เสียงเอะอะโวยวายยิ่งดังขึ้นอีก ไม่นานมันก็ดังมาถึงหูอี๋หนิงโหวเหล่าฮูหยิน
“เกิดอะไรขึ้น” อี๋หนิงโหวเหล่าฮูหยินหันไปถามต้าไท่ไท่โหยวซื่อที่อยู่ไม่ไกลนัก
โหยวซื่อสีหน้าเปลี่ยนไปตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงร้องไห้พลางตะโกนเรียกพวกนั้นแล้ว นางลุกขึ้นตรงไปที่สาวรับใช้พลางตะเบ็งเสียงออกมา “วันมงคลของเหล่าฮูหยินแท้ๆ เหตุใดถึงประพฤติตัวไร้มารยาทเช่นนี้ มีเรื่องอะไรก็พูดออกมาให้ชัดเจน!”
สาวรับใช้ที่วิ่งหน้าตั้งเข้ามาสีหน้าถอดสี พูดติดๆ ขัดๆ “ต้าไท่ไท่ คือคุณชายรอง…”
“คุณชายรองเป็นอะไร…” หากไม่อยู่ต่อหน้าคนเยอะเช่นนี้ โหยวซื่อคงตบฉาดลงบนหน้าสาวรับใช้ไปแล้ว โหยวซื่อเป็นคนโอหัง ให้กำเนิดหลานชายคนโตและหลานสาวคนโตแห่งจวนโหว ทั้งลูกชายและลูกสาวต่างโดดเด่นเป็นสง่า มีก็แต่ลูกคนรองซูชิงอี้ที่สติไม่สมประกอบมาตั้งแต่เด็ก มันกลายเป็นปมในใจของโหยวซื่อ เมื่อเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของสาวรับใช้ โหยวซื่อก็รู้สึกเหมือนถูกบีบรัดหัวใจขึ้นมา กลัวว่าลูกคนรองจะก่อเรื่องอะไรให้นางลำบากอีก เพราะเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งจะก่อเรื่อง…
สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องไปที่สาวรับใช้ สาวรับใช้ตะเบ็งเสียงลั่นพร้อมกับน้ำตานองหน้า “ต้าไท่ไท่ คุณชายรองจมน้ำเจ้าค่ะ!”
โหยวซื่อตัวสั่นเทิ้ม ภาพตรงหน้าเลือนราง พลันตะโกนดังลั่น “คุณชายรองเป็นอย่างไรบ้าง”
สาวรับใช้คุกเข่าลงกับพื้น พูดอะไรไม่ออก สั่นไปทั้งตัว
โหยวซื่อใจเสีย พลันวิ่งมุ่งหน้าตรงไปที่ทะเลสาบจวีสยา
ในฐานะที่เป็นคนดูแลจัดการเรือน โหยวซื่อจึงรู้ได้ทันทีว่าในจวนโหวจุดที่สามารถทำคนจมน้ำได้ก็คือทะเลสาบจวีสยา
อี๋หนิงโหวเหล่าฮูหยินลุกขึ้นตัวสั่นระริก และเนื่องจากลุกเร็วเกินไปจึงเกือบจะล้มลง
“ท่านยาย!” เจียงอีพยุงอี๋หนิงโหวเหล่าฮูหยินไว้
อี๋หนิงโหวเหล่าฮูหยินยกมือขึ้น เอ่ยพูดเสียงเศร้า “อีเอ๋อร์ พยุงข้าไปที”
ผู้ชมการแสดงงิ้วต่างก็รีบตามอี๋หนิงโหวเหล่าฮูหยินออกไป
พริบตาเดียวเวทีการแสดงงิ้วที่ครึกครื้นก็ไร้ซึ่งผู้ชม เหลือเพียงแต่ความเงียบงันหลังจากความโหวกเหวกโวยวาย
ในมุมหนึ่งอาหมานริมฝีปากขาวซีด ออกแรงดึงชายแขนเสื้อเจียงซื่อ “คุณ คุณหนู พวกเราลำบากแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ”
แม้สีหน้าเจียงซื่อจะซีดเซียวไร้เลือดฝาด ทว่ายังคงรักษาความนิ่งในน้ำเสียงไว้ “พวกเราก็ไปดูกันเถอะ หนีความยุ่งยากนี้ไม่พ้นหรอก อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด”
นึกไม่ถึงเลยว่าน้องรองซูชิงอี้จะจมน้ำ!
