บันดาลพลังพิเศษ?
ลู่เฟิง รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเขาคลิกไปที่ข้อมูลของลิโป้
ลิโป้ : แม่ทัพผู้ห้าวหาญปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ( ปัจจุบันแม่ทัพผู้บัญชาการทหารม้าแห่งอาณาจักรหนานหยาน)
เผ่าพันธุ์ : ครึ่งมนุษย์ครึ่งปีศาจ
ระดับพลัง : ระดับ 2 ขั้นปรมาจารย์
ทักษะต่อสู้ : พรสวรรค์ในการใช้ง้าวทะลวงไร้ใดเปรียบ
พลังพิเศษ : พลังปีศาจโกลาหล,ศรเทพทำลายล้าง
ความภักดี : ตายอย่างภักดี
ศรเทพทำลายล้าง : เมื่อกระตุ้นพลังศรเทพทำลายล้าง ลิโป้ จะยิงลูกศรออกไปได้ทั้งหมดสามดอกแต่ละดอกสามารถทลายกองทัพนับหมื่นได้
ข้อจำกัด : ใช้ได้วันละครั้งเท่านั้น
ลู่เฟิง มองไปที่พลังพิเศษนี้ ดวงตาของเขาสว่างวาบขึ้น พลังพิเศษนี้แข็งแกร่งมาก
แม้ว่าจะมีลูกศรเพียงแค่สามดอก แต่ทว่า แต่ละดอกนั้นสามารถทำลายกองทัพได้นับหมื่น หากว่ากันตามตรง ศรเดียวทำลายล้างกองทัพนับหมื่น ลิโดป้ จะกลายเป็น แม่ทัพผู้บัญชาการทหารม้าที่ทรงพลังที่สุด เมื่อได้รับความช่วยเหลือจาก เหลียนป๋อ และ เมิ่งเถียน พวกเขาย่อมทำลายรูปแบบกองทัพของศัตรูได้ทั้งหมด
เมิ่งเถียน และ เหลียนป๋อ ก็มีความสามารถที่แข็งแกร่งไม่ต่างกัน
ใครบ้างที่จะมีความสามารถยอดเยี่ยมอย่างการผนึกกำลังรูปขบวนทหารใหม่ในระยะเวลาอันสั้น
ยิ่งถ้าได้รับความช่วยเหลือจากลิโป้ พวกเขาราวกับเสือติดปีกเลยทีเดียว
ด้วยลูกศรของลิโป้ เขาสามารถทำลายรูปแบบกองทัพของศัตรูและทะลวงใส่ศัตรูได้อย่างไม่ต้องเกรงกลัวการเผชิญหน้ากับแรงกดดันของกองทัพ
ยามใดเมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันของกองทัพเพียงแค่ศรเดียวย่อมทำให้กองทัพเกิดความโกลาหล
และมันเป็นไปไม่ได้ที่กองทัพนับแสนจะรวมตัวกันเพื่อต่อต้าน
แม้ว่า ลิโป้ จะไม่ได้แม่ทัพที่ทรงพลังที่สุดในโลกแต่ถ้าศัตรูนับแสนกล้าเผชิญหน้ากับเขาเพียงลำพังก็เกรงว่าคนเหล่านั้นคงจะสมองกระทบกระเทือนละมั้ง
ถ้าหากเปลี่ยนเป็นลู่เฟิง เขาก็ไม่มีทางจะยกทัพไปล้อมรอบ ลิโป้ เด็ดขาด
โดยทั่วไปแล้วพลังพิเศษนี้มีข้อจำกัดใช้ได้วันละครั้งแต่มันก็ถือเป็นพลังที่ดุร้ายของลิโป้ไปแล้ว
ไม่เเปลกใจที่ลิโป้สนใจธนูหลิงซี
ด้วยพลังของธนูหลิงซีจะทำให้พลังการต่อสู้ของลิโป้ทะยานขึ้น
“ลุกขึ้นเถอะ”ลู่เฟิงยิ้มออกมา”ข้าเชื่อว่า ธนูหลิงซี นี้เกิดมาเพื่อมีเจ้าเป็นนายของมันจริง ๆ “
“ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย ข้าน้อยจะใช้งานมันและทำผลงานให้ฝ่าบาทได้เป็นที่ประจักษ์”ลิโป้ ได้ตะโกนขึ้น
“ฮ่าฮ่า,ดีมาก!”ลู่เฟิงหัวเราะออกมา
“หยุดล้อเล่นได้แล้ว!”
