ตอนที่ 222 เฮ่อเชิ่งกลับมาแล้ว

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 222 เฮ่อเชิ่งกลับมาแล้ว

หวังเหวินฟางหรี่ตา “เธอคิดว่าตัวเองสวยพอ มีการศึกษาสูงส่ง หรือมีพื้นฐานทางครอบครัวที่ดีกันล่ะ ถึงได้กล้าใฝ่สูงคบหากับเขา”

หลินม่ายจ้องสบตาอีกฝ่าราวกับต้องการยั่วยุ “ตราบใดที่จั๋วหรานเขาชอบฉัน ฉันจะใฝ่สูงก็ไม่เห็นผิดตรงไหน!”

หวังเหวินฟางนึกรำคาญสีหน้าที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวของหลินม่ายจนแทบอยากกลั้นใจตาย หล่อนคว้าซองบรรจุเงินตรงหน้ายึดใส่กระเป๋าตามเดิม ก่อนจะลุกขึ้นเตรียมจากไป

หลินม่ายร้องเรียกเธอไว้เสียก่อน “คุณยังไม่ได้จ่ายเงินไม่ใช่หรือคะ? เมื่อกี้นี้ยังทำตัวเป็นผู้หญิงสูงศักดิ์อยู่เลย แค่ควักเงินจ่าย คงไม่ทำให้ขนหน้าแข้งร่วงหรอกกระมังคะ?”

ลูกค้าและพนักงานไม่กี่คนในร้านกาแฟได้ยินดังนั้นเข้า ต่างก็จ้องมองไปที่หวังเหวินฟางเป็นตาเดียว

สายตาทุกคู่ที่แสดงความเหยียดหยามอย่างไม่ปิดบัง ทำให้หล่อนรู้สึกเหมือนมีแสงสว่างส่องมาที่หลัง

ใบหน้าของหวังเหวินฟางร้อนเห่อขึ้นมา หลังจากหยิบเงินออกมาจ่ายด้วยสีหน้าที่มืดมนแล้ว หล่อนก็เดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว

หลินม่ายจิบกาแฟต่อไปอย่างเชื่องช้า พอเดินออกจากร้าน ก็ได้ยินเสียงของฟางจั๋วหนร้องเรียกจากด้านหลัง “ม่ายจื่อ!”

หลินม่ายหันกลับไปมอง เห็นว่าฟางจั๋วหรานกำลังก้าวยาว ๆ ตรงมาหาเธอ ช่วงขาสูงยาวทำให้เขาเดินมาถึงตัวเธออย่างรวดเร็ว

เขาเดินเข้ามาใกล้เธอภายในไม่กี่ก้าว ถามด้วยความแปลกใจ “คุณมาทำอะไรที่ร้านกาแฟ?”

หลินม่ายยิ้ม “เข้าร้านกาแฟทั้งที จะให้ฉันทำอะไรนอกจากดื่มกาแฟล่ะคะ?”

ฟางจั๋วหรานถามต่ออย่างนึกสงสัย “มาคนเดียวเหรอ?”

หลินม่ายส่ายหน้า “เปล่าค่ะ มากับคุณแม่ของคุณ”

สีหน้าและน้ำเสียงของฟฟางจั๋วหรานเคร่งขรึมขึ้นทันที “คุณหมายถึงหวังเหวินฟางใช่ไหม?”

หลินม่ายพยักหน้า “ไม่ใช่หล่อนแล้วจะเป็นใครคะ คุณพูดอย่างกับว่าตัวเองมีแม่สองคนอย่างนั้นแหละ”

“หล่อนมาตามหาคุณทำไม?”

หลินม่ายเลิกคิ้ว “คุณคิดว่าหล่อนมาตามหาฉันทำไมล่ะคะ!”

ฟางจั๋วหรานคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามกลับ “มาเจรจาให้คุณยอมเลิกกับผม?”

หลินม่ายพยักหน้าอีกครั้ง “คุณแม่ของคุณท่านเป็นคนตรงไปตรงมาดีนะคะ หล่อนสั่งให้ฉันเลิกกับคุณโดยแลกกับเงินหนึ่งพันหยวน แต่ฉันคิดว่ามันน้อยไป เลยปฏิเสธ”

ฟางจั๋วหรานถามติดตลก “ถ้าอย่างนั้นหล่อนต้องจ่ายเท่าไหร่กันคุณถึงจะยอมตกลง?”

