ตอนที่ 371 ต้องการเพิ่มหรือไม่ (3) ตอนที่ 372 ต้องการเพิ่มหรือไม่ (4)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 371 ต้องการเพิ่มหรือไม่ (3) / ตอนที่ 372 ต้องการเพิ่มหรือไม่ (4)
ตอนที่ 371 ต้องการเพิ่มหรือไม่ (3)

ขณะที่ปฏิกิริยาตอบสนองของทั้งสี่คนไม่ได้มีมากนัก แต่สำนักศึกษาหงส์อมตะกลับกำลังบ้าคลั่ง!

มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังส่งเสียงเอะอะโวยวายอยู่ที่ด้านนอก ทำให้บทสนทนาของทั้งสี่คนที่พึ่งตื่นจบลงทั้งเช่นนั้น และเมื่อพวกเขามองออกไปที่ประตูทางเข้าตึก ทุกคนก็ต้องตกตะลึง

เห็นเพียงบุรุษหลายสิบคนในชุดสีเทากำลังหามบันได ถือขวานและแบกไม้ยาวเดินเข้ามายังตึกฝั่งทิศตะวันออกของสำนักศึกษาหงส์อมตะ ข้างหลังของพวกเขา ยังมีผู้บุรุษอีกหลายคนแบกของหนักบนหลัง ทันทีที่พวกเขาเห็นเฉียวฉู่และคนอื่นๆ เดินออกมาจากตึกทิศตะวันออก พวกเขาก็วางสัมภาระของตนลงและพุ่งเข้าไปหาไม่กี่คนนั้นทันที

“ในที่สุดก็เจอคนแล้ว โปรดลงลายมือชื่อในใบรับสินค้านี้ด้วย นี่คืออาภรณ์ชั้นดีแปดหีบจากศาลาพระจันทร์ทอผ้า แบ่งออกเป็นชุดบุรุษเจ็ดหีบและชุดของสตรีอีกหนึ่งหีบ นอกจากนี้ยังมีรองเท้า ถุงเท้า และเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ อีกด้วย” คนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มนั้นแต่งกายด้วยชุดเสื้อผ้าที่ดีกว่าคนอื่นๆ มาก เขามีรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าของเขา ขณะที่ยื่นใบรับสินค้ามาตรงหน้าเฉียวฉู่

เฉียวฉู่สับสนวุ่นวายไปหมด มือเท้าเงอะงะทำอะไรไม่ถูกไม่ชั่วคราว จ้องมองไปที่หีบใหญ่ทั้งแปดหีบนั้น เขาก็เรียกสติกลับมาไม่ได้เป็นเวลานาน

และเนื่องจากบรรยากาศที่หน้าตึกฝั่งทิศตะวันออกครึกครื้นมีชีวิตชีวายิ่งนัก มันจึงดึงดูดความสนใจจากเหล่าศิษย์ตึกข้างๆ ทั้งหมด เหล่าศิษย์ที่เดินตามเสียงอึกทึกครึกโครมมาสูดอากาศเย็นเข้าปอดทันทีที่บุรุษผู้นั้นพูดขึ้น!ศาลาพระจันทร์ทอผ้า!

นั่นเป็นร้านขายอาภรณ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในแผ่นดินนี้!

เพียงแค่ผ้าเช็ดหน้าผืนเดียว ก็ต้องใช้เงินกว่าสิบตำลึงแล้ว!

