บทที่ 192 มีไข้สูง

บทที่ 192 มีไข้สูง

เมื่อได้ยินคำถามของท่านหมอพาน กู้เสี่ยวหวานก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ใช่แล้ว! คนแซ่เหลยคนนั้นและคนแปลกหน้าใจดีที่ปรากฏตัวขึ้นจากที่ไหนก็ไม่รู้ ยังมีกู้ซินเถา รวมทั้งเหลียงต้าเปา

เมื่อกู้เสี่ยวอี้ประสบอุบัติเหตุครั้งที่แล้ว คนเหล่านี้ติดต่อกันได้อย่างไร?

ถ้าครั้งที่แล้วไม่ใช่เพราะเด็กหนุ่มคนนั้น กู้เสี่ยวหวานคงจะไปหาท่านหมอพานอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่ไปเข้าโรงหมอที่ไม่รู้จักนี้หรอก?

สิ่งเดียวที่กู้เสี่ยวหวานมั่นใจได้ในตอนนี้คือ “ครั้งนั้นมีเด็กหนุ่มใจดีพามา ข้าจึงขอเดาว่าโรงหมอแห่งนี้มีความลับที่พูดไม่ได้!”

“เด็กหนุ่ม? เด็กหนุ่มอะไร?”

“น้องสาวข้าหายตัวไป หาทั้งวันทั้งคืนแล้วก็ไม่พบ แต่ต่อมาเด็กหนุ่มคนนั้นกลับบอกว่าน้องสาวข้าอยู่ที่ไหน แล้วเขาก็ไปกับเราเพื่อตามหา ต่อมาก็พบน้องสาวของข้า แต่ท่านหมอหม่าก็รักษาไม่ได้ เขาจึงแนะนำให้เราไปหาหมอในเมือง”

“หลังจากนั้นเด็กหนุ่มผู้นั้นก็พาพวกเจ้าไปที่โรงหมอของคนแซ่เหลยใช่หรือไม่?”

“ใช่แล้ว!” กู้เสี่ยวหวานกล่าว “ตอนนั้นข้าคิดว่าได้เจอคนดีคนหนึ่งเข้าแล้ว แต่ตอนนี้เมื่อนึกถึงแล้ว คนผู้นี้น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรงหมอแห่งนั้น เป็นไปได้ไหมเจ้าคะว่าเขาจะเป็นผู้ดูแลของโรงหมอ?”

ถึงกระนั้นกู้เสี่ยวหวานก็ไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี พวกเขาเป็นแค่เด็กน่าสงสารที่ไม่มีพ่อแม่อยู่ในหุบเขาที่ยากจน หากต้องการหาเงิน พวกเขาจะหาได้อย่างไร?

ยิ่งกว่านั้นยังมาเจอคนพวกนี้ และยังร่วมมือกันรังแกพวกเขาอีก!

เป็นไปได้ไหมว่ามีคนจงใจทำเรื่องนี้เพื่อหลอกลวงพวกเขา!

ระหว่างนั้น กู้เสี่ยวหวานก็นึกถึงใครบางคนขึ้นมาได้

เฉาซื่อ!

ในวันที่กู้เสี่ยวอี้หายตัวไป เฉาซื่อมาสร้างปัญหาให้กับพวกเขาเพราะเรื่องเงิน และเป็นเพราะการปรากฏตัวของเฉาซื่อ จึงทำให้กู้เสี่ยวอี้หายตัวไปและได้รับบาดเจ็บ

ทั้งหมดทั้งมวลของเรื่องนี้ก็เป็นเพราะเงิน!

ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานเริ่มมืดมนลง และภายใต้ตะเกียงน้ำมันที่สลัวนี้ มีแววตาที่มืดมนยิ่งกว่า

กู้เสี่ยวอี้รู้สึกถึงพลังอาฆาตของพี่สาวจนรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย นางดึงแขนเสื้อของกู้เสี่ยวหวานพลางกล่าว “ท่านพี่ ๆ……”

ในที่สุด กู้เสี่ยวหวานก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง และยิ้มเพื่อปลอบใจกู้เสี่ยวอี้ “ไม่ต้องกังวล ข้าไม่เป็นไร!”

