ตอนที่ 373 ใส่สลับกันแล้ว (1) / ตอนที่ 374 ใส่สลับกันแล้ว (2)
ตอนที่ 373 ใส่สลับกันแล้ว (1)
จวินอู๋เสียตื่นขึ้นมาในยามเช้าและเดินออกไปที่ลานฝึก มองดูกลุ่มชายฉกรรจ์กำลังปรับปรุงตึกทิศตะวันออก สายตาของนางไม่ได้หยุดกวาดมองแต่อย่างใด ขณะที่นางก้าวเดินตรงไปยังสระน้ำที่บัวหิมะซังอวี้กำลังพักฟื้นอยู่
ตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ ทุกเช้าที่นางตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่นางจะทำก็คือมุ่งหน้าไปยังสระน้ำแล้วเฝ้าอยู่ตรงนั้น ในตอนแรกแม้นางจะทำไปเพราะคำสั่งของเยี่ยนปู้กุยที่ให้นางไปเฝ้าดูแลบัวหิมะซังอวี้ที่กำลังอ่อนแออยู่ก็ตาม แต่ในช่วงหลังมานี้ นางรู้สึกได้ถึงกระแสพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งที่ไหลทะลักเข้าสู่ร่างกายของนางอย่างต่อเนื่อง พลังวิญญาณอันพลุ่งพล่านนี้ มีมากมายยิ่งกว่าตอนที่นางเพาะเลี้ยงเมล็ดบัวด้วยยอดสุราธาราหยกเสียอีก!
เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่วัน พลังวิญญาณในร่างกายของนางก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ความสำเร็จที่ได้จากการบ่มเพาะ ทำให้นางทั้งงงงวยและประหลาดใจ
ขณะที่กำลังนั่งอยู่บนขอบสระ อุ้มแมวดำซึ่งนอนหลับใหลไม่ได้สติอยู่ในอ้อมแขน สายตาของจวินอู๋เสียก็ถูกประกายแสงสีเงินยวงที่แผ่ออกมาจากบัวหิมะซังอวี้ซึ่งลอยอยู่ในสระสะกดไว้
จวินอู๋เสียสัมผัสถึงความโกรธของเจ้าบัวหิมะซังอวี้ได้รางๆ
ดอกบัวที่เหี่ยวเฉา ได้แสดงให้เห็นถึงสัญญาณของการกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง กลีบบัวที่แห้งเหี่ยวค่อยๆ ร่วงหล่นลงทีละใบๆ และถูกแทนที่ด้วยกลีบดอกบัวใหม่ใบเล็กที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานแห่งชีวิต
“น้องเสีย” มีเสียงเรียกดังมาจากด้านหลังจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียหันกลับไปมอง และก็ได้เห็นร่างสี่ร่างในชุดอาภรณ์โดดเด่นสะดุดตากำลังเดินเข้ามาทางนี้
ชุดเสื้อผ้าเก่าสีซีดซึ่งผ่านการซักและสวมใส่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถูกเปลี่ยนออกและแทนที่ด้วยชุดใหม่ที่ตัดเย็บมาเป็นอย่างดี ใช้วัสดุที่ดีมีคุณภาพสูงและถูกออกแบบมาอย่างเอาใจใส่
ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง คำนิยามนี้ใช้ได้ดีทีเดียวในเวลาแบบนี้
ทั้งสี่คนมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นอยู่แล้ว แต่เสื้อผ้าเก่าๆ ขาดๆ ทำให้องคาพยพที่ราวกับสวรรค์ประทานเหล่านั้นถูกกลบลบให้ด้อยไป ยามนี้ เมื่อทั้งสี่คนได้เปลี่ยนมาสวมใส่ชุดใหม่ที่ใช้ผ้าไหมชั้นดีตัดเย็บ แม้ตัวของอาภรณ์จะไม่ได้ออกแบบมาอย่างหรูหรา แต่ก็ดูเรียบง่ายและสูงส่ง ยิ่งเมื่อมันได้มาอยู่บนร่างของพวกเขาทั้งสี่ ก็ราวกับเป็นคุณหนูคุณชายผู้สูงศักดิ์ ดูสง่าผ่าเผยเปี่ยมไปด้วยรัศมีที่ส่องประกายออกมา ทำให้ผู้คนละสายตาไปไหนไม่ได้เลย
เฟยเยียนสวมชุดอาภรณ์ยาวสีฟ้าคราม และชายกระโปรงของนางก็ขยับตามอย่างเชื่องช้าทุกครั้งที่ก้าวเดิน ยิ่งเมื่อรวมเข้ากับอีกสามคนที่เหลือ กลุ่มคนสนทนาหัวเราะคิกคัก ภาพที่ราวกับเซียนสวรรค์เยื้องย่างลงมายังโลกมนุษย์นั้น ช่างดึงดูดสายตาเหลือเกิน
อย่างไรก็ตาม หากสังเกตดูดีๆ หน่อยจะเห็นว่าการแสดงออกของเฟยเยียนค่อนข้างยุ่งเหยิงเล็กน้อย
เหมือนกับดอกไม้สีแดงสดท่ามกลางใบไม้สีเขียวทั้งสามใบ เฟยเยียนที่ยืนอยู่ระหว่างพวกเขาจึงยิ่งดูบอบบางน่าทะนุถนอมมากเป็นพิเศษ ดวงตาโค้งเรียวได้รูปนั้นหรี่ลงเล็กน้อยอย่างเขินอาย
“พวกเราดูดีหรือไม่” เฉียวฉู่ถามขณะที่เขาคลี่เสื้อคลุมตัวนอกของเขาออก จี้หยกที่ห้อยอยู่ตรงเอวหล่นลงมาจากสะโพกของเขา
จวินอู๋เสียกวาดตามองกลุ่มคนครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ไปหยุดลงที่เฟยเยียนและหรงรั่วครู่หนึ่งและกล่าวว่า “พวกเจ้าใส่สลับกันแล้ว”
“อะไรนะ” ดวงตาของเฉียวฉู่เบิกกว้าง
“หรือพวกเจ้าชอบใส่แบบนี้หรือ” จวินอู๋เสียเอียงศีรษะ มองเฟยเยียนและหรงรั่วก่อนจะถามออกไปอย่างไม่แน่ใจสักเท่าไร
เฟยเยียนและหรงรั่วตะลึงไปโดยสิ้นเชิง ทั้งคู่ใช้เวลานานมากทีเดียว กว่าจะตอบสนองต่อสิ่งที่จวินอู๋เสียกล่าว
“เจ้ารู้หรือ” เป็นเฟยเยียนที่เอ่ยถามออกไปก่อน นางจ้องไปที่จวินอู๋เสียด้วยดวงตาที่เบิกกว้างจนแทบถลน
“รู้อะไรหรือ” จวินอู๋เสียถามเฟยเยียนกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ก็…ก็ที่ข้า…ข้าเป็นบุรุษ ส่วนเสี่ยวรั่วเป็นสตรีอย่างไรเล่า…” เฟยเยียนชี้ไปที่ตัวเอง จากนั้นก็ชี้ไปที่หรงรั่ว
