236 วัฒนธรรมเผ่ากราโด

“โอเค พวกเธอ ไม่ใช่มันได้เวลาหยุดการกลั่นแกล้งฉันแล้วเหรอตอนนี้?”

เนื่องด้วยการขอร้องอย่างตั้งใจของผม ในที่สุดหัวเรื่องของความสัมพันธ์ผู้หญิงก็ตกหายไป อืม อย่างน้อยทิเนียและผู้ติดตามของเธอก็เข้าใจนั่นในที่สุด ผม, มีมิ, และเอลม่าสนิทกันดีมากและรับรู้กันและกัน

จริงๆแล้ว เมย์ควรรวมอยู่ด้วย แม้ว่าเธอคือดรอยด์แม่บ้าน และจากการตอบสนองก่อนหน้านั้น ผมเข้าใจว่าทีน่าและวิสเกอร์ก็จริงจังในการเข้าสู่ความสัมพันธ์แบบ ‘นั้น’ กับผม แต่เอาเรื่องนั้นไว้ก่อนสำหรับตอนนี้

เมย์ไม่ได้ออกตัวเยอะขนาดนั้นจริงๆเมื่อมันเป็นเรื่องแบบนี้ และขณะสถานการณ์กับทีน่าและวิสเกอร์ พวกเธอเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของผมและเพียงแค่แสดงความรู้สึกสู่ผมไปในทางที่ดีโดยไม่สงวนตัว

อืม แต่มันรู้สึกเหมือนผมค่อนข้างถูกต้อนเข้าจนมุม

“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ ให้เราพูดเกี่ยวกับตัวเราเองด้วย”

“เราจะมีความสุขที่จะได้ยินทั้งหมดนั่นเกี่ยวกับคุณ แต่อะไรจะเป็นประเด็นที่ดีที่จะถาม?”

“หนูสงสัยเกี่ยวกับวิถีชีวิตของเอลฟ์ ชีวิตบนดาวเคราะห์ดูเป็นยังไง?”

“มันเป็นยังไงน่ะเหรอ……?”

หลังจากได้ยินคำถามมีมิ ทิเนียเอียหัวของเธอและจัดเรียงความคิดเธอชั่วครู่หนึ่ง

“เราแห่งเผ่ากราโดเป็นเผ่าของนักล่า ทุกคนตื่นเมื่อตอนเช้าตรู่ และผู้หญิงทำความสะอาดตัวเองโดยใช้น้ำจืดจากแม่น้ำหรือบ่อน้ำ ผู้ชายรวมฝืนในเวลานั้น และเมื่อผู้หญิงกลับมา พวกเขาจะผลัดกันล้างตัวเองด้วยเหมือนกัน”

“เข้าใจแล้ว และหลังจากทำธุระเช้าเสร็จแล้ว พวกผู้ชายน่าจะออกไปล่า ถูกมั้ย?”

“ถูกต้อง เหยื่อหลักๆของเราคือดินเกอร์, มัมบา, เลซาเรียส, ปิรูรัส, และคินจา”

“หนูบอกไม่ได้ว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทไหนแค่จากชื่อของพวกมัน”

มีมิเอียงหัวของเธอ ผมก็จินตนาการไม่ได้ว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นจะดูเป็นอย่างไร

“ดินเกอร์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตดุร้ายที่โจมตีผู้คนในบางกรณีด้วยซ้ำ และมัมบาปรกติแล้วขี้กลัว แต่อันตรายสุดขีดเมื่อมันบ้า เลซาเรียส เป็นสัตว์อันตรายที่มีร่างกายใหญ่โตและหนังกับเกล็ดทนทาน ปิรูรัสและคินจาเป็นนก”

“แต่ดูเหมือนมีสิ่งมีชีวิตอันตรายเยอะนะ……”

“อืม แม้ว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตอันตราย พวกมันไม่ควรอันตรายมากกว่าสัตว์ประหลาดที่เธอสู้มาก่อน ฮิโระ รู้มั้ย พวกทวิสต์ไง พวกมันทั้งหมดเป็นสัตว์ป่าในท้ายที่สุด ดังนั้นพวกมันน่าจะไม่โจมตีโดยไม่มีเหตุผล”

“ท่านชนะสัตว์มาก่อนเหรอ ฮิโระซามะ?”