ท่านหมอพานไม่รู้ว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังคิดอะไรอยู่ เขาคิดว่าสาวน้อยคนนี้เป็นทุกข์เพราะเสียเงินไปหกร้อยตำลึงเงินอย่างเปล่าประโยชน์ จึงรีบปลอบโยน “ไม่เป็นไรสาวน้อย ไม่ต้องเสียใจไป ปล่อยวางเถอะ ถือว่าเป็นการใช้เงินเพื่อขจัดภัยพิบัติแล้วกัน”

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกขอบคุณสำหรับการปลอบโยนของท่านหมอพานและกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “อือ ข้ารู้เจ้าค่ะ ท่านหมอพาน!”

แววตาของกู้เสี่ยวหวานสว่างวาบอย่างไร้ความปรานี เมื่อนึกถึงเรื่องนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็ดูสมเหตุสมผล หลังจากคิดอย่างรอบคอบถี่ถ้วนแล้ว ทุกความพิกลของเรื่องนี้ก็ดูจะเชื่อมโยงกันทั้งหมด

หากเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับทางบ้านใหญ่กู้จริง ๆ ก็คงจะเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ

ทำไมหมอเหลยถึงมาหาพวกเขา? และเด็กหนุ่ม “ใจดี” คนนั้นรู้ได้อย่างไรว่ากู้เสี่ยวอี้อยู่ที่ไหน?

เรื่องทั้งหมดค่อนข้างน่าสงสัยทีเดียว

ผู้บงการเบื้องหลังอาจจะเป็นเฉาซื่อหรืออาจจะไม่เกี่ยวข้องกับเฉาซื่อก็ได้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพียงการคาดเดาของกู้เสี่ยวหวาน

ท่านหมอพานให้คำเตือนอีกสองสามข้อ จากนั้นจึงใช้ประโยชน์จากคืนนั้นนั่งเกวียนวัวกลับไป ในที่สุดค่ำคืนอันแสนวุ่นวายก็สงบลง

กู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ยังเด็ก พวกเขาวิ่งไปมาทั้งวัน ตอนนี้จึงหมดแรงและผล็อยหลับไปโดยเอาหัวซุกหมอน กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าตนก็เหนื่อยเช่นกัน แต่ก็ยังไม่กล้าหลับ

คนผู้นี้ยังไม่พ้นช่วงอันตราย กู้เสี่ยวหวานกลัวว่าเขาจะเป็นไข้ตอนกลางดึกจึงไม่กล้าพักผ่อน นางกลัวว่าทันทีที่ตนหลับ ตนจะนอนจนถึงวันพรุ่งนี้

กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าการหายใจของชายคนนั้น แม้จะดูแผ่วเบาแต่สม่ำเสมอ หลังจากนั้นนางก็วางใจลง

ในคืนที่เงียบสงัด มีเพียงเสียงหายใจของคนไม่กี่คน กู้เสี่ยวหวานลืมตาขึ้น มองดูบุคคลนั้นอยู่ครู่หนึ่ง และมองไปยังที่อื่นสักพัก นางรู้สึกว่าเปลือกตาบนและเปลือกตาล่างกำลังต่อสู้กันอย่างต่อเนื่อง และอาจจะปิดลงเมื่อใดก็ได้

จากนั้นก็ได้ยินเสียงของกู้หนิงผิง จึงมองไปทางเขาทันที

กู้หนิงผิงขยี้ตา เมื่อเห็นว่าพี่สาวของเขายังคงนั่งอยู่ที่ขอบเตียง เขาก็ไม่หลับตาและกล่าวอย่างกังวลว่า “ท่านพี่ ทำไมท่านยังไม่นอนอีก?”

กู้เสี่ยวหวานลดเสียงลงและกล่าวว่า “ท่านหมอพานกล่าวว่าคนผู้นี้อาจมีไข้ในตอนกลางคืน ดังนั้นข้าควรตื่นตัวไว้”

“ท่านพี่ ท่านเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ท่านไปพักผ่อนเถอะ เปลี่ยนให้ข้าดูแทนเถอะ!” กู้หนิงผิงค่อย ๆ ยกผ้าห่มและลุกขึ้น

“ไม่เป็นไร เจ้าวิ่งไปมาทั้งวัน เจ้านอนไปเถอะ”

“ท่านพี่ ข้าเพิ่งจะหลับ และตอนนี้ก็ตื่นแล้ว ท่านพักผ่อนสักหน่อยเถอะ มีข้าดูอยู่ ไม่เป็นไรหรอก” กู้หนิงผิงเร่งให้นางพักผ่อน

“แต่คนผู้นี้จะมีไข้สูงกลางดึก!”

