ตอนที่ 417 รับซื้อดอกไม้ ตอนที่ 418 ไฉนจึงเร่งเร้าเผาผลาญกัน

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 417 รับซื้อดอกไม้

ซ่งอิงยิ้มเล็กน้อย รู้สึกว่าวันเวลาของเจียวซื่อที่จะ…ไม่สนใจในเรื่องการแต่งเนื้อแต่งตัว อาจถึงจุดสิ้นสุดลงแล้ว

เมื่อพวกนางหาเงินได้แล้ว ลักษณะที่ขมุกขะมอมเช่นนี้จำเป็นต้องปรับเปลี่ยน

ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ

ทั้งสามล้วนเคยชินกับการทำงาน เมื่อชี้แนะวิธีทำให้ พวกนางจึงเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว หลังผ่านไปสองรอบ พวกนางก็จดจำได้ชัดเจนแจ่มแจ๋ว ซ่งอิงจึงได้กลับบ้านตนเองไปด้วยความวางใจ

ซ่งอิงไม่ได้อยู่ว่างเช่นกัน ทางด้านนางก็จำเป็นต้องยุ่งอยู่กับการหาเงินไม่ต่างกัน

ตอนเย็นยามที่พวกฮั่วหลินทั้งสามคนกลับมา ซ่งอิงเรียกทั้งสามคนมาหา

“เด็กๆ ที่โรงเรียนในหมู่บ้านเรามีจำนวนไม่น้อย ท่านอาจารย์ซ่งยังสอนพวกเจ้าไหวหรือไม่” ซ่งอิงเอ่ยถาม

“ระยะนี้ท่านแม่ยุ่งจึงไม่รู้สินะว่าหัวหน้าหมู่บ้านรับสมัครอาจารย์เข้ามาอีกสองคนแล้ว ซึ่งอาจารย์ทั้งสองคนนี้เป็นบัญฑิตซิ่วฉายทั้งคู่ด้วยละ ความรู้กว้างขวางกว่าท่านอาจารย์คนก่อนเสียด้วยซ้ำ” ฮั่วหลินกล่าวหน้าตาจริงจัง

ซ่งอิงเลิกคิ้ว “ซิ่วฉายเชียวรึ คนผู้นั้นยอมมาสอนถึงหมู่บ้านเราได้อย่างไรกัน”

จริงอยู่ที่ว่าค่าตอบแทนแก่ครูผู้สอนในหมู่บ้านก็ไม่ใช่น้อยๆ แต่ประเด็นหลักๆ คือไม่สะดวกสบาย โดยเฉพาะเป็นผู้ที่มาจากต่างถิ่น จะอย่างไรก็คงจำเป็นต้องยกกันมาทั้งครอบครัวเลยกระมัง ซึ่งนี่ไม่ง่ายต่อการจัดการเลย

“อาจารย์หวังเป็นสหายเรียนหนังสือในโรงเรียนเดียวกันของอาจารย์ซ่ง รับเข้ามาได้ระยะหนึ่งแล้ว ต่อมาในหมู่บ้านก็มีอาจารย์เฉินเพิ่มมาอีกคน เขาเป็นคนที่มาหาเองถึงที่ หัวหน้าหมู่บ้านดีใจเป็นพิเศษ ก็เลยรับคนเขาเอาไว้ โดยให้อยู่อาศัยในเรือนหลังเก่าใกล้ๆ กับโรงเรียน หัวหน้าหมู่บ้านหาคนมาช่วยซ่อมแซมให้อย่างดีเป็นการเฉพาะอีกด้วย” ซ่งต๋ากล่าวเสริม

ซ่งอิงได้ยินดังกล่าวก็ยิ่งเกิดความประหลาดใจ ยังอุตส่าห์มีอาจารย์เดินมาหาถึงที่ด้วยหรือ

แต่ทว่ามีอาจารย์หลายคนก็เป็นเรื่องที่ดี และซิ่วฉายก็เก่งกาจกว่าถงเซิงอยู่เล็กน้อย ก็นับว่าเป็นประโยชน์ต่อเด็กๆ เหล่านี้ในครอบครัว

“พอโรงเรียนเลิกแล้วเด็กๆ เหล่านั้นทำอะไรกันบ้างพวกเจ้ารู้หรือไม่” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง

“ปีนต้นไม้กระโดดน้ำเล่น ซุกซนมาก!” ฮั่วหลินคำพูดคำจาเหมือนผู้ใหญ่คนหนึ่งเข้าไปทุกวัน “ท่านแม่ พวกเขาเทียบกับข้าไม่ติดเลย ทุกครั้งที่อาจารย์ให้การบ้าน หลายคนล้วนทำไม่เสร็จ และไม่รู้เช่นกันว่าพวกเขาคิดอะไรกันอยู่…”

“ตอนนี้พ่อแม่พวกเขาเหล่านี้เข้มงวดขนาดนี้ ขอเพียงอาจารย์ไปฟ้อง ก้นพวกเจ้าได้ลายแน่ พวกที่ซุกซนเป็นลิงเหล่านั้นยิ่งแล้วใหญ่ ถูกสั่งสอนไปไม่รู้กี่ครั้งแล้วยังไม่รู้จักจำขึ้นใจ…” ฮั่วหลินกล่าวต่อ

ซ่งอิงเอ่ยปาก “เจ้าก็ซนเป็นลิงเช่นกัน ใครเขาว่ากล่าวคนอื่นอย่างเจ้าบ้าง”

ฮั่วหลินหน้าหงอย “ข้าก็ไม่ได้พูดผิดเสียหน่อย”

ซ่งอิงกลอกตามองบนอย่างเอือมระอา

“พี่รอง ท่านถามเรื่องนี้กับพวกเราไปทำไมหรือ” หลังซ่งต๋าตั้งสติขึ้นมาได้ก็อดเอ่ยถามไม่ได้

ซ่งอิงถอนหายใจแล้วกล่าว “ตอนนี้เข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ในเขายังพอมีดอกไม้ป่าอยู่บ้าง แต่เมื่อฤดูหนาวมาเยือนก็จะไม่มีดอกไม้แล้ว ข้าคิดว่าพวกเจ้าเด็กๆ เหล่านี้หลังเลิกเรียนหากไม่มีอะไรทำ ขึ้นไปเด็ดดอกไม้บนเขาก็ย่อมได้ แน่นอนละว่า เด็ดดอกไม้ข้าก็มีเงินค่าดอกไม้ให้ด้วย”

เมื่อสิ้นเสียงคำพูดซ่งอิง หนิวต้าลี่ก็กระโดดออกมาในทันที “งานได้เงินหรือ เช่นนั้นข้าไปเด็ดด้วย! ระยะนี้ข้าคุ้นเคยกับภูเขาใกล้ๆ แห่งนี้ขึ้นมากแล้ว พี่สาว ท่านต้องการดอกไม้อะไรข้าเก็บมาให้ได้ทั้งนั้น!”

ซ่งอิงตระหนกตกใจไปกับเสียงเอะอะและท่าทีผลีผลามเข้ามาของปีศาจวัว

“เจ้าปักดอกไม้ในมือเจ้าก่อนแล้วค่อยว่ากัน” ซ่งอิงเอ่ยด้วยเสียงเหนื่อยหน่ายใจ “อีกอย่าง อีกไม่นานก็ต้องยุ่งกับงานไร่งานสวนแล้ว เจ้ายังต้องใช้แรงงานหนักอีกเยอะน่า!”

หนิวต้าลี่คอตก มองดูผ้าในมือตนอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวด สองดวงตาดูหมองหม่นลงเล็กน้อย

สิ้นหวังเหลือเกิน

นางและซานยาเรียนงานปักด้วยกัน นี่เพิ่งกี่วันเอง ซานยาปักรูปทรงน้ำเต้าตามที่พี่สาววาดเอาไว้ออกมาเป็นรูปเป็นร่างได้แล้ว ทว่านางเล่า ยังฝึกฝนเย็บและปะผ้าอยู่เลย!

ตามนิ้วมือนางตอนนี้เต็มไปด้วยรอยเข็มตำ วันเวลาเช่นนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใด!

“ท่านแม่ ท่านจะเอาดอกไม้ไปทำอะไรหรือ” ฮั่วหลินเอ่ยถาม

“เอามาใช้ทำสบู่ ไว้ถึงฤดูหนาวก็มีเพียงดอกเหมยแล้ว ซึ่งนั่นคงได้เห็นจนเบื่อ ตอนนี้ข้าต้องเก็บดอกไม้เอาไว้ก่อนสักหน่อย แล้วนำมันมาอบแห้งเอาไว้ เมื่อถึงฤดูหนาวค่อยเอาออกมาใช้ จะได้ทำให้ผู้คนเห็นแล้วเป็นอะไรที่แปลกใหม่ ถึงเวลาสบู่ก็จะขายดิบขายดียิ่งขึ้น” ซ่งอิงกล่าว

