บทที่ 248 ตื่นตระหนกกันไปเอง
เซี่ยฉือต้องการอะไร เผยยวนก็จะให้สิ่งนั้น
ฮ่องเต้เซี่ยเจินรู้สึกว่านี่เป็นการยั่วยุและประกาศสงครามอย่างโจ่งแจ้ง แม้แต่คนที่สมองทึบก็สามารถฟังออกถึงความตึงเครียดในคำพูดของฮ่องเต้และอดีตขุนนางคู่นี้
“ในฐานะพ่อแม่ย่อมต้องมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก” เผยยวนยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ฝ่าบาทคิดว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินมองดูเซี่ยฉือ “ดูเหมือนว่าลูกชายเจ้าจะมีพ่อที่ดีจริง ๆ หย่งกวานโหวมีผู้สืบทอดแล้ว”
เผยยวนเอ่ยอย่างสบาย ๆ “แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินกุมท้องที่ร้อนระอุ ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างเสียกิริยา “เสด็จพ่อ ลูกรู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอกลับไปพักผ่อนก่อน แล้วค่อยมาคารวะเสด็จพ่ออีกครั้งนะพ่ะย่ะค่ะ”
ไท่ซ่างหวงอยากให้เขาไสหัวไปตั้งนานแล้ว ย่อมขี้เกียจจะสนใจเขา ทว่าฮ่องเต้เซี่ยเจินเพิ่งจะหมุนกายเดินไปได้สองก้าว เมื่อหันมามองเซี่ยฉืออีกครั้ง กลับไม่ทันระวังจนเกือบสะดุดล้ม
“ฝ่าบาท!”
ไท่ซ่างหวงมองดูด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะถอนหายใจออกมา “เจ้าเลือกละทิ้งฐานะแล้วอย่างนั้นหรือ?”
เผยจี้ฉือเงยหน้าขึ้น “สำหรับข้าฐานะนั้นเป็นอดีตไปแล้ว ขอเพียงสุดท้ายยังเป็นตัวข้าอยู่ ชื่ออะไรจะสำคัญด้วยหรือขอรับ”
เมื่อฮ่องเต้เซี่ยเจินจากไปแล้วรอยยิ้มของเผยยวนจึงได้จางลง เขาคิดว่าฮ่องเต้เซี่ยเจินจะถามเขามากกว่านี้เสียอีก อย่างน้อยก็ถามสักคำว่าเซี่ยอวี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่? หากว่าเขายังมีความคาดหวังแม้เพียงเล็กน้อย เขาต้องถามคำถามนี้แน่
แต่น่าเสียดาย สำหรับฮ่องเต้เซี่ยเจินคนที่สำคัญที่สุดคือตัวเขาเองและตำแหน่งที่เขามี ไม่ใช่องค์รัชทายาทที่ทำให้เขาหวาดกลัว
คำถามนี้หากเขาจะถาม ก็ดีกว่าถามต่อหน้าอาฉือ
เด็กคนนี้เฉลียวฉลาดและความรู้สึกไว จะฟังความรังเกียจและการไม่ยอมรับจากคำพูดของฮ่องเต้เซี่ยเจินไม่ออกได้อย่างไรกัน มีผู้ใดบ้างที่อยากจะถูกญาติของตัวเองเกลียดกัน?
เดิมทีเผยยวนต้องการช่วยชีวิตเซี่ยฉือ รักษาเลือดเนื้อเชื้อไขของเซี่ยอวี้เอาไว้ และค่อย ๆ คิดถึงอนาคต แต่เป็นฮ่องเต้เซี่ยเจินที่ทำให้เรื่องราวเดินมาถึงจุดนี้เอง
หากถูกกระทำเช่นนี้ต่อไป ก็จะกลายเป็นแค่ปลาบนเขียงของคนอื่น
ในเมื่อวันนี้ได้เลือกอีกเส้นทางหนึ่งแล้ว เช่นนั้นคงทำได้เพียงทำให้เส้นทางที่เลือกราบรื่นที่สุด!
