลูกต๋า ลูกชายผู้นี้คนเดียวเท่านั้นแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเลี้ยงดูให้ดีๆ จะไม่ปล่อยให้เขาเป็นอย่างบุตรชายคนโตที่ไม่รู้จักแยกแยะดีชั่ว และไม่รู้จักการเคารพกตัญญูเลยสักนิดโดยเด็ดขาด!

ซ่งเหล่าเกินถอนหายใจ “เอ้อร์ยาอา”

ซ่งอิงเบิกตาขึ้นเล็กน้อย

“นึกถึงปีนั้นยามที่ตระกูลนั่นส่งเจ้ามาสู่มือข้า ข้าก็ไม่ใช่ว่าไม่คิดปฏิเสธเช่นกัน อย่างไรเสีย…เจ้าก็เป็นบุตรสาวของตระกูลใหญ่โตสูงศักดิ์ เราเป็นชาวชนบทต่ำต้อย ก็คงไม่อาจดูแลออกมาอย่างเช่นคุณหนูได้” ซ่งเหล่าเกินกล่าวขึ้นมากะทันหัน

ซ่งอิงนั่งเงียบๆ สดับรับฟังผู้เฒ่าระลึกถึงตอนนั้น

ผู้เฒ่าดื่มสุราเข้าไปนึกอึก “ตอนนั้นข้าก็ไม่กล้าปฏิเสธไปโดยทันทีเช่นกัน ก็เลยถามไถ่ไปอย่างหนึ่งว่า…หากข้าไม่รับเลี้ยงเด็กคนนี้ พวกเขาจำเป็นต้องเอาไปส่งที่ไหน ผู้ดูแลบ้านที่เอาเจ้ามาส่งให้ผู้นั้นชายตามองข้า ซึ่งสายตานั้นทำให้ให้ข้ารู้สึกหดหู่ใจมาถึงตอนนี้”

ตอนนั้น ผู้ดูแลบ้านคนนั้นเอ่ยว่า เขามาจากต่างถิ่น หลบหนีภัยพิบัติแล้วเดี๋ยวก็กลับบ้านเกิดได้ ในครอบครัวมีเด็กเพิ่มอีกสักคนก็ไม่มีใครสังเกตเห็น ไม่มีใครพูดอะไรได้ และก็เพราะนายหญิงชราแห่งจวนโหวจิตใจดีอยากจะสั่งสมบุญ นี่จึงได้มอบให้เขา มิเช่นนั้นก็คงจับกดน้ำตายแล้ว

ลูกของจวนโหว รับญาติที่ยากจนเป็นบิดามารดาได้ แต่ไม่อาจให้ข้ารับใช้มาเป็นบิดามารดาได้ ดังนั้นนี่จึงได้หาคนต่างถิ่นเอาไปเลี้ยง จะมีชีวิตอยู่ได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตา

ตอนนั้นเมื่อเขาได้ยินดังกล่าว ก็รีบพยักหน้าตกลงรับเอาไว้ทันที

เด็กเล็กถึงเพียงนี้ บิดามารดาผู้ให้กำเนิดไม่ต้องการ แล้วยังหวังว่าคนอื่นจะรักและทะนุถนอมนางได้อีกหรือ

หากส่งไปอยู่ในมือคนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าจริงๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจากนั้นจะเผชิญอะไรบ้าง…

คนนอก ถึงอย่างไรก็ไม่น่าเชื่อถือได้เท่ากับญาติผู้ยากจนอย่างพวกเขาเหล่านี้

ในปีนั้น เป็นหนึ่งปีที่ตระกูลซ่งทุกข์ยากลำบากที่สุด เด็กหลายคนในครอบครัวอดอยากปากแห้ง แต่กลับไม่มีเงิน ข้าวสารธัญพืชก็ไม่มีเช่นกัน จวนโหวคล้ายว่ากลัวพวกเขาจะนำเด็กคนนี้เป็นตัวประกันในการเรียกร้องสิ่งต่างๆ จึงยิ่งไม่มอบข้าวสารธัญพืชให้เลยสักนิด ทำให้เขาเข้าใจได้ว่า จวนโหวไม่เห็นความสำคัญของเด็กคนนี้