ตอนที่ 418 ไฉนจึงเร่งเร้าเผาผลาญกัน

พูดมาถึงตรงนี้ ซ่งอิงก็กล่าวขึ้นมาอีกครั้ง “พวกเจ้าจะเอาแต่จ้องหนังสือเพียงอย่างเดียวทุกวันไม่ได้เช่นกัน พรุ่งนี้ทำการบ้านให้เสร็จไวๆ หน่อย จากนั้นขึ้นเขาไปเก็บใบไม้มาหน่อย”

“…” ฮั่วหลินคิดว่ามารดาของเขาเปลี่ยนไวไปหน่อยแล้ว

หนึ่งเค่อก่อนต้องการดอกไม้ หนึ่งเค่อนี้ต้องการใบไม้เสียแล้ว

ความนึกคิดมากมายเหลือเกิน

เพียงแต่ว่า เขาเองก็อยากกลับขึ้นไปบนเขามากเช่นกัน ดังนั้นจึงพยักหน้าด้วยความดีอกดีใจ

วันรุ่งขึ้น เด็กทั้งสามคนก็นำคำสั่งของซ่งอิงบอกกล่าวบรรดาสหาย หลังตะโกนให้รู้โดยทั่ว บรรดาเด็กๆ ต่างกระตือรือร้นสนอกสนใจขึ้นมาถ้วนหน้า

ดอกไม้สองจินจะได้เงินหนึ่งอีแปะ ทำเงินได้ดีทีเดียว!

ทว่าที่ซ่งอิงต้องการคือดอกไม้ที่รู้จักชื่อของมัน และไม่ต้องการที่ขนาดใหญ่เกินไป เมื่อเป็นเช่นนี้ การจะได้ดอกไม้สองจินมาก็ต้องสิ้นเปลืองแรงไปเล็กน้อยเช่นกัน

เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เด็กๆ เหล่านี้หาเงินอย่างเอาเป็นเอาตายจนไม่สนใจไปเรียน ซ่งอิงก็บอกกล่าวไว้แล้วเช่นกันว่า ในหนึ่งวันจะรับซื้อของดอกไม้สดของทุกคนเพียงสี่จินเท่านั้น มากไปกว่านี้ไม่เอา

เมื่อเป็นเช่นนี้ ในหนึ่งวัน เด็กคนหนึ่งก็จะหาเงินได้จากทางด้านซ่งอิงนี้เพียงสองอีแปะเท่านั้น

แต่สำหรับเด็กน้อย สองอีแปะเป็นเงินค่าขนมอร่อยๆ ได้สองชิ้น พวกเขาก็ดีใจเหลือล้นแล้ว

เมื่อเลิกเรียน แต่ละคนล้วนวิ่งขึ้นเขาไปอย่างบ้าคลั่ง

เด็กๆ อาศัยอยู่ตามเนินเขา จึงคุ้นเคยกับภูเขาลูกนี้ รู้ว่าตรงไหนไปได้ตรงไหนไปไม่ได้ กลางเขาก็มีผู้ใหญ่ช่วยจับตาดูอยู่ จึงไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้นมาได้

ตอนนี้ ทั่วทั้งหมู่บ้านซิ่งฮวา เด็กๆ ที่เรียนหนังสือมีทั้งสิ้นห้าสิบห้าคน

แต่ก็ยังนับเป็นหลายเท่าตัวของหมู่บ้านอื่นๆ

เด็กๆ เสนอตัวมาเก็บดอกไม้มากมายเพียงนี้ ซ่งอิงไม่ขาดเหลือดอกไม้ที่จะเอาไว้ใช้งานอย่างแน่นอน

เมื่อได้ดอกไม้มาบ้างแล้ว นางอาศัยช่วงเวลาที่ยังมีดวงตะวันเจิดจ้า บ้างก็วางตากแดดไว้ด้านนอก บ้างก็วางไว้ในห้องอุ่นเพื่ออบมันให้แห้ง

พวกฮั่วหลินปฏิบัติตามความต้องการของซ่งอิง เก็บใบไม้มาจำนวนไม่น้อย

ซ่งอิงเลือกใบที่เส้นใยใบค่อนข้างแข็งออกมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นถือกรรไกรไปหาต้าไป๋ แล้วตัดขนลามาเล็กน้อยเพื่อทำแปรงขนอ่อนสามสี่ด้าม