ชาติภพที่แล้ว ซูชิงอี้ก็จากไปในปีนี้เช่นเดียวกัน เพียงแต่ไม่ใช่ช่วงวันเกิดท่านยาย ต้องห่างไปอีกตั้งหลายวันเลย
ตอนนั้นนางเป็นลูกสะใภ้ของจวนอันกงกั๋วแล้ว มีข่าวการตายไปถึงนาง แจ้งว่าน้องรองตายเพราะป่วย ส่วนป่วยเป็นอะไรนั้นไม่ได้เอ่ยถึง ทว่าวันนี้ ซูชิงอี้กลับมามาจมน้ำตาย…
เจียงซื่อนึกถึงความแตกต่าง ความหนาวเย็นพุ่งเข้ามาในใจ
กลับมาที่เวทีที่เงียบสงบลง นางคิดไว้แต่แรกแล้วว่าหากมีผู้ใดพบเห็นว่าซูชิงอี้เข้ามาขวางนางที่บริเวณใกล้ทะเลสาบจวีสยาจะเป็นอย่างไร
พวกเขาทั้งสองไม่ใช่เด็กแล้ว หากถูกพบว่ามีการเกี่ยวพันกัน ไม่แน่อาจจะจับนางกับซูชิงอี้มาเป็นคู่กันก็ได้ พอถึงตอนนั้นให้ตายนางก็ไม่ยอมแน่
เวลานี้ในชาติภพที่แล้วนางได้แต่งงานไปแล้ว จึงไม่มีเรื่องนี้แทรกขึ้นมา
เช่นนั้นการที่ซูชิงอี้จมน้ำตายเป็นเพราะชาตินี้ไม่มีเรื่องอะไรแทรกเข้ามาเหมือนชาติที่แล้ว หรือว่าการป่วยตายในชาติภพที่แล้วมีเหตุผลอื่น ไม่ว่าอย่างไร มีสิ่งที่เจียงซื่อรู้ได้อย่างแน่ชัด เวลาตายของซูชิงอี้ในชาติภพที่แล้วกับชาตินี้ไม่เหมือนกัน!
ยิ่งคิด สีหน้าเจียงซื่อก็ยิ่งแย่ลง
เพิ่งจะผ่านการตายของคู่สามีภรรยาหย่งชังปั๋วมา นางเริ่มเข้าใจความน่ากลัวของการได้กลับมาเกิดใหม่แล้ว ขณะที่ความคิดกำลังฟุ้งซ่าน เจียงซื่อก็ขาอ่อนยวบลงทันที
มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาประคองนางไว้อย่างมั่นคง “คุณหนู ระวังเจ้าค่ะ!”
เจียงซื่อพยักหน้า พลันเร่งฝีเท้า ไม่นานก็ตามอี๋หนิงโหวเหล่าฮูหยินและคนอื่นๆ ทัน แล้วเข้าไปยืนอยู่ข้างเจียงอีเงียบๆ
ภายใต้แสงแดดอันสดใสสามารถมองเห็นทะเลสาบจวีสยาที่ส่องประกายสวยงามได้ในระยะไกล
ริมทะเลสาบจวีสยาเต็มไปด้วยผู้คน เสียงดังเจี๊ยวจ๊าวปนกับเสียงร้องห่มร้องไห้ เทียบกับความคึกคักรื่นเริงก่อนหน้านี้ในจวนแล้ว ช่างแตกต่างราวกับเป็นโลกคนละใบ โหยวซื่อที่วิ่งไปถึงด้านหน้าเจอลูกชายคนรองนอนนิ่งอยู่ที่พื้น ซูชิงอี้นอนแน่นิ่งไม่ขยับ ด้านข้างมีหมัวมัวคนหนึ่งคอยกดส่วนท้องไว้ไม่หยุด น้ำไหลทะลักออกมาจากมุมปากตามแรงกดของหมัวมัว ทว่าเขากลับไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ
“อี้เอ๋อร์ตื่นสิ อย่าทำให้แม่ตกใจ!” โหยวซื่อตะโกนร้องออกมาปานจะขาดใจ พลางโผเข้าไป
ซูชิงอี้ตาปิดสนิททั้งสองข้าง ใบหน้าที่อ้วนท้วมบีบเข้าหากัน ดูน่ากลัวเล็กน้อย
“อี้เอ๋อร์เจ้าฟื้นขึ้นมาสิ อย่าทำให้แม่ตกใจ!” โหยวซื่อเขย่าร่างซูชิงอี้ มือคลำไปโดนผิวที่โผล่ออกมามาด้านนอก มันเย็นเฉียบ
“ต้าไท่ไท่ คุณชายรอง…เสียแล้ว…”
โหยวซื่อร่ำไห้ กอดร่างซูชิงอี้ไว้ไม่ปล่อย
แม้นางจะเกลียดที่ลูกชายคนรองเป็นเด็กปัญญาอ่อนอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็อุ้มท้องมาถึงสิบเดือน เลี้ยงดูมาจนโตถึงอายุสิบสี่ปี พอมีจุดจบเช่นนี้แล้วจะไม่เสียใจได้อย่างไร
เสียงร้องไห้ของโหยวซื่อดังระงมเข้าไปในหูของผู้คน เสียงสะอึกสะอื้นจากผู้คนเริ่มดังขึ้นเบาๆ
