เมื่อเธอคิดว่าเธอชักนำศัตรูเข้ามาในบ้านและขโมยสมบัติไป

ทำให้เธอรู้สึกผิดมาก

“องค์หญิงได้เวลากลับวังแล้ว”จางซุนหวูจี๋ ได้จ้องมองไปที่ ชูฉี และพูดขึ้นเบา ๆ

ชูฉี มองไปที่ จางซุนหวูจี๋ และพูดขึ้น”ข้ารู้จักเจ้า จางซุนหวูจี๋ เจ้ามาจากอาณาจักรซีหยาง ทำไมเจ้าถึงทรยศต่ออาณาจักร?”

“ในโลกที่สับสนวุ่นวายเช่นนี้ หวูจี๋ เพียงต้องการหาเจ้านายอย่างฝ่าบาท ที่จะช่วยเติมเต็มความฝันตลอดชีวิตของข้าได้ นอกจากนี้ ตัวข้า จางซุนหวูจี๋ ทรยศต่ออาณาจักรซีหยางของท่านตั้งแต่เมื่อไหร่?”จางซุนหวูจี๋ ได้ตอบกลับ

“เจ้า…”

“ได้เวลากลับแล้ว หากองค์หญิงไม่ยอมไป ข้าคงต้องให้จินยี่เหว่ยมาลากท่านออกไป นี่เป็นคำสั่งของฝ่าบาท”จางซุนหวูจี๋ ได้ตอบกลับ

ใบหน้าของ ชูฉี ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อยจากนั้นเธอก็รีบออกไป

“เมิ่งเถียน เกี่ยวกับสถานการณ์อีกสามประตูที่เหลือเป็นอย่างไรบ้าง?”

เมื่อเดินออกจากคลังสมบัติ ลู่เฟิง ได้กล่าวถาม เมิ่งเถียน

“ฝ่าบาท ข้าน้อยให้คนไปสืบอยู่พะยะค่ะ น่าจะได้ข่าวเร็ว ๆ นี้”

ลู่เฟิง ได้พยักหน้า”อืม,เจ้าสามารถจัดการได้ตามความเหมาะสมเลย”

“ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย ข้าน้อยจะทำให้ดีที่สุด”

ลู่เฟิง เชื่อมั่นในความสามารถของ เมิ่งเถียน

เขาไม่ได้ไปหาที่พักอื่น แต่เขาวางแผนที่จะอาศัยอยู่ในพระราชวังแห่งอาณาจักรซีหยางและเพลิดเพลินไปกับสิ่งที่จักรพรรดิควรจะได้รับ

พูดกันตามตรงเขาไม่ได้สนุกกับมันมากนักยามอยู่ในอาณาจักรหนานหยาน

“ฝ่าบาท หานหนิง และ ผู้นำตระกูลขุนนางก่อนหน้านี้ที่ช่วยเหลือกันเปิดประตูเมืองได้มาขอเข้าเฝ้าพระองค์”

หลังจากที่ ลู่เฟิงมาถึงพระราชวัง จินยี่เหว่ย ก็มารายงานเขา

ชายคนนี้เคยได้รับหน้าที่สอดแนมเมืองหลิงหยางมาก่อน

“ให้เข้ามา!”

หลังจากนั้นไม่นาน ลู่เฟิง ก็เห็น หานหนิง และ พรรคพวกของเขาเข้ามาในห้องศึกษา

หลายคนได้สวมใส่ชุดเกราะโดยทั่วไปแล้วยังคงเปื้อนเลือดอยู่แต่ทว่ามันกลับแห้งลงแล้ว

“ข้าน้อย หานหนิง ถวายบังคมฝ่าบาท”

“ขอพระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน”

หานหนิงได้คุกเข่าลงบนพื้นโดยมีผู้นำตระกูลขุนนางหลายคนอยู่ข้างหลังเขา

“ลุกขึ้นเถอะ”ลู่เฟิง ยิ้มออกมา

“ขอบพระทัยฝ่าบาท”

หานหนิงได้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับผู้นำตระกูลหลายคน แต่เขาไม่กล้ามองไปที่ลู่เฟิงโดยตรง

“เจ้ากลัวจนขนาดไม่กล้ามองข้าเลยงั้นหรือ?”ลู่เฟิงกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม

“หามิได้…”