ทันใดนั้น ชูฉี ก็ตะคอกออกมาอย่างเย็นชา”หม่อมฉันไม่เชื่อว่าพระองค์จะเต็มใจมอบสมบัติเช่นนี้ให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา”
“ไร้สาระ!”
ลิโป้ ชี้ง้าวไปที่ ชูฉี และ ตะคอกอย่างเย็นชา”ฝ่าบาทไหนเลยจะเป็นอย่างที่เจ้าบอก ก่อนหน้านี้ ฝ่าบาทประทานอาวุธดาบเฉิงอิ๋ง อาวุธสวรรค์ระดับสูงให้กับท่านอัครมหาเสนาบดีเจี๋ย เพียงแค่ ธนูหลิงซี สวรรค์ระดับต่ำ เจ้าคิดว่าฝ่าบาทจะสนใจมันงั้นหรือไม่ ? ถ้าขืนเจ้ากล้าพูดเรื่องไร้สาระอีกข้าจะตัดศีรษะของเจ้า!”
“อะไรนะ…ดาบสวรรค์ระดับสูง!”
ราวกับเธอไม่ได้เห็น ลิโป้ อยู่ในสายตา แต่กลับมองไปที่ ลู่เฟิง อย่างไม่น่าเชื่อ
ดาบสวรรค์ระดับสูง!
นั่นแทบจะเรียกได้ว่าสมบัติล้ำค่าเลยนะ? มันสมควรเป็นสิ่งตกทอดของราชวงศ์แต่ทำไม?
“ก็แค่ดาบเพียงเล่มเดียวใยเจ้าต้องทำสีหน้าแบบนั้น?”
ลู่เฟิงยิ้มออกมาและขอให้ลิโป้ลดง้าวลง”ข้าจะเป็นคนปริ้นปล้อนหรือไม่ในอนาคตเจ้าจะได้รู้ข้าว่าตอนนี้เจ้าควรคิดถึงโชคชะตาต่อจากนี้ของเจ้าดีกว่า!”
“ท่าน…ท่านจะทำอะไร?”ชูฉี ก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวและมองไปที่ ลู่เฟิงด้วยอาการตกใจเล็กน้อย
“เจ้าเป็นเชลยของข้า เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรล่ะ หืม?”
ลู่เฟิงดันตัวเข้าหา ชูฉี และยื่นมือไปเชยคางใบหน้าอันบอบบางของเธอ”แม้ว่าใบหน้านี้จะไม่สวยเท่า แม่นางหนิงหยุนเอ๋อร์ แต่เจ้าก็ไม่ได้ถือว่าขี้ริ้วขี้เหล่ ข้าว่ามันก็เร้าใจดี”
“ท่าน…อย่าได้แม้แต่จะคิด ท่านไม่สามารถรับเอาร่างวิญญาณม่วงของข้าไปได้ เพราะร่างวิญญาณม่วงของข้าจะส่งมอบออกไปได้ด้วยความเต็มใจของข้าเท่านั้น”ชูฉี กล่าวพูดด้วยความหวาดกลัว
“เจ้าคิดว่า ข้าสนใจร่างวิญญาณม่วงของเจ้าจริง ๆ ?”ลู่เฟิง กล่าวพลางเอื้อมมือไปวางที่ไหล่ของ ชูฉี
ชูฉี มองไปที่มือของ ลู่เฟิงที่สัมผัสกับร่างกายของเธอ ใบหน้าของเธอซีดลงด้วยความตกใจและรีบหลับตาลง
พอรอสักพัก เมื่อไม่เห็นว่ามีสิ่งใดผิดปกติ เธอจึงลืมตาขึ้นและมองไปที่ลู่เฟิง ที่ผละออกไปค้นหาสมบัติในคลังต่อ
“เขาไม่ทำอะไรข้างั้นเหรอ?”ชูฉี ไม่เข้าใจ ลู่เฟิง ในตอนนี้เหมือนอันธพาล วาจาคำพูดของอีกฝ่ายทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวแต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ทำอะไร
ลู่เฟิง ไม่รู้ถึงความสงสัยในใจของ ชูฉี เขามองไปที่ อาวุธตรงหน้าและพบว่าอาวุธเหล่านี้ดีมาก ระดับต่ำสุดก็อาวุธปฐพีระดับกลาง มันถือว่าค่อนข้างดี แต่จำนวนนั้นมีค่อนข้างน้อยอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตามเมื่อคิดว่าจะได้สิ่งนี้มาฟรี ๆ เขาก็หาได้คิดมากขนาดนั้น
ลู่เฟิงมองไปรอบ ๆ และหันไปพบกับแหวนห้าวง
“แหวนเก็บของ?”