ทิเนียเอียงหัวของเธออย่างสงสัยหลังจากได้ยินคำพูดของเอลม่า

“ตัวที่เราสู้จริงๆแล้วเป็นอาวุธชีวภาพแทนที่จะเป็นสัตว์ พวกมันสร้างด้วยสัญชาตญาณที่โจมตีสิ่งมีชีวิตทุกอย่างนอกจากพวกมันเอง มันไม่ได้แค่จำกัดอยู่แค่ผู้คน พวกมันจะฆ่าทุกอย่างยกเว้นคนควบคุมพวกมัน”

“……ถ้าอย่างนั้นพวกมันเป็นสัตว์ที่ถูกสร้างมาเพื่อฆ่าทุกอย่างนอกจากพวกมันเองเหรอ?”

“พื้นฐานแล้วนั่นแหละ จริงๆแล้วมีสิ่งมีชีวิตหลายอย่างคล้ายกับตัวนั้นและคนผู้สร้างมันควบคุมมันจากข้างนอกรีฟิล IV หรือ ทีต้า”

“……นั่นค่อนข้างเป็นเรื่องน่ากลัว”

ทิเนียอ้าปากและทำสัญลักษณ์ในอากาศด้วยมือขวาของเธอ มันน่าจะเป็นการอธิฐานหรือป้องกันบางประเภท

“แต่แม้อย่างนั้น ท่านยังสามารถสู้และเอาชนะสิ่งมีชีวิตน่ากลัวเช่นนั้นได้ ฮิโระซามะ”

“พื้นฐานแล้วนั่นจริง แต่มันไม่เหมือนว่าฉันสู้พวกมันด้วยแค่ร่างกายมีเลือดเนื้อ ฉันใช้เกราะพลังจักรกลเพื่อสู้พวกสีขาวน่าขยะแขยงเมื่อสักพักแล้ว”

“แต่เธอสู้พวกทวิสต์เหล่านั้นโดยไม่ได้มีความช่วยเหลือนะ พวกมันอันตรายมากกว่าเยอะ”

“พูดตรงๆฉันไม่ได้อยากถูกโยนไปสู่สถารนการณ์เช่นนั้นนะรู้ป่ะ……”

แน่นอนผมไม่อยากจะได้รับประสบการณ์ถูกโยนเข้าไปสู่ดาวเคราะห์ที่อยู่ระหว่างปรับพื้นผิว ดาวเป็นครั้งที่สอง แน่นอนว่าผมจะซื้อเกราะพลังงานจักรกลน้ำหนักเบาทันทีเมื่อผมมีโอกาส มันอาจเป็นความคิดที่ดีที่จะมุ่งหน้าไประบบดาวที่ทันสมัยผู้เชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์เหล่านั้นเมื่อเราเสร็จธุระเราในระบบดาวรีฟิล

“เฮ้เฮ้ อาวุธประเภทไหนที่พวกคุณใช้ล่าสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นน่ะ? ฉันคิดว่าใช้อาวุธเลเซอร์จะทำคุณภาพเนื้อและอะไรๆเสีย”

ทีน่า ผู้กำลังฟังโดยไม่ออกความคิดเห็นก่อนหน้า ในที่สุดก็เปิดปากถามคำถามระหว่างยกแก้วเหล้าใหญ่ขึ้น

ดวอร์ฟรักเทคโนโลยี มันมีเหตุผลที่เธอสงสัยเกี่ยวกับอะไรแบบนั้น

“พื้นฐานแล้ว เราไม่ได้ใช้อาวุธที่ไม่ใช่พื้นบ้านสำหรับเหยื่อ นักล่าใช้ลูกธนู, หอก, และขวานเงินภูติเพื่อล่า”

“เงินภูติ?”

ผมเอียงหัวหลังจากได้ยินคำที่ไม่คุ้นเคย มันดูดวงตาทีน่าและวิสเกอร์ก็ส่องประกายด้วยความสงสัยหลังจากได้ยินเกี่ยวกับวัสดุไม่คุ้นเคย

“ใช่ค่ะ พื้นฐานแล้วโลหะไม่เข้ากันกับศิลปะภูติ ด้วยข้อยกเว้นเดียวคือเงินภูติ”

“ศิลปะภูติ…… ถ้าอย่างนั้นพื้นฐานแล้ว คุณพูดเกี่ยวกับเวทมนตร์ ถูกมั้ย?”