นี่พวกเขาหูฝาดไปหรือไม่

รังขอทานนี่ สั่งซื้อของจากพวกเขาไปทีเดียว…แปดหีบ…แปดหีบ…

นั่นมันต้องใช้เงินจำนวนมากเท่าไรกัน กลุ่มศิษย์ที่อยู่รอบๆ สูดปาด พยายามคำนวณค่าใช้จ่ายที่นับอย่างไรก็นับไม่เสร็จเสียที

ทุกคนกำลังตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าพวกเขา ไม่มีใครเชื่อกับสิ่งที่เห็น และไม่มีใครกล้าเชื่อกับสิ่งที่พวกเขาเพิ่งได้ยิน

เฉียวฉู่แข็งทื่อเป็นรูปปั้นไปแล้ว เขารู้สึกว่าตัวเองโง่มากเพราะเขาไม่สามารถฟังคำพูดของบุรุษผู้นั้นให้เข้าใจได้เลย เพราะเหตุใดกันเล่า

พวกเขาไม่มีเงินแม้แต่จะจ่ายค่าธรรมเนียมให้สำนักศึกษาด้วยซ้ำ แล้วพวกเขาจะไปมีปัญญาซื้อของฟุ่มเฟือยเหล่านี้จากศาลาพระจันทร์ทอผ้าได้อย่างไร

เมื่อเห็นว่าเฉียวฉู่ไม่ได้เอื้อมมือออกมาลงลายมือชื่อเพื่อรับสินค้า บุรุษผู้นั้นก็หันศีรษะของเขาไปทางฮวาเหยาที่ยืนอยู่ข้างๆ กัน

ฮวาเหยาตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะรับมันมาไว้ในมือ คิ้วงามย่นเล็กน้อย เขาถามบุรุษผู้นั้นกลับไปว่า “ไม่ทราบว่ามีสิ่งใดผิดพลาดหรือไม่ พวกเราไม่ได้สั่งซื้อของเหล่านี้ อย่างไรพวกท่านนำมันกลับไปเถิด”

ไม่ต้องพูดถึงแปดหีบ แม้ว่าจะให้พวกเขาเลือกสิ่งของรายการใดรายการหนึ่งออกมาจากหีบสักใบ พวกเขาก็ไม่มีปัญญาจ่ายเงิน

บุรุษผู้นั้นกลับยิ้มและพูดว่า “ทุกอย่างถูกต้องแล้ว ไม่ได้มีข้อผิดพลาดอันใด มันคือตึกฝั่งทิศตะวันออกของสำนักศึกษาหงส์อมตะ สิ่งของเหล่านี้ได้ถูกชำระเงินล่วงหน้าแล้ว ขอเพียงแค่พวกท่านลงลายมือชื่อในใบรับสินค้าทั้งหมดเพื่อรับของก็พอ”

“ชำระเงินแล้วอย่างนั้นหรือ” ฮวาเหยาปรายตามองไปที่หรงรั่วที่ยืนอยู่ด้านข้าง

หรงรั่วเองก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน

บุรุษผู้นั้นยิ้มและชี้ไปที่รายชื่อของผู้ที่ทำการชำระเงินในใบรับสินค้า

“ถูกต้องแล้วขอรับ ผู้ที่ชำระเงินก็คือลูกค้าที่ชื่อจวินเสีย”

“จวินเสีย!”

เสียงร้องคำรามของพวกเขาทั้งสี่เกือบจะดังขึ้นพร้อมกันเมื่อได้ยินชื่ออันแสนคุ้นเคยนั้น ราวกับถูกสายฟ้าฟาดลงมากลางจิตใจอย่างจัง ความสงสัยในหัวใจของพวกเขาถูกปัดเป่าออกไปอย่างสมบูรณ์!

เหล่าศิษย์จากตึกอื่นๆ ที่ยังคงเฝ้าดูอยู่ข้างนอกก็สับสน พวกเขาไม่เคยได้ยินว่ามีศิษย์ในตึกฝั่งทิศตะวันออกที่ชื่อจวินเสียเลย หลังจากคิดดูแล้วบางทีคนเหล่านี้อาจจะเข้าใจผิดจริงๆ พวกขอทานในตึกฝั่งทิศตะวันออกจะสามารถซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยดังกล่าวจากศาลาพระจันทร์ทอผ้าได้อย่างไร

แต่ก่อนที่เฉียวฉู่และคนอื่นๆ จะได้ผ่อนคลายลงและฟื้นตัวจากอาการตกตะลึง ที่ด้านนอกชายฉกรรจ์อีกหลายคนก็แบกไม้หลายท่อนวิ่งเข้ามาทางพวกเขาพร้อมกับใบรับสินค้าหลายใบในมือ