“ต่อมาภายหลังจวนโหวมาพาเจ้ากลับไป ตอนนั้นข้าก็คิดว่าจะต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ เจ้าในตอนนั้นก็ซื่อบื้อ ข้าจึงคาดว่า เจ้าอยู่ที่นั่นเกรงว่าจะไม่ได้มีชีวิตสุขสบาย เพียงแต่ด้วยสถานการณ์ครอบครัวเราเช่นนี้ก็ไม่อาจต่อกรกับคนเขาและไม่อาจขัดขวางได้เช่นกัน มิหนำซ้ำยังต้องส่งเจ้าจากไปด้วยความดีอกดีใจ ประเด็นนี้เจ้าก็อย่าได้ถือสาโกรธเคืองกันล่ะ” ผู้เฒ่าทอดถอนใจ แล้วกล่าวขึ้นอีกครั้ง

ดังนั้นหลังซ่งอิงกลับมา เขามักรู้สึกจิตใจไม่สงบอยู่เสมอ

ประการแรก กลัวว่าเด็กสาวคนนี้จะแค้นเคืองที่ตระกูลซ่งไม่ยืนหยัดเพื่อนาง ประการที่สอง ไม่รู้เช่นกันว่าเด็กสาวคนนี้อยู่จวนโหวสรุปแล้วเกิดเรื่องอะไรกันแน่

เท้าที่เต็มไปด้วยคราบเลือด ใบหน้าที่แสนน่าเวทนา ช่างชวนให้ผู้คนอกสั่นขวัญแขวนจริงๆ

นอกจากนั้นนางยังกลายเป็นเด็กขี้โรค จำเป็นต้องกินยา เขายังกังวลอีกด้วยว่าทางด้านจวนโหวนั้น วันดีคืนดีจะโผล่มาเอาเรื่องถึงบ้าน และไม่แน่ว่าจะบีบบังคับพวกเขาให้คิดวิธีการกำจัดเด็กสาวคนนี้ไปเสีย

นี่พอคิดไปคิดมา เขาก็เกิดความรู้สึกไม่ดีในใจ จึงตัดสินใจแยกครอบครัวไปเสียสิ้นเรื่อง หลังจากแยกครอบครัว ภายภาคหน้าต่อให้บ้านสองทางด้านนั้นดื้อดึงจะรักษาชีวิตซ่งอิงไว้ ก็ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับบ้านอื่นๆ จวนโหวก็คงไม่ถึงขั้นให้พวกเขาทั้งตระกูลซ่งไม่เป็นอันได้อยู่อย่างสงบสุขหรอกกระมัง

แต่บัดนี้คิดๆ ดูแล้ว ตอนนั้น คาดว่าเด็กสาวคนนี้ก็คงผิดหวังและหดหู่ใจอยู่ด้วยเช่นกัน

ตอนที่ 416 แพงเสียยิ่งกว่าอะไรดี

แล้วยังมีเรื่องบังคับให้แต่งงานนั่นอีก…

บัดนี้ผู้เฒ่ามาคิดๆ ดู เอ้อร์ยาไม่ได้แค้นฝังใจเพราะเรื่องนี้ นั่นก็นับเป็นความโชคดีของครอบครัวพวกเขาแล้ว

“ปู่เจ้าอย่างข้าผู้นี้ต้องขอขอบใจเจ้าด้วย!” แม้ผู้เฒ่าซ่งรู้สึกยากแก่การเอ่ยอะไรเช่นนี้ แต่นึกถึงสถานการณ์ครอบครัวตนเองตอนนี้ ก็สมควรต้องเอ่ยปากเสียหน่อย “แรกเริ่มตระกูลเรามีพระคุณต่อเจ้า แต่หลายวันมานี้ เจ้าได้ตอบแทนพระคุณอันยิ่งใหญ่นั่นแล้ว หลังจากนี้ไปคนในตระกูลเรานี้ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อนุญาตให้ใช้เรื่องราวในอดีตเหล่านั้นมาบีบบังคับเจ้า เจ้าได้มาเป็นเด็กในตระกูลเรา นั่นนับว่าเป็นความโชคดีของตระกูลซ่ง…”