จริงๆแล้วเอลม่าก็ใช้ศิลปะภูติได้ด้วย จริงๆแล้วเธอแสดงให้ผมดูนานมาแล้ว แต่เธอแค่เสกเพลิงเล็กๆที่ดีพอเปลี่ยนเป็นไฟแช็กเท่านั้น เอลม่าบอกว่าอวกาศนอกไม่มีอะไรนั่นเยอะที่ทำให้มันเป็นไปได้ที่จะร่ายศิลปะเช่นนั้น ดังนั้นผลลัพธ์ของมัน เธอใช้อะไรสักอย่างที่ค่อนข้างทรงพลังไม่ได้

“โอ้ใช่ ตอนนี้ที่เธอพูดถึงมัน ฉันเคยได้ยินว่าเอลฟ์คุยเกี่ยวกับความเข้ากันของพลังภูติและอะไรแบบนั้นในอดีต ถ้าอย่างนั้นนั่นหมายถึงเงินภูติเป็น วพพภ. บางอย่าง ฉันว่า”

“วพพภ.?”

“วัสดุเพิ่มพลังภูติ นั่นเป็นแบบยาวชื่อย่อมันคือ วพพภ. พูดอีกอย่าง มันคือวัสดุที่เพิ่มพลังจิตและพลังภูติหรือบางอย่างแบบนั้น”

“วัสดุที่เพิ่มพลังจิตได้หือ”

“ใช่ พวกมันส่วนใหญ่มีคุณสมบัติทางจิต และพวกมันก็ถูกผลิตในจำนวนจำกัดมากๆ ดังนั้นพวกมันหายากมาก และพวกมันก็ลำบากในขั้นตอนการผลิตด้วย พวกมันจะพังทันทีเมื่อขั้นตอนการผลิตไม่ถูกต้องเหมือนโลหะธรรมดา แม้อย่างนั้น พวกมันก็มีคุณภาพที่ทำให้ดีนอกจากสามารถเพิ่มพลังจิตด้วย ดังนั้นพวกมันไม่ได้มีค่าเป็นในตัววัสดุมาก พวกมันไม่ได้ทน หรือพวกมันกันความร้อนสูง แม้ว่าขั้นตอนการผลิตพวกมันจะลำบาก แต่พวกมันยังคงหายากและลึกลับ ดังนั้นมันดูเหนื่อนมีคนชอบมากผู้เก็บสะสมวพพภ.อย่างเปิดเผย”

“เข้าใจแล้ว…… ถ้าอย่างนั้นผู้อยู่อาศัยของทีต้าสู้สัตว์ด้วย ธนู, ลูกธนู, และหอกที่สร้างมาจากวัสดุหายากเช่นนั้นหือ เธอขอภูติลมให้ลูกธนูบินเร็วขึ้น, ขอภูติดินให้เพิ่งพลังการแทงของหอก, และอะไรแบบนั้นเหรอ?”

ทิเนีย ผู้กำลังฟังการคุยของเราด้วยความสนใจยิ่งใหญ่ แสดงหน้าตาตกใจหลังจากได้ยินคำพูดของผม

“ใช่ นั่นถูกต้องค่ะ…… แต่ทำไมท่านรู้อะไรแบบนั้น ฮิโระซามะ? อา บางทีท่านได้ยินพวกมันมาจากเอลม่า”

“ก็พูดได้ว่าอย่างนั้น”

จากนั้นเอลม่าศอกสีข้างผมประท้วงอย่างลับๆ โอ้ย

ผมเพียงแค่พูดอะไรที่อยู่ในใจของผม แต่มันดูเหมือนความรู้บางอย่างที่ผมนำมาด้วยจากโลกไม่ตรงตัวก็คล้ายกับธาตุจำนวนหนึ่งของมิตินี้ ถ้าผมพูดอย่างไม่ระวัง มันอาจนำสู่การเปิดเผยสถานการ์พิเศษไม่เหมือนใครของผม – ผมถูกโยนมาสู่มิตินี้พร้อมกับกฤษณะ – เพื่อเลี่ยงไม่ให้นั่นเกิดขึ้น เอลม่าหนุนหลังผมบ่อยครั้ง และย้ำให้ผมจำบ่อยครั้งว่าอย่าพล่ามอะไรอย่างไม่ระวัง ผมดีใจทีเธอแสดงออกถึงความกังวลตัวผม แต่เธออ่อนโยนเกี่ยวกับมันไม่ได้หรือ?

“อืม คุณทำอะไรกับสัตว์ที่คุณล่า?”

