บนยอดเขาหยกน้อย บัดนี้ กระบี่เพลิงลุกโชนขณะที่ค่ายกลยันต์หมุนวน และร่างทั้งสองร่างก็กำลังต่อสู้กันอยู่กลางอากาศ
ในวันนี้ แม้โหย่วฉินเสวียนหย่าจะเปลี่ยนชุดเป็นชุดสีฟ้าเยือกเย็น แต่นางก็ยังคงงดงามเช่นเดิม
ที่ด้านหน้ากระท่อมมุงจาก ในขณะนั้น อาจารย์อาน้อยและศิษย์น้องหญิงน้อยซึ่งต่างนั่งอยู่คนละด้านของโต๊ะเตี้ย ต่างเงยหน้าขึ้นมองออกไปในขณะที่เคี้ยวขนมและจิบชาอยู่ตลอดเวลา
เมื่อโหย่วฉินเสวียนหย่าบินข้ามศีรษะของพวกเขาทั้งสองคน อาจารย์อาน้อยก็จะร้องตะโกนว่า “ว้าว…เสี่ยวหยา! วันนี้ เจ้ากำลังสวมใส่…”
ทันใดนั้น หลิงเอ๋อร์พลันรีบขัดจังหวะอย่างรวดเร็ว“อาจารย์อา!”
จิ่วจิ่วยังกล่าวต่อว่า “เฮ้ ฮิฮิ เสี่ยวหยายังสวยเหมือนเมื่อวานเลย”
ในอากาศ เวลานั้น หลี่ฉางโซ่วแย้มยิ้มขณะเปิดใช้ค่ายกลด้วยทักษะการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วปราดเปรียวของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะรับมือในการต่อสู้กับโหย่วฉินเสวียนหย่าได้ แต่ความจริงแล้ว…เขากำลังถูกไล่ล่าทำร้าย
โหย่วฉินเสวียนหย่าทำตามคำแนะนำของจิ่วจิ่ว แม้นางจะใช้พลังเพียงแปดในสิบส่วนของขอบเขตพลังของนาง แต่นางก็ใช้อาวุธเวททั้งหมดของนางในขณะที่ฝึกซ้อมกันอย่างจริงจังทุกครั้ง…
ยันต์สำหรับค่ายกลยันต์กลายเป็นยุทธปัจจัยที่ใช้สิ้นเปลือง แม้พวกมันจะมีราคาถูก แต่หลี่ฉางโซ่วก็ยังรู้สึกบีบคั้นจิตใจหลังจากฝึกซ้อมมาหลายวัน
ทรัพยากรทุกอย่างแม้เพียงเล็กน้อยในยอดเขาหยกน้อยของพวกเขาก็ล้วนมีค่าอย่างยิ่ง!
แต่ในครั้งนี้มันก็นับว่าคุ้มค่าเช่นกัน
บนท้องฟ้าเหนือป่าทึบใกล้เมืองชายแดนของดินแดนเทวะอุดรและดินแดนเทวะทักษิณ มีร่างหนึ่งในชุดเสื้อคลุมบินผ่านมา และหลังจากนั้นไม่นานนัก ก็มีอีกร่างหนึ่งไล่ตามไป…
ร่างทั้งสองคล้ายคลึงกันอย่างมาก
ผู้ที่อยู่ข้างหน้าคือตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่หลี่ฉางโซ่วปลอมตัวมันเป็นนักพรตเต๋าไขว่ซือ
ส่วนคนด้านหลังคือ นักพรตเต๋าไขว่ซือตัวจริง ซึ่งหลี่ฉางโซ่วเฝ้าติดตามเขามาอย่างต่อเนื่อง
สิบปีแห่งการรอคอย…บัดนี้ เขาถูกไล่ล่ามาหลายหมื่นลี้…
อีกฝ่ายถูกล่อให้ออกตามไปอย่างง่ายดายเสียจนหลี่ฉางโซ่วไม่มีโอกาสที่จะปรากฏตัวหลังจากครุ่นคิดมาหลายวิธีเป็นเวลานาน
เขารู้สึกว่านี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของศัตรูของเขาเลย แม้ศัตรูจะดูถูกเขา แต่หลี่ฉางโซ่วก็ไม่ดูถูกคู่ต่อสู้ของเขา
ในเวลานี้ หลี่ฉางโซ่ว ไม่ได้ซุ่มโจมตีหรือสร้างค่ายกลในทิศทางนั้นเพราะอาจกระตุ้นพลังสัมผัสเซียนรับรู้ของอีกฝ่ายหนึ่ง และพร้อมกันนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ยับยั้งเจตนาสังหารของเขาขณะกำลังคิดหาวิธีสื่อสารที่เป็นมิตรกับอีกฝ่ายหนึ่งในใจเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเกิดลางสังหรณ์เตือน
เมื่อมองดูหินสัมผัสแล้ว ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกว่า เขามีโอกาสลงมือแล้ว เวลานี้ น้อยคนนักที่จะสนใจพวกเขา…
อย่ารีบร้อนไป เขาต้องอดใจรอ
เขาแผ่พลังสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาออกไปตลอดเวลาเพื่อสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบที่อยู่ภายในรัศมีหลายร้อยลี้รวมถึงสำรวจขึ้นลงจากระดับความสูงหนึ่งพันจั้งและต่ำลงไปใต้ดินหนึ่งพันจั้ง
หลี่ฉางโซ่วทุ่มเทพลังงานทั้งหมดของเขาในคาดการณ์ทำนายและสรุปผลอย่างต่อเนื่อง
ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ตัวหนึ่งยังคงวางล่อคู่ต่อสู้ออกมา ในขณะที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์อีกตัวหนึ่งได้ปล่อยตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ตัวที่สาม เช่นเดียวกับตุ๊กตากระดาษต้นกำเนิดอีกแปดตัวในอีกทิศทางหนึ่ง พวกมันแอบตั้ง ‘ฐานที่มั่นหลัก’ อย่างเงียบๆ ที่จะใช้ต่อไปในภายหลัง…