เขายังมีครอบครัวและเหล่าพี่น้องที่ต้องปกป้อง หากผู้ใดมาพูดเรื่องฮ่องเต้กับขุนนางกับเขาอีก เช่นนั้นก็อย่าหาว่าเขาไม่เกรงใจก็แล้วกัน
…
ทันทีที่ฮ่องเต้กลับไปก็ทรงประชวรอย่างหนักและได้เรียกหมอหลวงมาดูอาการ เนื่องจากทรงอาเจียนและท้องร่วง รวมทั้งมีไข้ขึ้นสูง นอกจากมึนงงไม่ได้สติ ก็ยังฝันร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า ทันทีที่หลับตาลงก็จะเห็นเซี่ยอวี้มาทวงความยุติธรรมจากเขา ทำให้ฮ่องเต้เซี่ยเจินทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก
เจียงเต๋อสงสัยว่าเป็นเพราะยานั่น แต่หมอหลวงกลับบอกว่าไม่ได้ถูกพิษ เพียงแค่กินของเผ็ดร้อนเข้าไปเท่านั้น
คนอื่นจึงไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เต๋อเฟยกระวนกระวายใจอยากปรึกษาเรื่องของเซี่ยฉือกับองค์ชายสาม จึงอาศัยตอนไปปลดทุกข์ให้คนไปเรียกองค์ชายสามมา
เซี่ยเซวียนกำลังหยั่งเชิงเซี่ยหยาง เมื่อถูกคนขัดจังหวะก็รู้สึกอารมณ์เสียอย่างมาก
“เสด็จแม่”
เซี่ยเซวียนยังเอ่ยไม่ทันจบ เต๋อเฟยก็จูงเขามาแล้วเอ่ยขึ้น “ตำหนักบูรพายังมีคนรอดชีวิตอยู่ เซี่ยฉือกลับมาแล้ว เขาอยู่กับไท่ซ่างหวง!”
“อะไรนะพ่ะย่ะค่ะ!”
…
ขณะเดียวกัน ซูเฟยก็ลากองค์ชายห้าเซี่ยซั่วไปกระซิบกระซาบเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่มุมหนึ่งเช่นกัน
“เป็นไปไม่ได้ ตำหนักบูรพาถูกเผาจนวอด ศพก็ถูกนับอย่างชัดเจน แม้แต่คนรับใช้และนางกำนัลก็ตายอยู่ในนั้นด้วย เซี่ยฉือจะรอดมาได้อย่างไรกัน?”
“ข้าเห็นกับตาตัวเอง พวกเต๋อเฟยก็เห็นเช่นกัน เผยยวนยังบอกอีกว่าเป็นลูกชายของเขา แต่ว่าวันเกิดกลับตรงกับเซี่ยฉือ ชื่อก็มีคำว่าฉือด้วย เจ้าลองคิดดู ปีที่ตำหนักบูรพาเกิดเรื่อง เผยยวนกลับไปซีเป่ยแล้วไม่ใช่หรือ ใครจะไปคิดว่าเซี่ยฉือจะถูกเขาพาไปและซ่อนเอาไว้ที่นั่น ปลอดภัยยิ่งกว่าอะไร!”
เซี่ยซั่วขมวดคิ้ว “นี่มันเหลวไหลเกินไปแล้ว! เช่นนั้น…ไท่ซ่างหวง”
“ถูกต้อง ตอนที่ข้าเห็นเขา เขากำลังอยู่กับไท่ซ่างหวง หากว่าเป็นลูกชายของเผยยวน เหตุใดไท่ซ่างหวงถึงสนิทสนมด้วยเพียงนั้นเล่า แต่หากเขาเป็นเซี่ยฉือทุกอย่างก็ล้วนอธิบายได้ทั้งหมด เพื่อเซี่ยฉือมีอะไรที่ไท่ซ่างหวงทำไม่ได้บ้าง เดิมทีพระองค์ก็ทรงโปรดปรานตำหนักบูรพาอยู่แล้ว พวกเจ้าเคยอยู่ในสายตาของพระองค์ที่ใดกัน?”