“โอ้ สัตว์ที่ถูกล่าจะถูกนำเลือดออก, แช่เย็นด้วยน้ำ, และพาไปที่ตั้งถิ่งฐานเพื่อเป็นอาหารของเรา หนังและขนและหนังจะถูกฟอกฝาดและเข้าขั้นตอนสู่ของหลากหลายอย่าง พวกมันไม่ได้ถูกเสิร์ฟให้เราตอนนี้ แต่อาหารจากเครื่องในก็ค่อนข้างอร่อยด้วย”

“อ-อาหารจากเครื่องใน……”

มีมิ ผู้ได้ยินคำว่าอาหารจากเครื่องในเป็นครั้งแรก หน้าสีน้ำเงินนิดหน่อย อืม อาหารจากเครื่องในอาจดูเหมือนเต็มไปด้วยความน่าสงสัยนิดหน่อยสำหรับคนเหล่านั้นผู้ไม่คุ้นเคยกับพวกมัน ผมว่า

“ใช่ค่ะ เครื่องในไม่ได้อยู่ได้นานมาก ดังนั้นพวกมันไม่ได้มีกันอย่างกว้างขวาง ไม่เหมือนเนื้ออย่างไรก็ตาม ดิฉันไม่ได้เกลียดพวกมันเพราะพวกมันมีความอร่อยหนึ่งที่ท่านจะไม่สามารถหาในเนื้อธรรมดา มันเป็นความเช่ือของเราว่าเราควรพยายามไม่ทำอะไรสักอย่างเสียเปล่าเมื่อเราชิงชีวิตสำหรับการยังชีพของเรามากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้”

“เข้าใจแล้ว…… ยังไงซะ มันเป็นบางอย่างที่เราเกี่ยวข้องไม่ได้ แต่เราเข้าใจแนวคิด”

“มันเป็นบางอย่างที่คิดไม่ได้เลยสำหรับเราเมื่อพิจารณาวิถีชีวิตปรกติของเราหือ”

“นั่นจริง”

วิถีชีวิตในฐานะทหารรับจ้างนั้นไม่เหมือนกับวิธีของเอลฟ์อย่างมาก วิธีที่เคารพพรของธรรมชาติและพยายามจะทำให้ความเสียเปล่าน้อยที่สุด อืม เราออกไปล่า แต่มันไม่เหมือนว่าเรากินเนื้อของเป้าหมายของเรา เอ่อ แต่บางทีเรากินพวกมันในแง่หนึ่ง หือ?

“เรามีวิธีของเราและท่านมีวิธีของท่าน ดิฉันคิดว่าไม่มีปัญหาตราบใดที่เราเคารพร่วมกัน”

“มีคำพูดหนึ่งที่ว่า เมื่ออยู่ในโรม ทำเหมือนคนโรมันทำ กลับไปที่ผมจากมา ดังนั้นผมว่ามันจะดีกว่าที่จะทำตามประเพณีพื้นบ้านมากเท่าที่จะมากได้ระหว่างเราอยู่บนทีต้า เราอยากจะเคารพวัฒนธรรมพื้นบ้านมากเท่าที่เราทำได้”

“นั่นถูกแล้ว และฉันอยากลองกินอาหารจากเครื่องในด้วยเหมือนกัน”

“ใช่ ฉันก็อยากดื่มเหล้าของเอลฟ์มากกว่านี้ด้วย”

“ถูก เพราะทั้งหมดเหล้านี้อร่อยมากๆ”

มันดูเหมือนเธอสนแค่เกี่ยวกับการเติมเต็มท้องของเธอเท่านั้น อืม ผมว่านั่นแค่พฤติกรรมนักท่องเที่ยวปรกติ

หรือ ผมพูดทางปากให้มีมิและคนอื่นๆฟังไม่ได้เพราะผมไปดาวเคราะห์เพื่อแสดงการจงใจหาโคล่า ผมค่อนข้างจะหลอมมาจากเบ้าเดียวกันหือ

อาหารค่ำที่เหลือดำเนินต่อไปในท่าทางสงบสุข และเราแลกเปลี่ยนเรื่องราวแม้ว่าหลังจากทานอาหารกันเสร็จด้วยซ้ำ ทีน่าและวิสเกอร์กระเดือกเหล้าไม่หยุดตั้งแต่ก่อนหน้า แต่พวกเธอไม่มีสัญญาณของความเมา แค่พวกเธอไปยัดน้ำทั้งหมดนั่นที่ไหนกันอยู่ดี? แน่นอนว่าร่างกายดวอร์ฟเต็มไปด้วยความลึกลับ

แปลโดย: wayuwayu

tipme : tipme.in.th/wayuwayutl

ได้โปรดโดเนทเพื่อสนับสนุนผู้แปล ติดตามข้อมูลข่าวสาร, ติดต่อ: ​http://linktr.ee/wayuwayu