“วันนี้ปู่เจ้าอย่างข้าผู้นี้ก็ขอรับประกันกับเจ้าต่อหน้าลุงและอาของเจ้าว่า ภายภาคหน้าหากยังต้องเข้าไปพัวพันอะไรกับคนตระกูลโหวอีกจริงๆ เช่นนั้นปู่เจ้าอย่างข้า ต่อให้ต้องสละชีวิตก็จะต่อสู้กับพวกเขาดูสักตั้ง จะไม่ให้เหมือนเช่นครั้งก่อนแล้วอย่างแน่นอน ที่…ส่งเจ้าออกไปโดยง่ายทั้งเช่นนั้น” ผู้เฒ่าซ่งกล่าวขึ้นอีกครั้ง

อย่างน้อย เขาและจวนโหวนั่นก็มีความสัมพันธ์เป็นญาติในสายเลือด

ในหมู่ญาติห่างๆ ที่บ้านเกิดจวนโหว ก็มีเขาหน่อเดียวที่มีความเป็นญาติใกล้กับจวนโหวมากที่สุด แม้ว่าจะเป็นสายเลือดอันน้อยนิด แต่ก็กล่าวได้อย่างเต็มอกว่า เขาก็นับเป็นญาติผู้ใหญ่ของนายท่านโหวผู้ครองจวนโหวในปัจจุบันผู้นั้นเช่นกัน…

“ท่านพูดเกินไปแล้วเจ้าค่ะ” ซ่งอิงเพียงยิ้มบางๆ เท่านั้น “คนตระกูลนั้นน่าจะไม่มาหรอกเจ้าค่ะ ต่อให้มา ข้าก็จะเอาไม้ไล่ฟาดออกไปเอง ท่านเป็นดั่งสมบัติล้ำค่าประจำเรือน จะให้ลงไม้ลงมือกับท่านโดยง่ายได้อย่างไรกันเล่าเจ้าคะ”

ไม่ว่าเป็นเจ้าของร่างเดิมหรือว่าเป็นนาง ต่างก็ไม่เคยตำหนิโทษตระกูลซ่งครอบครัวนี้มาก่อน

ระหว่างผู้อาวุโสกับเด็กรุ่นหลังของครอบครัวทั่วไป ยังมีต่อปากต่อคำทะเลาะเบาะแว้งกันบ้างเลย นางผู้ที่ไม่ใช่หลานสาวแท้ๆ ลักษณะนี้ ดำรงชีวิตมาได้ถึงขั้นนี้ก็นับว่าไม่เลวแล้วจริงๆ

“ท่านพ่อ ท่านก็เห็นเป็นคนอื่นคนไกลกันไปได้ นี่เป็นหลานสาวตระกูลเรานะขอรับ” ซ่งจินซานรีบกล่าวเสริมขึ้นมาเช่นกัน

“ใช่ ใช่แล้ว หลานสาวตระกูลเรา!” ซ่งเหล่าเกินหัวเราะร่าขึ้นมา “กินเถอะ ดื่มเถอะ กินเสร็จแล้วจะได้ให้เอ้อร์ยาสอนพวกเจ้าทำเหลียงผีที่ว่านั่น แค่พวกเจ้าสามคนเท่านั้น จะเอาไปสอนผู้อื่นไม่ได้ ต่อให้อยากจะสอนจริงๆ เช่นนั้นก็ต้องถามความยินยอมจากเอ้อร์ยาด้วยเช่นกัน”

เจียวซื่อไม่ใช่คนโง่เขลา หากสอนให้ผู้อื่นแล้วตนยังจะทำเงินได้อย่างไรกันเล่า

ด้วยเหตุนี้จึงรีบรับคำทันทีทันใด

จากนั้นไม่นานนัก พี่สะใภ้น้องสะใภ้ทั้งสามคนของตระกูลซ่งก็ยุ่งมือเป็นระวิงไปพร้อมกับซ่งอิง

“เอ้ ข้าเคยซักเสื้อผ้ามาก่อน แต่ยังไม่เคยล้างแป้งเลย! มันเหมือนๆ กันกระมัง แค่ล้างให้สะอาดก็เป็นอันใช้ได้?” เจียวซื่อกระตือรือร้นสนอกสนใจไม่น้อย ก็แม้แต่เหยาซื่อสะใภ้เล็กยังเผยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ใช่เจ้าค่ะ ที่ล้างออกมาได้ก็คือเมี่ยนจิน น้ำแป้งที่เหลือจะเอามาใช้นึ่ง”