แม้ร่างกายของนางจะเหนื่อยล้าเล็กน้อย แต่กู้เสี่ยวหวานก็ยังไม่อาจวางใจได้ มันยากที่จะช่วยชีวิตใครสักคน แต่ก็ไม่อาจวางใจก่อนเห็นความสำเร็จ จึงไม่กล้าที่จะนอนจริง ๆ

“ท่านพี่ ทำไมท่านไม่ลองหลับตาดูสักครู่ ถ้าคนผู้นี้เคลื่อนไหว ข้าจะเรียกท่านเอง” กู้หนิงผิงรู้ว่ากู้เสี่ยวหวานทำงานหนักแค่ไหนในวันนี้ นางคงจะเหนื่อยมากหลังจากแบกคนผู้นี้เดินมาครึ่งภูเขา แน่นอนว่าคงจะเหนื่อยมากแน่

กู้หนิงผิงไม่ต้องการให้พี่สาวของเขาเหนื่อยจนป่วยเพราะเรื่องนี้

กู้เสี่ยวหวานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและรู้สึกว่าเป็นเรื่องดีมาก หลังจากวันอันแสนวุ่นวาย นางก็เหนื่อยมาก เมื่อตื่นนอนอยู่ตอนนี้ก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไร และเมื่อได้ยินกู้หนิงผิงพูดในครั้งนี้ ร่างกายก็ราวกับจะแตกสลายและเจ็บปวดอย่างรุนแรง ดวงตาคู่นั้นกำลังจะปิดลง แต่กู้เสี่ยวหวานรู้ว่ากู้หนิงผิงก็เหนื่อยกับวันนี้เช่นกัน และกลัวว่าน้องชายจะเหนื่อยเกินไป

“ตกลง ข้าจะหลับตาสักครู่ หลังจากนั้นก็เปลี่ยนให้เจ้าพัก ถ้าคนผู้นี้มีไข้สูงจริง ๆ เจ้าต้องรีบเรียกข้า! เพราะเจ้าคงไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร!”

“อือ ข้ารู้แล้ว” กู้หนิงผิงตอบด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าในที่สุดพี่สาวของเขาก็เต็มใจที่จะพักผ่อน

กู้เสี่ยวหวานเหลือบมองชายผู้นั้นอีกครั้ง จากนั้นก็ลุกขึ้น อธิษฐานในใจสองสามประโยค แล้วนอนลงบนที่ที่กู้หนิงผิงเพิ่งจะนอน ทันทีที่ศีรษะแตะหมอน อาการง่วงซึมก็เข้าครอบงำและผล็อยหลับไป

เป็นไปตามการคาดการณ์ของท่านหมอพาน ชายผู้นั้นมีไข้สูงในกลางดึก ใบหน้าแดงก่ำ คิ้วขมวด ริมฝีปากแห้งแตก ทันใดนั้นไข้ก็เริ่มสูงขึ้น

อาจเป็นไปได้ว่าความร้อนนั้นทำให้อึดอัดเกินไป และชายคนนั้นก็เริ่มมีอาการเพ้อ

เมื่อได้ยินเสียง กู้หนิงผิงที่หลับอยู่ก็ตื่นขึ้นในทันใด

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

น่าจับพวกคนทั้งหมดที่ร่วมโกงเงินเสี่ยวหวานมาหักมือทิ้งสักข้างแบบเรียงตัวนะ บังอาจมาก เอาความเป็นความตายของคนมาโกงเงินเด็กตัวน้อยเท่านั้นกันหน้าด้าน ๆ

ชายคนนี้คือใครกันนะ ให้ความรู้สึกเหมือนสามีในอนาคตของเสี่ยวหวานเลย

ไหหม่า(海馬)