ใบไม้เหล่านี้ เอามาใช้ทำเป็นที่คั่นเส้นใยใบไม้

นางมีโซดาไฟแล้ว การทำที่คั่นก็ง่ายดายเช่นกัน

เริ่มจากใบไม้ของปลายฤดูร้อนหรือฤดูใบไม้ร่วง เอาวางหมักไว้ในหม้อดิน ใส่ความเป็นด่างลงไปในหม้อสักหน่อย ไม่นานนัก ใบไม้นี้ก็จะเปลี่ยนสภาพเป็นสีดำ

เมื่อถึงขั้นตอนนี้ ก็ตักใบไม้ออกมาวางบนโต๊ะหินที่ผ่านการขัดเรียบแล้ว จากนั้นให้เด็กๆ สองสามคนนี้ใช้แปรงขนอ่อนแปรงเบาๆ

“ท่านแม่! ที่ข้านี่มัน…เปลี่ยนไปแล้ว! กระดูกมันปรากฎออกมาแล้ว!” ฮั่วหลินตื่นเต้นอย่างยิ่ง เขาลงมือแปรงเบาๆ เนื้อใบไม้นั่นก็หลุดออกมาแล้ว เผยแกนใยของใบไม้ออกมา

ซ่งอิงมองเขาด้วยแววตาสับสน

เป็นพืชเหมือนกันแท้ๆ ไฉนจึงเร่งเร้าเผาผลาญกันได้เพียงนี้

นางทำผิดไปแล้วหรือไม่นี่

“ที่ข้านี่ก็ปรากฏออกมาแล้วเช่นกัน ใบไม้นี้เปลี่ยนไปจนเหมือนปีกผีเสื้อเลย ช่างสวยงามจริงๆ!” ซ่งต๋าชื่นชอบเป็นพิเศษเช่นกัน เขารู้สึกว่ามันน่าสนใจเหลือเกิน!

เมื่อก่อนเขาก็เคยเห็นใบไม้ที่เหี่ยวแห้งหล่นลงมา แต่ตอนที่ใบไม้แห้งกลายเป็นลักษณะนั้น แค่แตะมันก็กรอบหักแล้ว แต่ในมือเขานี้กลับแตกต่างออกไป ทั้งยังสัมผัสได้ถึงความยืดหยุ่นเป็นพิเศษของใบไม้อีกด้วย!

“หลังแปรงสะอาดแล้วก็ใช้น้ำขี้เถ้าหญ้าล้างอีกรอบหนึ่ง จากนั้นใช้เชือกเส้นบางๆ เล็กๆ ผูกโคนใบไว้แล้วตากลมเย็นครู่หนึ่ง อีกเดี๋ยวก็เลือกสีที่ชอบทาลงไปบนใบไม้ได้แล้ว” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง

ทั้งสามคนตาลุกวาว

จัดการใบไม้ตระเตรียมไว้ให้เพียบพร้อม หลังกินข้าวแล้ว ใบไม้กึ่งชื้นกึ่งแห้ง ก็เริ่มทาสี

ฮั่วหลินชอบสีเดิมของใบไม้ ด้วยเหตุนี้จึงทาสีเขียวลงไปอีกครั้ง ซ่งต๋าและซ่งอู่ คนหนึ่งทาสีแดง อีกคนทาสีเหลือง มองดูไม่เลวทั้งนั้น แต่ละคนก็เปรอะเปื้อนไปทั้งตัวและใบหน้า

“เยี่ยม เอาเสียบไว้ในหนังสือเก่าเล่มนี้แล้ววางทิ้งไว้เถอะ” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง

เมื่อความชื้นถูกดูดซับแห้งแล้วจึงจะแข็งตัว จากนั้นที่คั่นเส้นใยใบไม้ก็เป็นอันสำเร็จแล้ว

เพียงแต่น่าเสียดายที่ไม่อาจเคลือบพลาสสติกเอาไว้ได้ ดังนั้นที่คั่นใยใบไม้นี้จะให้ได้รับความเสียหายไม่ได้ แต่เส้นใยใบไม้ที่ผ่านการหมักน้ำซึ่งมีความเป็นด่างก็จะมีความยืดหยุ่นและเหนียวเล็กน้อย ทั้งยังเป็นใบไม้แก่ ดังนั้นก็ไม่ใช่ว่าแค่แตะก็จะแตกหักในทันที

ซ่งอิงเห็นแก่ความที่ระยะนี้เด็กๆ ทั้งสามคนแสดงออกอย่างไม่เลว ดังนั้นมอบของลักษณะนี้เป็นรางวัลพิเศษแก่พวกเขา