ยุคสมัยนี้ ยังไม่มีความแตกต่างของแป้งสาลีที่มีโปรตีนสูงหรือต่ำ เมี่ยนจินเหล่านี้จึงดูปกติทั่วไป ถือว่าเป็นแป้งสาลีเอนกประสงค์ก็ได้กระมัง แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการใช้งานแต่อย่างใด

“เมี่ยนจินนี้ให้รสสัมผัสที่ดีทีเดียว เอามาใช้ผัดเป็นกับข้าวก็ได้เช่นกัน แต่ทว่าเครื่องเคียงสำหรับเหลียงผีที่ว่านี้ต้องคลุกเคล้าเมี่ยนจินลงไปหน่อยจึงจะอร่อย” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง

ทั้งสามคนพร้อมใจกันพยักหน้าเป็นอันรับทราบ

ทว่าการล้างแป้งที่ว่านี้ดูแล้วค่อนข้างเปลืองเวลาน่าดู เจียวซื่อแรกเริ่มยังเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้น อยากจะทำออกมาสักหนึ่งร้อยจินภายในวันเดียวให้รู้แล้วรู้รอด แต่หลังมองเห็นซ่งอิงลงมือ ก็พักความนึกคิดดังกล่าวลงไปเสียแล้ว

วันหนึ่งทำอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็คงจะทำออกมาได้มากหน่อย แต่ข้อมือได้พังกันพอดี ซึ่งก็จะเป็นผลให้ทำสิ่งนี้ไปได้ไม่ยาวนานนัก

ทุกวันทำสักสามสิบสี่สิบจิน อย่างน้อยก็ยังพอเหลือเรี่ยวแรงอยู่บ้าง และแค่นั้นก็เพียงพอให้กินให้ดื่มแล้วยังได้เก็บหอมรอมริบเงินเอาไว้ไม่น้อย ซึ่งก็ดีมากแล้ว

เจียวซื่อ ‘ไม่ใช่’ คนที่จิตใจละโมบโลภมากประเภทนั้นเช่นกัน

“เพียงแต่บรรดาป้าสะใภ้และอาสะใภ้ต้องจำเอาไว้ว่า เหลียงผีนี้ต้องทำออกมาให้ขาวสะอาด ต้องมองดูแล้วสะอาดสะอ้านจึงจะใช้ได้ ดังนั้น…ตอนที่พวกท่านทำของสิ่งนี้ จะต้องล้างมือให้สะอาด ในอ่างแป้งนี้จะมีฝุ่นลงไปมิได้เชียว มิเช่นนั้นเหลียงผีที่นึ่งออกมาก็จะมีสิ่งไม่พึงประสงค์ปะปนอยู่ด้วย” ซ่งอิงเอ่ยย้ำเตือนเป็นพิเศษ

สายตาที่คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มกวาดมองดูเล็บมือป้าสะใภ้และอาสะใภ้ทั้งสามคน

มือทั้งสองข้างของป้าสะใภ้และอาสะใภ้ทั้งสามคน…

หนาและหยาบกร้านเหมือนผู้ชาย บนหลังมือมีร่องรอยแผลเป็นสีดำๆ ที่เป็นเส้นๆ คล้ายรอยขีดข่วน ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากปกติแต่ละวันสับฟืนหุงหาอาหารและทำงานบ้าน

ที่หนักสุดคือเล็บมือนั่น ดำทะมึนจนชวนตระหนกตกใจเช่นกัน

เมื่อถูกซ่งอิงจ้องมองเข้า เจียวซื่อถึงกับหน้าแดงด้วยความอับอาย รีบเอามือไพล่หลังซ่อนไว้ในทันที “ล้างได้ เดี๋ยวข้ากลับไปหา…สบู่ที่เจ้าเอามาให้ซึ่งราคาแพงเสียยิ่งกว่าอะไรดีก้อนนั้นล้างมือให้ดีๆ เลย!”