มืออี๋หนิงโหวเหล่าฮูหยินที่จับแขนเจียงอีไว้สั่นระรัว เหมือนกับจะยืนไม่อยู่แล้ว
เรื่องมงคลกลับกลายเป็นอัปมงคล ความรู้สึกหดหู่อันหนักหน่วง ทำให้นางไม่อาจความคุมอารมณ์ความรู้สึกได้
ข่าวคราวแพร่กระจายไปถึงหูแขกฝั่งบุรุษอย่างรวดเร็ว ไม่นานอี๋หนิงโหวกับนายท่านซูก็มาถึง
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น” นายท่านซูถามสีหน้าขึงขัง
เสียงโหยวซื่อแหบพร่า “ท่านพี่ อี้เอ๋อร์ไม่อยู่แล้ว อี้เอ๋อร์ของข้าไม่อยู่แล้ว…”
นางเริ่มเสียใจแล้ว เหตุใดตอนที่ลูกคนรองยังมีชีวิตอยู่ถึงได้รังเกียจเขาที่สติไม่สมประกอบ กลัวว่าจะทำให้นางอับอายขายหน้า แม้แต่งานเลี้ยงฉลองวันเกิดเหล่าฮูหยินก็ไม่ให้เขาโผล่หน้ามา
หากวันนี้ลูกคนรองอยู่กับลูกคนโต ไม่แน่อาจจะไม่เกิดเหตุการณ์นี้ก็ได้
นายท่านซูมองลูกคนรองที่ไร้ซึ่งลมหายใจ แม้จะเสียใจไม่น้อยกว่าโหยวซื่อ ทว่ายังคงมีสติอยู่
“แม้อี้เอ๋อร์จะสติไม่สมประกอบ แต่ปกติก็ไม่เข้าไปใกล้น้ำ อีกอย่าง สาวรับใช้ของอี้เอ๋อร์ล่ะ”
นายท่านซูถามเช่นนี้ สาวรับใช้นางหนึ่งโผเข้ามานั่งคุกเข่าลง “บ่าวเล่นเตะลูกขนไก่กับคุณชายรองอยู่ในสวน คุณชายรองบอกว่าคอแห้ง บ่าวจึงเข้าไปรินน้ำ ใครจะรู้แค่แวบเดียวเท่านั้นคุณชายรองจะหายไป ข้าน้อยออกตามหาจนทั่ว จากนั้น…จากนั้นก็พบว่ามีคนลอยอยู่ในทะเลสาบจวีสยา พอมองดูดีๆ ก็เห็นว่าเป็นคุณชายรอง…”
สาวรับใช้ยิ่งพูดก็ยิ่งลุกลี้ลุกลน เอาหัวโขกพื้นไม่หยุด “บ่าวผิดไปแล้ว นายท่าน ไท่ไท่ไว้ชีวิตบ่าวด้วยเถอะนะเจ้าคะ!”
“นางสารเลว หุปปากเดี๋ยวนี้!” โหยวซื่อพุ่งเข้ามาตบฉาดลงบนหน้าสาวรับใช้ สีหน้าย่ำแย่ลงไปอีก จากนั้นก็หันหน้าไปช้าๆ สบตาเข้ากับซูชิงเสวี่ยที่หน้าซีดเผือด
ซูชิงเสวี่ยเบิกตาโพลงด้วยความกลัว แล้วส่ายหน้าออกมาอย่างแรง
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาง ท่านแม่ใหญ่เป็นคนสั่งให้นางกล่อมพี่รองไปที่ศาลาเฉาหยางเอง จากนั้นก็รอให้เจียงซื่อผ่านมาแล้วยุให้พี่รองวิ่งออกไปก่อกวนเจียงซื่อ
ซูชิงเสวี่ยพยายามส่งสายตาออกไปอย่างสุดความสามารถว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด
โหยวซื่อค่อยๆ ใจเย็นลง นางรู้ดีว่าลูกสาวที่เกิดจากอนุไม่กล้าทำร้ายลูกชายคนรองหรอก จู่ๆ ก็คิดขึ้นได้ว่ามีผู้ต้องสงสัย ตอนที่เข้าไปก่อกวนเจียงซื่อลูกคนรองได้เผชิญกับเหตุสุดวิสัยอื่นหรือไม่
พอคิดถึงตรงนี้ โหยวซื่อก็เอ่ยเสียงดังลั่นต่อหน้าผู้คน “คุณชายรองคงไม่ได้จมน้ำโดยไม่มีสาเหตุแน่ หากผู้ใดพบว่ามีอะไรผิดปกติไม่ชอบมาพากลข้ามีรางวัลให้! หากผู้ใดรู้เรื่องแต่ไม่รายงาน เมื่อข้าจับได้ ข้าจะไล่ครอบครัวพวกเจ้าออกไปให้หมด!”
ผู้คนต่างหันหน้ามองกันไปมา ไม่นานก็มีสาวรับใช้นางหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ “ก่อนหน้านี้ข้าน้อยเดินผ่าน ได้ยินคร่าวๆ เหมือนกับคุณชายรองกำลังพูดว่า…”