หลินม่ายครุ่นคิดอย่างจริงจังอยู่พักใหญ่ “อย่างน้อยสิบล้าน”

ฟางจั๋วหรานอดรู้สึกขบขันไม่ได้ “คุณไม่อยากเลิกกับผม ถึงได้ตั้งราคาไว้สูงขนาดนั้นเลยเหรอ”

หลินม่ายถามเขาด้วยรอยยิ้ม “แล้วคุณอยากเลิกกับฉันหรือเปล่าคะ?”

“ไม่มีทาง! ผมไม่ยอมเลิกกับคุณง่าย ๆ หรอก นอกเสียจากว่าคุณจะละเมิดบรรทัดฐานของผม”

หลินม่ายแสร้งถามด้วยน้ำเสียงลังเล “ถ้าอย่างนั้นการที่ฉันพูดจาหยาบคายกับแม่ของคุณ ถือว่าเป็นการละเมิดบรรทัดฐานของคุณหรือเปล่าคะ?”

“ไม่ เพราะหล่อนเป็นฝ่ายทำตัวไม่มีเหตุผลกับคุณก่อน” หลังจากนั้นฟางจั๋วหรานก็แก้ไขความเข้าใจเสียใหม่ “หวังเหวินฟางเป็นแค่แม่ของจั๋วเยวี่ย ไม่ใช่แม่ของผม จากนี้คุณอย่าเรียกหล่อนว่าเป็นแม่ของผมอีก”

หลินม่ายตกตะลึง “หล่อนปฏิบัติต่อคุณไม่ดีหรือคะ?”

ฟางจั๋วหรานไม่ค่อยเล่าเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวของตัวเองให้เธอฟัง เขาเคยบอกแค่ว่าหวังเหวินฟางเป็นภรรยาใหม่ของพ่อ และฟางจั๋วเยวี่ยเป็นน้องชายต่างแม่ของเขา

นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีก หลินม่ายเองก็ไม่ได้ถามซักไซ้

เธอไม่มีนิสัยช่างซุบซิบนินทา ทั้งยังยุ่งกับการดูแลกิจการตลอดทั้งวัน ดังนั้นจึงไม่สนใจถามรายละเอียดจากเขา

แต่ตอนนี้ พอฟังจากน้ำเสียงของฟางจั๋วหรานแล้ว ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหวังเหวินฟางจะไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก

ฟางจั๋วหรานพยักหน้า “ไม่ใช่แค่ไม่ดี แค่ค่อนข้างแย่เชียวล่ะ”

“หล่อนทุบตีคุณหรือคะ?”

ฟางจั๋วหรานหัวเราะเยาะ “หล่อนไม่ใช่คนโง่ขนาดนั้น ลับหลังต่อให้หล่อนจะใช้ความรุนแรงหรือเย็นชากับผมขนาดไหน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อ หล่อนก็เสแสร้งว่าตัวเองดูแลผมเป็นอย่างดี”

หลินม่ายแอบคิดในใจ ผู้หญิงคนนี้ทำตัวเป็นใบชาสองด้าน ต่อหน้าอย่างหนึ่ง ลับหลังก็อีกอย่างหนึ่ง คงเป็นคนที่ร้ายกาจพอตัว

ฟางจั๋วหรานจับมือเล็ก ๆ ของเธอไว้พร้อมกับเขย่าเบา ๆ “ต่อไป ถ้าหวังเหวินฟางยังมาตามหาคุณอีก คุณก็ไม่จำเป็นต้องสนใจเธอ”

“แล้วถ้าพ่อของคุณมาหาฉันล่ะคะ?”

“ตราบใดที่คุณไม่อยากต้อนรับ ก็ทำเมินพวกเขาไปเสีย”

ฟางจั๋วหรานหยุดชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะพูดต่อไป “อย่ามัวคำนึงถึงความรู้สึกของพวกเขาจนเกินไป ลองคิดดูว่าพวกเขาเคยสนใจความรู้สึกของคุณบ้างหรือเปล่า?”

หลินม่ายพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ก่อนจะถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “แล้วบรรทัดฐานของคุณที่ว่าคืออะไรเหรอคะ?”

“ตราบใดที่คุณเหยียบเรือสองแคมลับหลังผม”

หลินม่ายจงใจแกล้งเขา “คุณหมายความว่า ฉันสามารถเหยียบเรือสองแคมต่อหน้าคุณได้ใช่ไหมคะ?”