ซูเฟยคิดถึงตรงนี้ก็เดินวนไปมาอยู่สองรอบด้วยความร้อนใจ “ระหว่างทางที่มาเดิมก็แปลกอยู่แล้ว อะไรทำให้ฮ่องเต้ออกจากเมืองหลวงมารับเสด็จ เสิ่นฉางซานผู้นั้นเดิมก็ไม่ได้ยุ่งเรื่องของบ้านเมืองมานานแล้ว เหตุใดจู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา? เจ้าลองคิดดูสิ หากว่าไท่ซ่างหวงรู้ตั้งนานแล้วว่าเซี่ยฉือถูกเผยยวนช่วยเอาไว้ เช่นนั้นเขาจะไม่เอากองทัพทหารเกราะเหล็กคืนให้เผยยวนได้อย่างไรกัน? มีเขาอยู่ การที่เซี่ยฉือจะได้เป็นพระราชนัดดาสืบทอดบัลลังก์ต่อจะแปลกอะไร! พวกเจ้าไม่มีโอกาสเหลือแล้ว!”
แน่นอนว่าเซี่ยซั่วรู้ดีว่าการมีอยู่ของตำหนักบูรพาเป็นภัยคุกคามต่อพวกเขามากเพียงใด นอกจากเป็นบุตรจากภรรยาเอกแล้ว ยังเป็นที่รักของราษฎร แม้แต่ตอนนี้หลายคนก็ยังไม่เชื่อเรื่องที่เซี่ยอวี้ทุจริต มิเช่นนั้นหลังจากที่รู้ว่าเซี่ยอวี้กำลังจะพลาดท่า พวกเขาก็คงไม่อาศัยความวุ่นวายซ้ำเติมเพราะกลัวจะพลาดโอกาสที่ดีไป
อาจกล่าวได้ว่าพวกเขารวมถึงฮ่องเต้เซี่ยเจินที่เป็นผู้ริเริ่ม คือผู้ร้ายตัวจริงที่ทำลายเซี่ยอวี้
ไม่ว่าใครก็หนีไม่พ้น ใครก็ปัดความรับผิดชอบไม่ได้
“ต่อให้จะมีไท่ซ่างหวง แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้ เซี่ยอวี้ก็ตายไปแล้ว เซี่ยฉือก็เป็นแค่สามัญชน ในเมื่อเขาเลือกจะเป็นลูกของเผยยวน ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับตระกูลเซี่ยของเราอีก”
ซูเฟยกัดริมฝีปาก “กลัวก็แต่…หากเผยยวนก่อกบฏเล่า!?”
…
อีกด้านหนึ่ง เต๋อเฟยเองก็เหงื่อท่วมด้วยความประหม่า “พวกเขาวางแผนมาก่อนแล้ว ตอนกลางคืนทำผีหลอก มาวันนี้ไท่ซ่างหวงก็แสดงอำนาจ พวกเขาหลอกพวกเราให้ออกจากเมืองหลวง หากว่าไท่ซ่างหวงลงมือตอนนี้ และต้องการจะรื้อคดีของตำหนักบูรพาขึ้นมาจะทำอย่างไร?”