ลู่เฟิง ขยับเพียงเล็กน้อยสัมผัสของเขาได้ไหลเข้าไปภายในแหวนและพบว่าข้างในเป็นทองคำบริสุทธ์
แม้ว่าแหวนเก็บของจะไม่มีพื้นที่ใหญ่เท่ากับของเกาชุนและคนอื่น ๆ ที่ได้รับมาจากนิกายหยุนกง แต่ทองคำในแหวนนั่นก็มีมูลค่ามากกว่า 100 ล้านทอง แล้ว
นอกจากนี้ยังมีแหวนเก็บของอีกสี่วง เพียงแค่ทองคำมากกว่า 100 ล้านทองก็เพียงพอที่จะสร้างกองทัพนับล้านได้ในระยะเวลาอันสั้น
เมื่อควบคู่ไปกับแม่ทัพที่ทรงพลังกองทัพของลู่เฟิงยากที่จะหาผู้ต่อกรได้
“ไม่เเปลกใจที่ ชูจิน จะส่งบุตรชายเหล่านั้นไปที่สำนักร้อยก๊ก หลังจากที่อีกฝ่ายกลับมา พวกเขายังมีโอกาสที่จะกลายเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียง และด้วยทรัพย์สมบัติเหล่านี้ก็เพียงพอจะจัดตั้งกองทัพที่เป็นภัยคุกคามสำหรับฉันได้”
“น่าเสียดาย ที่จินยี่เหว่ย พบเจอเข้าซะก่อน ไม่งั้น อาณาจักรซีหยางอาจจะมีโอกาสกลับมาผงาดขึ้นอีกครั้ง”
ลู่เฟิง สั่นศีรษะให้กับความสิ้นหวังก่อนหน้านี้
แต่แล้วยังไง ? ในฐานะสมาชิกของราชวงศ์คุณต้องเตรียมพร้อมสำหรับการทำลายประเทศหรือถูกทำลายประเทศ!
เขาได้ไปตรวจสอบแหวนเก็บของอีกสี่วงและพบว่าสามวงนั้นเต็มไปด้วยทองคำขณะที่วงสุดท้ายมีหินวิญญาณระดับต่ำมากกว่า 10,000 ก้อน และ หินวิญญาณระดับกลางมากกว่า 2,000 ก้อน
นอกจากนี้ ยังมีทักษะต่อสู้มากมายและพลังพิเศษระดับต่ำ
ในบรรดาแหวนเก็บของห้าวงที่มีค่าที่สุดก็คือแหวนเก็บของวงสุดท้าย
ข้างในคือสิ่งที่ลู่เฟิงต้องการมากที่สุดตอนนี้ หินวิญญาณ เนื่องจากเขาได้ให้ เจี๋ยสวี่ จัดการสร้าง อาคมเคลื่อนย้ายขึ้นมา สิ่งนี้ต้องใช้หินวิญญาณจำนวนมากเพื่อเปิดใช้งาน และ หินวิญญาณระดับกลาง 2,000 ก้อนก็ช่วยแก้ไขความต้องการเร่งด่วนของเขา
ลู่เฟิง ได้กวาดของเหล่านี้ไปเรียบ
จากนั้นเขาก็ส่งมันให้กับ ลิโป้
ชูฉี เฝ้าดู การกระทำของ ลู่เฟิง ที่กวาดสมบัติในคลังลับไปด้วยสายตาซับซ้อน นี่คือสมบัติที่อาณาจักรซีหยางเฝ้าพิทักษ์มาหลายชั่วอายุคน แต่ทว่าตอนนี้มันกลับตกอยู่ในมือของศัตรูหมดแล้ว