รอยยิ้มหล่อเหลาล่อลวงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหรงรั่วอีกครั้ง
จวินอู๋เสียพยักหน้า
“โว้ย! เจ้าโง่เฉียวฉู่! เจ้าหลอกข้า! ไหนเจ้าบอกว่าน้องเสียไม่รู้เพศที่แท้จริงของพวกเราอย่างไรเล่า แล้วนี่มันอะไรกัน!” เฟยเยียนพ่นลมหายใจออกอย่างแรง สบถด่าเฉียวฉู่หนักๆ ครั้งหนึ่ง ก่อนจะยกกำปั้นขึ้นแล้วทุบไปที่เฉียวฉู่สองสามหมัด
ในช่วงแรกที่เยี่ยนปู้กุยเพิ่งพาพวกเขามาอยู่ที่นี่ เนื่องจากเฟยเยียนตัวเล็กที่สุด อาภรณ์ที่พวกเขาสวมใส่อยู่ทุกวันก่อนหน้าที่จวินอู๋เสียจะเข้ามาเป็นศิษย์น้องคนใหม่ของตึกทิศตะวันออก จึงล้วนแต่เป็นเสื้อผ้าเก่าเหลือใช้ที่ไม่ต้องการแล้วของเหล่าศิษย์จากตึกอื่นๆ ทั้งสิ้น ในบรรดาเสื้อผ้าเหล่านั้นที่ได้รับมา มีชุดเสื้อผ้าของสตรีรวมอยู่ด้วย ในตอนนั้นรูปร่างของเฟยเยียนเล็กกว่ายามนี้มากนัก ทั้งยังเพรียวบางมากที่สุดในบรรดาเด็กทั้งหมดของเยี่ยนปู้กุย เสื้อผ้าชุดนั้นหรงรั่วใส่ไม่ได้ มันจึงมาตกอยู่ที่หัวของเฟยเยียนแทน เฟยเยียนในตอนแรกรู้สึกกล้ำกลืนฝืนทนไม่น้อยกับการที่ต้องมาใส่ชุดเสื้อผ้าของสตรี อย่างไรก็ตามทุกๆ ครั้งที่เยี่ยนปู้กุยไปขอรับเสื้อผ้าที่ไม่ต้องการแล้วมาจากลูกศิษย์คนอื่น ชุดเสื้อผ้าสตรีตัวเล็กที่ได้รับมาล้วนถูกโยนให้เฟยเยียนใส่ทุกครั้งไป กอปรกับแต่เดิมรูปร่างหน้าตาของเฟยเยียนก็คล้ายกับเด็กผู้หญิงอยู่แล้ว ดูอ่อนหวานและน่ารัก ลูกศิษย์คนอื่นๆ ของสำนักศึกษาหงส์อมตะจึงเชื่ออย่างสนิทใจและไม่เคยมีผู้ใดเอะใจเลยว่าเขาไม่ใช่สตรี ส่วนหรงรั่วที่สูงโปร่งและหน้าตาหล่อเหลา จึงกลายเป็นบุรุษในสายตาของทุกคนไป…
ตอนที่ 374 ใส่สลับกันแล้ว (2)
เฟยเยียนแต่เดิมคิดว่าจวินอู๋เสียไม่รู้ จึงได้ซื้อชุดสตรีมาให้เขาหีบหนึ่ง ยิ่งเมื่อถูกเฉียวฉู่กระตุ้นอยู่กลายๆ เขาจึงได้สวมใส่ชุดสตรีมาปรากฏตัวต่อหน้าจวินอู๋เสีย
ผู้ใดจะรู้ว่าจวินอู๋เสียรู้เพศที่แท้จริงของเขาตั้งนานแล้ว!
เมื่อคิดย้อนกลับไป ในวันแรกที่จวินอู๋เสียได้สติขึ้นมา การที่นางยื่นเจ้าแมวดำตัวน้อยส่งให้กับหรงรั่วอุ้มไว้แทนที่จะเป็นเขาที่นางเห็นเป็นคนแรกหลังจากเพิ่งฟื้นขึ้นมา ที่แท้ก็มาจากสาเหตุนี้!