เซี่ยเซวียนเองก็รู้สึกร้อนใจเช่นกัน เดิมทีเขายังคิดไม่ออกว่าหลายวันที่ผ่านมานี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่เมื่อเซี่ยฉือปรากฏตัวขึ้น เรื่องที่ก่อนหน้านี้ไม่เข้าใจ ตอนนี้กลับกระจ่างชัดแล้ว
เพื่อเขานี่เอง
เด็กที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่ง ต่อให้เป็นทายาทของเซี่ยอวี้แล้วจะอย่างไรเล่า? จะฝากบ้านเมืองและราษฎรไว้กับเขาอย่างนั้นหรือ แม้แต่ไท่ซ่างหวงเองก็ไม่สามารถเอามือปิดฟ้า*ได้อยู่ดี
* เอามือปิดฟ้า (一手遮天) หมายความว่า ใช้อิทธิพลปิดบังอำพรางประชาชน
“ลองดูไปก่อนว่าเจ้ารองจะทำเช่นไร”
…
ตอนนี้เซี่ยหยางเป็นคนที่ถูกคุกคามมากที่สุด ดูจากท่าทีของไท่ซ่างหวงแล้ว คนแรกที่จะถูกจัดการในครั้งนี้ก็คือตระกูลหาน เซี่ยหยางต้องไม่มีทางนั่งดูอยู่เฉย ๆ อย่างแน่นอน
เนื่องจากร่างกายของหานเหม่ยเหรินมีกลิ่นเหม็น วันนี้ฮ่องเต้เซี่ยเจินจึงไม่ได้พานางไปที่หมู่บ้านตระกูลเฉินด้วย จนกระทั่งทางด้านนั้นตั้งใจปล่อยข่าวให้นางรู้ ก็เป็นตอนที่นางนั่งอยู่ในกระโจมเพื่อให้หมอหลวงตรวจดูอาการอยู่
“ฝ่าบาททรงเสวยอะไรไป เป็นอันตรายต่อพระวรกายหรือไม่?”
“ฝ่าบาทตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วพ่ะย่ะค่ะ แค่ยังเป็นไข้อยู่เท่านั้น” หมอหลวงตอบผ่านฉากบังลมและเริ่มรู้สึกทนไม่ไหวขึ้นมา กลิ่นในกระโจมนี้ช่าง…แย่ยิ่งกว่าสิ่งที่ฮ่องเต้เซี่ยเจินอาเจียนออกมาเสียอีก
“หยวนเจิ้ง เจ้าบอกข้ามาตามตรง ข้าถูกพิษใช่หรือไม่?”
ไม่มีทางที่จู่ ๆ นางจะตัวเหม็นเช่นนี้ได้ คำอธิบายเดียวก็คือมีคนลอบกัดนาง ท่านพ่อเพิ่งจะเกิดเรื่อง คนเหล่านี้ก็ทนไม่ไหวแล้ว คิดว่าตระกูลหานของนางรังแกได้ง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ?
หมอหลวงพยักหน้ารับ “อาการของพระนาง มีความเป็นไปได้ที่จะถูกคนวางยาจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ ดังนั้นกระหม่อมยังต้องไปตรวจสอบของที่เมื่อวานพระนางทรงใช้และเสวยเข้าไปก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
หานเหม่ยเหรินปัดมือไปมา ให้คนข้างกายไปจัดการ ขอเพียงเป็นยาพิษก็ต้องมียาถอนพิษ เมื่อนางคิดเช่นนี้ในใจก็สงบลง
อีกด้านหนึ่ง พรรคพวกของตระกูลหานก็กำลังรอที่จะไปขอร้องแทนอัครมหาเสนาบดีหาน พวกเขาเชื่อว่าไม่มีทางที่ฮ่องเต้เซี่ยเจินจะไม่สนใจเช่นนี้
อีกทั้งนางก็ไม่สะดวกที่จะไปพบเซี่ยหยางตัวจริงในตอนนี้ เพราะจะทำให้เรื่องตัวปลอมของเขาถูกเปิดเผยได้ นางจึงทำได้เพียงรอตกกลางคืนจึงค่อยไปถามความเห็นจากเขา
แต่นางกลับลืมไปว่ายามราตรีนั้นง่ายต่อการทำเรื่องต่าง ๆ เช่น การทำร้ายคน
.
.
.