สมบัติมากกว่าครึ่งหนึ่งที่เขาสะสมโดยซื้อมาด้วยเงินสนับสนุนรายเดือนของเขาที่ได้จากสำนักและสะสมมานานกว่าสิบปีจากการฝึกหลอมโอสถ รวมถึงโชคลาภล้วนถูกใช้ที่นั่น
และเพื่อให้หลิงเอ๋อร์รู้สึกมีส่วนร่วมเล็กน้อย หลี่ฉางโซ่วยังได้หักส่วนแบ่งเงินสนับสนุนรายเดือนสองสามเดือนของนาง และให้นางแลกเปลี่ยนมาเป็นวัสดุบางอย่างเพื่อใช้ปรับแต่งรากฐานค่ายกลจำนวนมาก
แน่นอนว่า หลิงเอ๋อร์ย่อมไม่รู้ว่าศิษย์พี่ของนางกำลังใช้วัสดุเหล่านั้นไปทำอะไร แต่หากศิษย์พี่ต้องการ นางก็จะทำให้เขา
หลี่ฉางโซ่วชอบที่จะฉวยโอกาสลงมือจัดการเอง แต่เขาไม่ชอบเข้าไปพัวพันกับกรรม
วันนี้ หลี่ฉางโซ่วดำเนินการเคลื่อนไหวเอง เขาวางแผนครอบคลุมอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว และมีแผนติดตามผลเพื่อโต้ตอบตามสถานการณ์ได้ทันท่วงที
แม้จะพูดไม่ได้ว่าเขามั่นใจเต็มร้อยส่วน เพราะนักพรตเต๋าที่เขาต้องการวุ่นวายด้วยสามารถนับได้ว่าเป็นศิษย์สำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน และในเวลานี้นักพรตเต๋าก็ติดกับเหยื่อล่อแล้ว
ในขณะนั้นความมั่นใจของเขาถือได้ว่าอยู่ที่ราวเก้าสิบแปดในหนึ่งร้อยส่วน
…
ร่างทั้งสองนี้บินออกไปพันลี้แล้ว และเจตนาสังหารของนักพรตเต๋าไขว่ซือต่อผู้แอบอ้างปลอมตัวเป็นเขาก็ทรงพลังรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
เห็นได้ชัดว่า เขาได้กระทำการชั่วร้ายมากมายเช่น การสังหารผู้อื่น และขโมยสมบัติของพวกเขา ตลอดจนการไล่ล่า เมื่อเขาติดตามหลัง เขาก็รักษาระยะห่างไม่ให้ไกลหรือใกล้เกินไป เขามีประสบการณ์มาก…และหลังจากบินไปได้กว่าพันสองร้อยลี้แล้ว นักพรตเต๋าไขว่ซือก็เริ่มเพิ่มความเร็วของเขาเงียบ ๆ ขณะที่เขายังคงปกปิดความผันผวนของลมปราณของเขาและเข้าไปใกล้จากด้านข้างอย่างเงียบ ๆ
เมื่อเห็นว่า นักพรตเต๋าไขว่ซือกำลังจะโจมตีตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ปลอมตัวเป็นเขาอยู่ข้างหน้า
สิ่งที่หลี่ฉางโซ่วสนใจคือ ในเวลานี้ ไม่มีพลังสัมผัสเซียนรับรู้แสดงให้เห็นบนหินสัมผัสอีกต่อไป
เห็นได้ชัดว่าการไล่ตามและสังหารคนอื่นถือเป็นเรื่องปกติในเมืองที่มีมนุษย์และปีศาจปะปนกัน และมันก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
จู่ๆ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ซึ่งปลอมตัวเป็นนักพรตเต๋าไขว่ซือก็แอบเปิดขวดกระเบื้องขณะที่บินต่อไปหลายร้อยจั้ง แล้วทันใดนั้น มันก็หันกลับมามองข้างหลัง
ในขณะนั้น นักพรตเต๋าไขว่ซือซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายพันจั้งทางด้านหลังของมัน กำลังขมวดคิ้วและชะงักงัน
แต่หลังจากนั้น นักพรตเต๋าไขว่ซือก็เยาะเย้ยและค่อยๆ ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า โดยยังคงอยู่ที่ระดับความสูงเท่ากับผู้ที่ปลอมตัวเป็นเขา “สหายเต๋า” นักพรตเต๋าไขว่ซือกล่าวขณะยังคงสงบนิ่ง “หากเจ้าแกล้งปลอมตัวเป็นข้า เจ้าไม่คิดจะให้เหตุผลกับข้าสักหน่อยหรือ บัดนี้ทั้งข้าและเจ้าได้สร้างกรรมต่อกันนี้แล้ว ในวันนี้ ข้าเกรงว่าเราจะต้องทำเช่นนี้แล้ว”
สีหน้าของผู้ที่แอบอ้างปลอมตัวเป็นนักพรตเต๋าไขว่ซือพลันเปลี่ยนไปในทันที และค่อย ๆ ถอยกลับไปในอากาศพลางประสานมือคารวะขณะเผชิญหน้ากับนักพรตเต๋าไขว่ซือ ก่อนจะกล่าวว่า “สหายเต๋า โปรดอย่าตำหนิข้า ข้าทำเพียงเพราะต้องการใช้ประโยชน์จากเจ้าและไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเจ้า”
“ใช้ประโยชน์?”