“ช่างบังเอิญจริง ลูกค้าที่ชื่อจวินเสียนั้นก็ได้ว่าจ้างให้พวกเรามาช่วยซ่อมแซมต่อเติมตึกฝั่งทิศตะวันออกของสำนักศึกษาหงส์อมตะเช่นกัน หากไม่มีปัญหาอะไร รบกวนพวกเจ้าลงลายมือชื่อในสัญญาเหล่านี้ คนงานของข้าจะได้เริ่มทำงานสักที”

“…” การแสดงออกของเฉียวฉู่ราวกับถูกบังคับให้กลืนไข่ลงไปทั้งฟอง ทั้งปากและดวงตาของเขาเบิกกว้าง

สีหน้าของฮวาเหยาเองก็แสดงความประหลาดใจออกมาอย่างปิดไม่มิด นัยน์ของเขาสั่นไหว

หรงรั่วและเฟยเยียนลอบหันไปสบตากัน ดูเหมือนในที่สุดพวกเขาก็คิดออกถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายทั้งหมดนี้

ตอนที่ 372 ต้องการเพิ่มหรือไม่ (4)

“ที่แท้ก็คือน้องเสีย…” ในที่สุดเฉียวฉู่ก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เขามองไปที่หีบไม้มากมายที่อยู่ตรงหน้าเขา ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้บางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัวใจ

ฮวาเหยาพยักหน้าเล็กน้อย “ทางฝั่งท่านอาจารย์ใหญ่ เกรงว่าก็คงจบลงด้วยวิธีการเช่นเดียวกันนี้”

เมื่อวานเยี่ยนปู้กุยกลับมาบอกกับพวกเขาทุกคนว่าปัญหาทุกอย่างได้ถูกจัดการอย่างเรียบร้อยแล้ว เดิมทีพวกเขายังไม่เข้าใจว่าทำไมท่านอาจารย์ใหญ่ที่แสนจะละโมบโลภมาก ถึงได้ยอมรามือกับเรื่องนี้ง่ายๆ ต้องรู้ก่อนว่าอุปนิสัยของอาจารย์ใหญ่ผู้นี้นอกจากเงินแล้ว เหตุผลแบบอื่นล้วนไม่เข้าหูของเขาทั้งสิ้น

แต่วันนี้ สถานการณ์ตรงหน้าได้อธิบายให้พวกเขาได้กระจ่างแจ้งทั้งหมด

จวินอู๋เสียจัดการกับท่านอาจารย์ใหญ่โดยใช้วิธีการโปรดของเขา นั่นก็คือใช้ ‘เงิน’ ในการพูดคุยตกลงกับท่านอาจารย์ใหญ่นั่นเอง!

“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าศิษย์น้องของพวกเราจะเป็นผู้เผด็จการท้องถิ่นที่ร่ำรวยมหาศาลถึงเพียงนี้” เฟยเยียนยิ้มตาหยี ขณะที่พูดสายตาของนางก็เหลือบไปมองหีบใบหนึ่งแล้วพูดว่า “เอ่อ…พวกเจ้าคิดว่าหีบที่เป็นชุดเสื้อผ้าของสตรีนั้น ถูกเตรียมไว้สำหรับข้าหรือไม่”

เฉียวฉู่มองไปที่เฟยเยียนขึ้นลงอย่างพิจารณา มองดูชุดกระโปรงสีอ่อนที่สวมอยู่บนร่างเล็ก จากนั้นใบหน้าของเขาก็เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา

“ข้าก็ว่าอย่างนั้น”

ใบหน้าของเฟยเยียนเปลี่ยนเป็นซีดขาวทันที

เฟยเยียนที่เป็นเหมือนเด็กสาวหน้าหวาน ลงไปนั่งยองๆ กับพื้นในมุมเงียบๆ หมดความร่าเริงสดใสไปในทันที