หานหนิง รู้สึกประหม่าเล็กน้อยเขาไม่รู้จะตอบอย่างไร

ตอนนี้ ต่อหน้าของเขาคือจักรพรรดิแห่งอาณาจักรหนานหยาน ที่ยึดครองอาณาจักรซีหยางได้สำเร็จ เขาเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของอีกฝ่าย ที่ทรราชและเด็ดเดี่ยวมาก่อนแต่เขาไม่กล้าพูดถึงเรื่องนี้เพราะกลัวจะทำให้ ลู่เฟิง ขุ่นเคือง

“ฮ่าฮ่า,ดูจากรูปลักษณ์ของเจ้า ข้าคิดว่าเจ้าคงจะเคยได้ยินชื่อเสียงทที่น่าหวาดกลัวของข้ามากระมัง”

ลู่เฟิงหัวเราะออกมา

ตุบ!

หลายคนรีบคุกเข่าทันที”ฝ่าบาทโปรดประทานอภัยพวกเราหาได้คิดจะล่วงเกิน…”

“ข้าให้พวกเจ้ายืนก็ยืนขึ้นเถอะ!”

คนเหล่านี้ไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของลู่เฟิงและรีบลุกขึ้นยืน

ลู่เฟิงมองไปที่พวกเขาและพูดขึ้น”การต่อสู้ในวันนี้ พวกเจ้าได้ให้ความร่วมมือในการเปิดประตูเมืองเป็นอย่างดี เช่นนั้นข้าจะให้พวกเจ้าส่งศิษย์ที่โดดเด่นของตระกูลไปที่อาณาจักรหนานหยางเข้าร่วมตำหนักฉางจิ้งเพื่อเรียนรู้”

หานหนิง รู้สึกดีใจมาก และรีบคุกเข่าลง”ขอบพระทัยฝ่าบาท”

“เอาล่ะไปได้แล้ว ข้าจะให้คนไปแจ้งเรื่องนี้ให้พวกเจ้า”

“ขอรับ!”

หลายคนได้จากไปทันที

“รายงานฝ่าบาท แม่ทัพ เมิ่งเถียน ต้องการเข้าเฝ้าพระองค์”

ขณะที่ หานหนิง และ คนอื่น ๆ กำลังจะจากไป จินยี่เหว่ยก็เข้ามารายงาน

ลู่เฟิง ได้กล่าวพูดขึ้น”เข้ามา!”

เมิ่งเถียน ได้เดินเข้ามาก่อนที่จะคุกเข่าลง”ถวายบังคมฝ่าบาท”

“ลุกขึ้นเถอะ”ลู่เฟิงโบกมือและกล่าวถาม”เมิ่งเถียน เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวทางด้านสามประตูที่เหลือได้ความว่ายังไงบ้าง?”

“ฝ่าบาท ข้าน้อยได้รับข่าวก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าทั้งสามประตูจะถูกดูแลโดยตระกูลขุนนางใหญ่ทั้งสามตระกูลของอาณาจักรซีหยางดั้งเดิม พวกเขาแต่ละตระกูลมีทหารส่วนตัวจำนวนมาก และข้าน้อยคิดว่า พวกเขาต้องการต่อรองกับฝ่าบาทก่อนที่จะนำทหารเหล่านี้มายอมจำนน”เมิ่งเถียน ได้ตอบกลับ

“น่าสนใจ!”

ลู่เฟิงยิ้มออกมา”ตระกูลเหล่านี้ ต้องการเรียกร้องข้อต่อรองกับข้าหรือไม่?”

ลู่เฟิง สั่นศีรษะออกมา”ส่งคำสั่งให้พรุ่งนี้เช้ากองทัพที่เฝ้าระวังประตูทิศเหนือบุกโจมตีทันที ทำลายประตูทิศเหนือและจัดการตัดศีรษะตระกูลขุนนางเหล่านั้น ข้าต้องการให้มีตัวอย่าง สำหรับคนที่กล้าจะยื่นเงื่อนไขให้กับข้า”

“ขอรับ!”

เมิ่งเถียน ได้ลงไปจัดการ

หลังจากนั้น ก็ไม่มีใครมาขอเข้าเฝ้าอีก

หลังจากเดินออกไปนอกพระราชวัง ลู่เฟิง ก็เห็นท้องฟ้าที่มืดมนเขาพึมพัมออกมา”งานใหญ่ก็เสร็จไปแล้วดูเหมือนว่าฉันควรจะเริ่มพักผ่อนสักที”

“ฝ่าบาท พวกเราได้ให้คนไปเก็บกวาดทุกอย่างภายในพระราชวังหมดแล้ว”ทันใดนั้น ซุนฮวา และ เหม่ยหลาน ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลัง

ลู่เฟิงได้พยักหน้า”เอาล่ะ พาข้าไปห้องอาบน้ำหน่อย”

“เพคะ!”