เห็นได้ชัดว่าจวินอู๋เสียรู้เพศที่แท้จริงของเขาและหรงรั่วมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
ดังนั้นทัศนคติของนางที่มีต่อหรงรั่วจึงแตกต่างไปจากคนอื่นๆ เล็กน้อย
ไม่ต้องพูดถึงความเขินอายที่ฉายชัดบนใบหน้าเฟยเยียนในขณะนี้ แม้แต่หรงรั่วเองก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มกระอักกระอ่วน ร่างสูงกว่าถูกเฟยเยียนลากให้วิ่งออกไปจากตรงจุดนั้น ผ่านไปสักพัก ทั้งคู่จึงได้กลับเข้ามาใหม่พร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่ซึ่งตรงกับเพศสภาพของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม…
อาจเพราะนานมากแล้วที่เฟยเยียนสวมใส่ชุดเสื้อผ้าของสตรี ยามนี้พอเปลี่ยนมาใส่ชุดบุรุษ มันจึงให้ความรู้สึกแปลกพิกลเหมือนเด็กสาวตัวน้อยที่ลักลอบเอาชุดของบิดาหรือพี่ชายมาสวมใส่ ดูผิดเพศและขัดกันอย่างแรง เฉี่ยวฉู่ที่สมองส่วนใหญ่มีแต่กล้ามเนื้อ เมื่อเห็นเฟยเยียนในชุดเสื้อผ้าชุดใหม่ก็ขนลุกพรึบ มองไปที่อีกฝ่ายยังกังขา
ในท้ายที่สุด ทั้งคู่ก็ทนต่อสายตาพิลึกพิลั่นของกลุ่มคนที่มองมาไม่ไหว จึงวิ่งกลับออกไปแล้วสวมใส่ชุดเดิมที่สวมเข้ามาในตอนแรก สีหน้าทั้งคู่ดูหดหู่เหลือจะกล่าว
เมื่อเห็นเฟยเยียนกลับมาแต่งหญิงอีกครั้ง เฉียวฉู่ก็เปล่งเสียงหัวเพราะก๊าก กุมท้องแล้วหัวเราะไม่หยุด
ผลลัพธ์คือก็โดนเฟยเยียนสอยเข้าที่คางอีกหมัด
แม้ว่าเฟยเยียนจะตัวเล็ก แต่ในบรรดาพวกเขาทั้งสี่คนเขานั้นแข็งแกร่งที่สุดแล้ว เพียงแค่มัดเดียวก็สามารถล้มเฉียวฉู่ให้ลงไปนอนกองบนพื้นได้อย่างง่ายดาย หากมองข้ามเพศที่แท้จริงของเขา เฟยเยียนในรูปลักษณ์เช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็นในชาติก่อนของนาง ฉายา ‘โลลิจอมโหด’ สี่คำนี้คงได้ตกเป็นของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
ขณะที่เฉียวฉู่กำลังปีนขึ้นจากพื้นด้วยสภาพทุลักทุเลและวิ่งหนีเฟยเยียนไปรอบๆ ลานฝึก หรงรั่วก็เดินมานั่งอยู่ข้างๆ จวินอู๋เสีย พูดกับนางด้วยรอยยิ้มว่า “ขอบคุณนะ”
หลังจากทำเรื่องมากมายนี้ให้กับพวกเขา จวินอู๋เสียไม่เคยเอ่ยถึงมันสักคำเดียว
“ไม่เป็นไร” จวินอู๋เสียตอบอย่างนุ่มนวล ในความเห็นของนางเก็บเงินไว้ก็ไม่มีประโยชน์มิสู้นำออกมาใช้จะดีกว่า
ฮวาเหยาจ้องมอง ‘สองสาว’ ตรงหน้าที่แต่งชุดสลับเพศและพบว่ามันน่าขบขันเล็กน้อย เขากระแอมไอครั้งหนึ่ง ก่อนจะกล่าวออกไปว่า “แม้จะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมนัก แต่น้องเสีย ข้ามีบางอย่างหวังว่าเจ้าจะสามารถช่วยเราได้”
“คงเป็นการหลอมโอสถกระมัง” จวินอู๋เสียเลิกคิ้ว
ฮวาเหยาพยักหน้า