“แค่กๆ…ให้ข้าทำเถิด” หลังจากที่ฮวาเหยารู้ถึงที่มาของสิ่งของทั้งหมดนี้ เขาก็ยกมือขึ้นและรับเอาดินสอถ่านจากมือของบุรุษผู้นั้นแล้วลงลายมือชื่อ ‘ฮวาเหยา’ สองคำลงในใบรับสินค้าทั้งสองกอง

หลังจากลงลายมือชื่อในใบรับสินค้าทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย กลุ่มคนจากศาลาพระจันทร์ทอผ้าก็ยิ้มและให้คนแบกหีบบรรจุอาภรณ์และเครื่องประดับเหล่านั้นเข้าไปด้านในตึก ในขณะที่อีกฝั่งหนึ่ง ฉกรรจ์ร่างโตก็ตะโกนสั่งงานพี่น้องของเขา และเริ่มลงมือปรับปรุงตึกฝั่งทิศตะวันออกที่แสนจะผุพังและทรุดโทรม

เมื่อเยี่ยนปู้กุยก้าวออกมาจากตึก เขาก็ถูกภาพของกลุ่มชายฉกรรจ์แปลกหน้ากลุ่มหนึ่งที่กำลังทำการก่อสร้างตึกฝั่งทิศตะวันออกครอบงำจนทำอะไรไม่ถูก ไหสุราที่ถืออยู่ในมือของเขาเกือบจะตกลงกับพื้น

ขณะที่เขากำลังจะเปิดปากเพื่อตะโกนออกไป กลิ่นหอมๆ ของสุราที่เขาไม่ได้ลิ้มรสมาเนิ่นนานก็ลอยเข้ามาเตะจมูก ดวงตาของเยี่ยนปู้กุยเป็นประกายขึ้นมาทันที

ฮวาเหยาซึ่งกำลังลงลายมือชื่อในใบรับสินค้าอีกใบ จู่ๆ ก็ถูกตบจากด้านหลัง เมื่อเขาหันศีรษะกลับไปมอง ก็เห็นว่าเยี่ยนปู้กุยอาจารย์ของเขาเองกำลังจ้องใบรับสินค้าในมือเขาตาเขม็ง

“สุราพวกนี้มาจากไหนกัน” เยี่ยนปู้กุยหรี่ตาลง เขาเลื่อนสายตามองไปยังไหสุรามากมายที่ส่งกลิ่นหอมหวานเย้ายวนตรงหน้า น้ำลายของเขาก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เยี่ยนปู้กุยกลืนน้ำลายดังอึก

“น้องเสียซื้อมันมาขอรับ” หลังจากฮวาเหยาลงลายมือชื่อชื่อเสร็จเขาก็ส่งมันคืนกลับไป

ตลอดทั้งเช้า เขาไม่รู้ว่าตัวเองลงลายมือชื่อรับสินค้าไปทั้งสิ้นกี่ใบแล้ว ฝั่งทิศตะวันออกในเวลานี้กองพะเนินไปด้วยสินค้าทุกประเภทที่จำเป็นต้องใช้

เมื่อเยี่ยนปู้กุยได้ยินว่าสุราเหล่านี้จวินอู๋เสียเป็นคนซื้อมันมา เขาก็ไม่เกรงใจอีกแล้วหยิบมันไปสองไหทันที จากนั้นร่างที่สูงใหญ่ก็หายตัวไปจากที่ตรงนั้น หลบเข้าไปพักอยู่ในห้องของเขาและไม่ถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องภายนอกอีก

ฮวาเหยาถอนหายใจด้วยความปวดหัว เช้านี้มีหลายสิ่งถูกส่งมาที่ตึกฝั่งทิศตะวันออกทีละอย่างสองอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าอาภรณ์ เครื่องประดับ อาหาร ของใช้ในชีวิตประจำวัน ของใช้สำหรับการเดินทาง…หรือแม้กระทั่งการซ่อมแซมที่พักอาศัย ไม่มีสิ่งใดขาดไปแม้แต่อย่างเดียว!