นักพรตเต๋าไขว่ซือขับเคลื่อนเมฆไปข้างหน้า เขาถือกระบี่ยาวและมีกระสวยบินอยู่ในมือซึ่งวางไว้ทางด้านหลังของเขาในขณะที่ถ่ายเทพลังเซียนของเขาเข้าไปในอาวุธเวทของเขาเช่นกัน…
ชั่วพริบตานั้น มีความตื่นตระหนกเล็กน้อยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนักพรตเต๋าไขว่ซือตัวปลอม “สหายเต๋า ข้าแค่แสร้งปลอมเป็นเจ้าโดยไม่ได้ทำให้ชื่อเสียงของเจ้าเสื่อมเสีย เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น”
“เหอะ” นักพรตเต๋าไขว่ซือหรี่ตา และกระสวยบินได้ก็หายไปจากมือของเขาแล้ว
ดูเหมือนว่า กระสวยบินนี้จะสามารถหายไปได้ และในขณะนี้ มันก็กลายเป็นวงกลมขนาดใหญ่ และสัมผัสกับด้านหลังของนักพรตเต๋าไขว่ซือตัวปลอมอย่างเงียบๆ
หลี่ฉางโซ่วหยักยกริมฝีปากพลางคิดว่า ชายผู้นี้เป็นผู้เชี่ยวชาญในการลอบโจมตีและใช้กลอุบายสกปรกเช่นกัน…
อืม…เหตุใดข้าจึงพูดว่า ‘เช่นกัน’ เล่า…
น่าเสียดายที่เมื่อนักพรตเต๋าไขว่ซือมีอาวุธเวทกระสวยบินได้นี้ แล้วระมัดระวังตัวน้อยลง…
การวางยาพิษคนในอากาศไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมันต้องใช้เวลาพอสมควร และอีกฝ่ายก็จะรู้ตัวได้ง่าย
แต่ในขณะนั้น ร่างทั้งสองก็ถอยกลับแล้วก้าวไปข้างหน้า ความสนใจส่วนใหญ่ของนักพรตเต๋าไขว่ซืออยู่ที่การควบคุมกระสวยบิน…และทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงพุ่งทะลุเข้าไป ในขณะที่กระสวยบินปรากฏขึ้นแล้วกระแทกไปที่ด้านหลังศีรษะของนักพรตเต๋าไขว่ซือตัวปลอมซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงที่ลุกโชน
เวลานี้นักพรตเต๋าไขว่ซือหยักยิ้มเยาะเย้ยที่มุมปากของเขา แต่จู่ๆ เขาก็หยุดชะงักงัน แข็งค้างไปในทันที
ทันใดนั้น ลมปราณของคนที่ปลอมตัวเป็นเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาเปลี่ยนจากเซียนเสิ่นระดับต้นขึ้นไปเป็นระดับสูง!
ขณะที่กระสวยบินของเขากำลังจะชนศีรษะของอีกฝ่าย ก็มีมือใหญ่ข้างหนึ่งเอื้อมไปข้างหลังเขา พลังเซียนได้รวมตัวกันในฝ่ามือนั้นและคว้ากระสวยบินได้ พร้อมกับดับเพลิงเซียนบนนั้น
“สหายเต๋า” ผู้ปลอมตัวเป็นไขว่ซือพลันคว้ากระสวยบินที่สั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่องแล้วกล่าวเย็นชาว่า “ดูเหมือนว่า ข้าจะต้องทำเช่นนี้ในวันนี้แล้ว”
สีหน้าของนักพรตเต๋าไขว่ซือเปลี่ยนไปทันที แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร และถอยกลับไปทันที!