ชายหนุ่มหรี่ตาลงพลางแสดงสีหน้าอันตราย “คุณลองทำดูสิ เดี๋ยวคุณจะรู้ถึงผลที่ตามมาเอง”

หลินม่ายส่ายหน้ารัวเหมือนกลองป๋องแป๋ง “ฉันไม่ลองแล้วก็ได้”

ขณะที่ทั้งสองกำลังหยอกล้อกันอยู่นั้น หลินม่ายก็เห็นพ่อเฒ่าเหยากำลังเดินตรงมาอย่างเร่งรีบ

หลินม่ายความจำดี ถึงแม้ว่าเธอจะเคยเจอหน้าพ่อเฒ่าเหยาแค่ครั้งเดียว แต่ก็ยังจดจำเขาได้ จึงหันไปทักทายอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม

ทันทีที่พ่อเฒ่าเหยาเห็นว่าเป็นเธอจึงตบเข่าฉาด “ฉันว่าจะออกไปตามหาเธออยู่พอดี ไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอเธอที่นี่”

“มีอะไรหรือเปล่าคะ?” หลินม่ายถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

สีหน้าของพ่อเฒ่าเหยามีความหวาดหวั่นเหมือนเพิ่งเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม “เฮ่อเชิ่ง ลูกชายของพ่อเฒ่าเฮ่อกลับมาแล้ว!”

หลินม่ายตะลึงงันไปชั่วขณะ “การกลับมาของเขาจะสร้างปัญหาให้กับฉันหรือเปล่าคะ?”

พ่อเฒ่าเหยาพูดเสียงขรึม “แน่นอน ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่เดินฝ่าแสงแดดอันแผดเผาแบบนี้ออกมาหาเธอหรอก”

สีหน้าของฟางจั๋วหรานแปรเปลี่ยนไป “เขาสร้างปัญหาอะไรให้กับม่ายจื่อหรือครับ?”

พ่อเฒ่าเหยาหันไปมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า “คุณคือ…”

หลินม่ายแนะนำสั้น ๆ “เขาเป็นแฟนของฉันเองค่ะ”

หลังจากนั้นเธอก็หันไปแนะนำพ่อเฒ่าเหยาให้กับฟางจั๋วหราน

พ่อเฒ่าเหยาอธิบาย “ฉันบอกไม่ได้หรอกว่าเฮ่อเชิ่งจะสร้างปัญหาอะไรให้กับเสี่ยวหลินบ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเฮ่อเชิ่งไม่ใช่คนดี ดังนั้นพวกคุณควรระวังตัวไว้หน่อย”

หลินม่ายกับฟางจั๋วหรานรีบขอบคุณเขา

พ่อเฒ่าเหยาโบกไม้โบกมือ “ไม่ต้องขอบคุณหรอก แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง”

หลังจากพูดแบบนั้นแล้ว เขาก็กดเสียงลงต่ำ “ฉันสงสัยว่าการที่เฮ่อเชิ่งกลับมาอย่างกะทันหันแบบนี้ อาจเป็นเพราะยายเฒ่าหูนั่นเป็นต้นเหตุ”

หลินม่ายถาม “ทำไมคุณถึงสงสัยแบบนั้นล่ะคะ?”

พ่อเฒ่าเหยาลดเสียงลงจนเหลือแค่เสียงกระซิบ “ยายเฒ่าหูแวะเวียนมาที่ชุมชนของเราหลายครั้งเพื่อตามหาพ่อเฒ่าเฮ่อ เล่าว่ากิจการของเธอขายดิบขายดี แล้วโน้มน้าวให้เขาขึ้นค่าเช่า หลายคนในละแวกชุมชนต่างก็รู้เรื่องนี้ แต่เขาเพิกเฉยเสียทุกครั้ง

จนกระทั่งเฮ่อเชิ่งกลับมาหลังจากที่ยายเฒ่าหูไปหาพ่อเฒ่าเฮ่ออีกครั้งเพื่อโน้มน้าวให้ขึ้นค่าเช่าแต่ไม่สำเร็จ นี่เป็นเรื่องที่บังเอิญเกินไป ฉันยังได้ยินเพื่อนบ้านของเขาเล่าให้ฟังว่า หลังจากเฮ่อเชิ่งกลับมาก็เอาแต่ทะเลาะกับพ่อของเขาเรื่องบ้าน

เฮ่อเชิ่งเอาแต่เที่ยวเตร่อยู่ในเมืองอื่น ผ่านไปหลายปีก็ไม่คิดกลับบ้าน ไม่ว่าจะเป็นช่วงปีใหม่ หรือตอนที่พ่อของเขาล้มป่วยเข้าโรงพยาบาลก็ไม่เคยมาเยี่ยม แต่คราวนี้เขากลับมาที่บ้านอย่างกะทันหัน แถมยังทะเลาะกับพ่อเรื่องบ้านเป็นพิเศษ ต่อให้เขาแก้ตัวว่าไม่เกี่ยวอะไรกับยายเฒ่าหู ฉันก็ไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด!”