หญิงสาวทั้งสองรีบพา ลู่เฟิง ไปที่ด้านนอกของพระราชวัง ดูเหมือนว่าจะมีห้องอาบน้ำถูกเตรียมไว้พร้อมหมดแล้ว

ลู่เฟิง ต้องการหาสตรีในวังมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วเขาก็ลืมมันไป นี่ไม่ใช่พระราชวังของเขา หากได้นางในมาปรนณิบัติด้วยความเกลียดชังแล้วล่ะก็สู้ไม่มียังดีซะกว่า

เขาได้ถอดเสื้อผ้าและลงไปอาบน้ำในบ่อ

น่าเสียดายที่ ซุนฮวา และ เหม่ยหลาน ไม่ได้เข้ามา ไม่งั้นเขาคงให้อีกฝ่ายถูหลังให้แล้ว

ขณะที่ ลู่เฟิง กำลังอาบน้ำนอกวัง ลิโป้ ก็พา ชูฉี ออกไปนอกวัง

“แม่ทัพลิโป้ ฝ่าบาท กำลังสรงน้ำอยู่ หากมีเรื่องอะไรโปรดรอสักคู่”

ด้านนอกเฉินกัง หัวหน้าทาสดาบทั้งหก ได้ปรากฏตัวขึ้น และพูดขึ้น ส่วนอีกห้าคนที่เหลือได้ซ่อนตัวอยู่รอบ ๆ เพื่อเฝ้าระวังความปลอดภัยของลู่เฟิง

“เฉินกัง ข้าได้นำตัวนางผู้นี้มาปรนณิบัติฝ่าบาท โปรดถอยทางให้ด้วย!”ลิโป้ ชี้ไปที่ ชูฉี ด้วยรอยยิ้ม

“นี่…”

เฉินกังมองไปที่ ชูฉี อย่างกังวล

แม้ว่า อีกฝ่าย จะเป็น องค์หญิงที่ถูกจับเป็นเชลย แต่ดูเหมือนว่าเธอจะยังมีเจตนาร้ายแฝงอยู่ ดังนั้น เขาไม่รู้จะตัดสินใจยังไง

อีกอย่างฝ่าบาทก็ไม่ได้มีรับสั่งให้จัดการหรือผูกมัดอะไรเธอไว้

ในฐานะข้ารับใช้ของลู่เฟิงเขาไม่อาจปล่อยให้คนที่มีความคิดไม่ดีเข้าไปหาฝ่าบาทของตนเองอย่างแน่นอน

แม้ว่า ลู่เฟิง จะไม่ได้รับสั่ง แต่เขาก็ไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น

“เฉินกัง ฝ่าบาทกำลังสรงน้ำอยู่ พระองค์จะขาดนางในปรนณิบัติได้อย่างไร แม้ว่าที่นี่จะเป็นอาณาจักรต่างแดน แต่นางก็องค์หญิงทั้งยังมีรูปโฉมงดงาม แค่หญิงสาวตัวเล็ก ๆ มีอะไรให้ต้องกังวล?”ลิโป้ ยิ้มออกมา

ชูฉี ก้มหน้าลงเมื่อได้ยินเช่นนั้น

แม้ว่าเธอจะไม่ต้องการแต่ลิโป้บอกว่าหากเธอไม่ทำ อีกฝ่ายจะฆ่า แม่ของเธอ หนิงหยุนเอ๋อร์

เธอไม่สงสัยเลยว่า ลิโป้ กล้าที่จะฆ่าแม่ของเธออย่างแน่นอน เพราะ ลู่เฟิง มับคันธนูที่ล้ำค่าให้กับลิโป้ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเชื่อใจเขามาก

หาก แม่ของเธอ ถูกฆ่าเพราะตัวเอง เธอคงจะรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต

หากเธอไม่ต้องการให้แม่ของเธอถูกฆ่าตาย เธอก็ทำได้แค่เชื่อฟังเท่านั้น

ตอนนี้เธอหวังว่า ผู้คุมคนนี้ซึ่งถือดาบอยู่ข้างหลังและปิดบังใบหน้าครึ่งหน้าจะไม่เห็นด้วยกับคำพูดของลิโป้เท่านั้น