มากไปกว่านั้นคือของทุกอย่างที่จวินอู๋เสียสั่งมาล้วนเป็นของที่มีคุณภาพดีเยี่ยม ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาที่ใช้ชีวิตอย่างยาจกมานานแล้วหรอก แม้กระทั่งเหล่าศิษย์จากตึกข้างๆ ที่มามุงดู ก็ยังรู้สึกอิจฉาริษยา อยากได้อยากมีบ้างจนแทบคลั่งแล้ว!

เคยเห็นคนร่ำรวยที่ใช้เงินอย่างโอ้อวดมาก็มาก แต่ไม่เคยเห็นใครที่เผด็จการ โปรยเงินราวกับเศษกระดาษเช่นนี้มาก่อนเลย!

หลังจากเช้าวันนั้น ทุกคนในสำนักศึกษาหงส์อมตะก็ทราบว่าในตึกฝั่งทิศตะวันออกมีห่านทองคำตัวใหญ่เพิ่มเข้ามา ชื่อของเผด็จการน้อยที่แสนร่ำรวยนั้นก็คือจวินเสีย!

แทบไม่มีใครรู้ว่านางเข้ามาร่วมกับตึกฝั่งทิศตะวันออกเมื่อใด และที่มาที่ไปของนางนั้นเป็นอย่างไร แต่บุคคลนี้ที่ไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขามาก่อน ก็ได้ทำให้เหล่าศิษย์ทั้งหมดตาบอดจากของขวัญที่เขาได้มอบให้กับคนจากตึกฝั่งทิศตะวันออก!

มีคนประมาณการว่าค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับของขวัญที่ถูกส่งไปยังตึกฝั่งทิศตะวันออกในเช้าวันนี้อย่างต่ำน่าจะใกล้เคียงเกือบหนึ่งล้านตำลึง!

ตัวเลขดังกล่าว ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่ตาร้อนด้วยความอิจฉา…

เหล่าศิษย์ของสำนักศึกษาที่เคยเรียกตึกฝั่งทิศตะวันออกว่าเป็นรังขอทาน นับจากวันนี้ไปคงทำได้เพียงปิดปากเงียบ ไม่อาจเรียกเช่นนี้ได้อีกต่อไป

ถ้าหากว่าตึกฝั่งทิศตะวันออกเป็นรังขอทานที่สามารถโปรยเงินเป็นล้านตำลึงได้ แล้วสถานที่ที่พวกเขาอยู่ตอนนี้จะเรียกว่าอะไร เล้าหมูหรือ!

ลูกศิษย์จากตึกอื่นๆ ที่แต่เดิมตั้งใจจะออกมาเพื่อรับชมความสนุก หลังจากได้เห็นความฟุ่มเฟือยดังกล่าว ทุกคนก็พากันหลบทางให้ นับแต่นี้เป็นต้นไปตึกฝั่งทิศตะวันออกได้ลบล้างคำว่า ‘รังขอทาน’ สามคำนี้ออกไปจากศีรษะของพวกเขาโดยสมบูรณ์ ส่วนจวินอู๋เสียแห่งตึกฝั่งทิศตะวันออกที่แสนจะร่ำรวยเงินทองและเป็นเผด็จการท้องถิ่นผู้นั้น พวกเขาก็ได้ลอบตั้งชื่อเล่นๆ ให้นางอย่างลับๆ ว่าเป็น ‘เจ้าโง่ที่ร่ำรวย’ ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา

ทำไมกัน

ถ้าเจ้ามีเงินมากถึงเพียงนั้น ทำไมต้องไปที่ตึกฝั่งทิศตะวันออกด้วย ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเยี่ยนปู้กุยของตึกฝั่งทิศตะวันออกเป็นขี้เหล้าที่ติดเหล้าอย่างสมบูรณ์ แถมยังมีศิษย์สี่คนที่ทั้งจนทั้งไร้ความสามารถอีก!