พ่อเฒ่าเหยากำชับอีกสองสามประโยคให้หลินม่ายคอยระวังตัว ก่อนจะขอตัวจากไป

ฟางจั๋วหรานพูดพลางขมวดคิ้ว “เราคงต้องตามสืบให้รู้ว่าเฮ่อเชิ่งคนนี้เป็นใครกันแน่ เราถึงจะเตรียมตัวรับมือกับเขาได้”

หลินม่ายพยักหน้า “รอให้กลับไปถึงร้านเมื่อไหร่ ฉันจะลองถามเสี่ยวลี่กับคนอื่น ๆ ดู พวกเขาต่างเป็นเจ้าถิ่นที่อยู่แถวนี่มานาน อาจรู้รายละเอียดบางอย่างเกี่ยวกับเฮ่อเชิ่งไม่มากก็น้อย”

ทันทีที่ทั้งสองกลับมาที่ร้าน หลินม่ายก็ถามขึ้นมา “ในบรรดาพวกเรามีใครรู้จักเฮ่อเชิ่งบ้าง?”

คุณป้าคนหนึ่งที่เป็นพนักงานครัวของหลินม่ายรีบตอบ “ใครจะไม่รู้จักเขาล่ะ? เขาน่ะเป็นดาวหายนะตัวจริงของหมู่บ้านเรา ตอนที่ยังอยู่ก็เอาแต่ขโมยไก่คลำสุนัข(1) พอเขาออกไปอาศัยอยู่ที่อื่น ชาวบ้านแถวนี้แทบจะจุดประทัดฉลอง”

วังเสี่ยวลี่ยังเล่าเสริมด้วยว่า “เขาชอบรังแกคนอื่นยิ่งกว่าอะไรดี สมัยเรียน เขามักจะขู่กรรโชกแย่งอาหารและเงินจากนักเรียนรุ่นน้องอยู่เสมอ ถ้าพวกเขาไม่ให้ก็จะลงมือทุบตี!”

ถึงแม้เรื่องดังกล่าวจะเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว แต่เมื่อพูดถึงมันอีกครั้งวังเสี่ยวลี่ก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเกลียดชัง

เมื่อพนักงานคนอื่นพูดถึงเฮ่อเชิ่ง น้ำเสียงของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความชิงชังไม่แพ้กัน

หลินม่ายกับฟางจั๋วหรานได้ฟังข้อมูลทั้งหมดแล้ว จึงตระหนักทันทีว่าเฮ่อเชิ่งคนนี้มีนิสัยชั่วร้ายเลวทรามอย่างไร

ก็แค่นักเลงหัวไม้ที่ชาวบ้านรังเกียจคนหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพ่อเฒ่าเหยาถึงได้ทำท่าทางหวาดกลัวราวกับเขาเป็นผู้มีอิทธิพลแบบนั้น

หลินม่ายถาม “แล้วถ้าเราเผลอไปทำให้เฮ่อเชิ่งไม่พอใจขึ้นมาล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น?”

“เขาจะแวะเวียนมาสร้างปัญหาให้เราเดือดร้อนแทบทุกวันเชียวล่ะ” จู่ ๆ พนักงานคนหนึ่งก็นึกอะไรขึ้นได้ “เถ้าแก่เนี้ย คุณเผลอทำอะไรให้เฮ่อเชิ่งขุ่นเคืองใจเหรอคะ? เขาอยู่นอกเมือง เราจะไปทำให้เขาไม่พอใจได้ยังไง?”

หลินม่ายจึงเล่าให้พวกเธอฟังว่าป้าหูเป็นคนเรียกตัวเฮ่อเชิ่งให้กลับมา

……………………………………………………………………………………………………………

หมายความว่า มีพฤติกรรมลักเล็กขโมยน้อย

สารจากผู้แปล

ม่ายจื่อเริดมาก เอาสิ อยากให้ฉันเลิกกับพี่หมอก็จ่ายมาล้านนึง หามาจ่ายได้ไหมล่ะ

ป้าหูนี่ไม่เจอดีคือไม่เลิกสักทีใช่ไหม

ไหหม่า(海馬)