“ใบสั่งยาเล่า” จวินอู๋เสียถามโดยไม่ลังเลเลย
ฮัวเหยาหยิบใบสั่งยาจากอกเสื้อแล้วยื่นมันส่งให้กับจวินอู๋เสีย จวินอู๋เสียกวาดตามองผ่านๆ อย่างรวดเร็วครั้งหนึ่ง
“ยาตัวนี้เป็นของผู้ใดกัน” จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นและถาม
“ท่านอาจารย์ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสตอนที่ช่วยพวกเราไว้ในปีนั้น แม้ในหลายปีมานี้อาการจะทุเลาลงบ้าง แต่ก็ต้องดื่มสุราเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดอยู่เสมอ” ดวงตาของฮวาเหยามืดลง เพราะความยากจน โดยเฉพาะช่วงปีสองปีมานี้เยี่ยนปู้กุยจึงไม่ได้ดื่มสุราเลยเนื่องจากพวกเขาไม่มีเงินซื้อ อาการบาดเจ็บในร่างกายของเขาจึงค่อยๆ กลับมากำเริบอีกครั้ง
ใบสั่งยาดังกล่าว เป็นตำรับยาที่พวกเขานำมาด้วยจากสามโลกชั้นกลาง และมันสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของเยี่ยนปู้กุยให้หายขาดได้ วันนั้นที่เฉียวฉู่ไปตั้งแผงขายของที่เมืองผีแล้วแลกเอาไข่มุกบูรพากลับมา เนื่องจากว่ามันเป็นหนึ่งในส่วนผสมที่จำเป็นต้องใช้สำหรับใบสั่งยาเทียบนี้ อนิจจาเนื่องจากใบสั่งยาในมือของพวกเขามีความซับซ้อนมากและหลอมได้ยากมาก ขนาดคนในสามโลกชั้นกลางเองก็ยังหาผู้ที่หลอมยาเทียบนี้ได้นับได้ด้วยนิ้วมือข้างเดียว
จวินอู๋เสียเป็นความหวังของพวกเขา การได้พบกับนางทำให้พวกเขาเห็นประกายแสงแห่งความเป็นไปได้อีกครั้ง และแม้ว่ามันจะริบหรี่ก็ตาม พวกเขาก็ไม่อยากยอมแพ้
จวินอู๋เสียหลุบตาลง อ่านใบสั่งยาในมืออย่างละเอียดอีกครั้ง
ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะ ฮวาเหยากําหมัดแน่นรู้สึกกังวลในอก หรงรั่วเองก็ประหม่าไม่แพ้กัน
“สมุนไพรเล่า” จวินอู๋เสียพูดโพล่งขึ้นมา
“อะไรนะ”
“เอาสมุนไพรสำหรับหลอมโอสถมาให้ข้า” จวินอู๋เสียย้ำและมองไปที่ฮวาเหยา
ทันใดนั้นฮวาเหยาก็เข้าใจความหมายของจวินอู๋เสียทันที ประกายแสงวาบผ่านดวงตาเขาไปอย่างรวดเร็ว บุรุษผู้ซึ่งสงบนิ่งแม้ในยามที่ถูกทรมานอยู่ บัดนี้ตื่นเต้นมากจนทำอะไรไม่ถูก
“เจ้าหลอมมันได้จริงหรือ”
จวินอู๋เสียพยักหน้า ใบสั่งยาที่ฮวาเหยาให้มาแม้ว่าจะมีความซับซ้อนกว่าปกติมาก แต่มันก็ยังไม่เกินความสามารถของนาง สิ่งที่ลำบากเพียงอย่างเดียวคือสมุนไพรหายากหลายอย่าง บางชนิดจวินอู๋เสียไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนด้วยซ้ำ
“นี่มัน…วิเศษไปเลย! เยี่ยมจริงๆ! พวกเราจะทำทุกวิถีทางเพื่อรวบรวมสมุนไพรในใบสั่งยานี้มาให้ได้” รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของฮวาเหยา ไม่ว่าจะยากแค่ไหน แต่อย่างน้อยยามนี้พวกเขาก็มีความหวังแล้ว!