ตอนที่ 261 งานแต่งของเสิ่นหรูฮวน
ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ ก็อดหันมองแล้วเอ่ยถามเซี่ยเหวินปิงไม่ได้ “พ่อคะ พ่ออยากจัดทีมก่อสร้างเองเหรอคะ?”
เซี่ยเหวินปิงพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “ใช่แล้ว พวกเราทำกันเองได้ ถึงยังไงก็ทำบางส่วนเองได้บ้างอยู่แล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินเจี้ยนเซ่อก็หันไปมอง แล้วพูดขึ้น “เหวินปิง จริง ๆ แล้ว…ฉันคิดว่าฉันก็ทำได้เหมือนกัน บางอย่างฉันก็มีความรู้ ถึงตอนนั้นพวกเราสองคนก็ช่วยกันก็”ด้”
เซี่ยเหวินปิงเห็นแบบนี้ ก็หัวเราะขึ้นมา แล้วพูดขึ้น “เอาสิ ถึงตอนนั้นพวกเราก็มาทำด้วยกัน”
เมื่อเห็นพ่อสามีและพ่อของตนสนใจมาก ฉินมู่หลานก็เอ่ยบอกทันที “ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นเรื่องตกแต่งซ่อมแซมบ้าน หนูวานให้เป็นหน้าที่ของพวกพ่อนะคะ”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานเชื่อใจพวกเขา ทั้งสองก็ตื่นเต้นมาก “มู่หลาน ลูกพูดจริงเหรอ?”
“ก็ต้องจริงสิคะ”
แต่ไม่นานนัก เซี่ยเหวินปิงกับฉินเจี้ยนเซ่อก็เริ่มไม่มั่นใจขึ้นมาอีกครั้ง “แต่ว่า…พวกเราเคยช่วยกันสร้างบ้านมาก่อน แต่มันก็เป็นบ้านในหมู่บ้าน ไม่เหมือนกับบ้านที่นี่ ถ้าพวกเราทำได้ไม่ดีจะเป็นยังไง”
“พ่อคะ พวกพ่อต้องหาทีมก่อสร้างก่อน อีกอย่างก็ไม่ใช่ว่าพวกพ่อจะต้องรู้เรื่องทุกอย่าง แต่หาคนที่รู้จักวิธีการทำมาช่วยก็พอแล้วค่ะ”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานพูดแบบนั้น ทั้งสองก็โล่งใจอีกครั้ง
ในทางกลับกัน ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือกลับไม่ได้มองโลกในแง่ดีขนาดนั้น เพราะบ้านหลังนี้มีขนาดใหญ่มาก สองคนนี้จะทำได้จริงอย่างนั้นเหรอ ขณะที่พวกหล่อนกำลังจะเอ่ยพูดอะไรบางอย่าง ฉินมู่หลานก็เอ่ยปากขึ้นเสียก่อนแล้ว “พ่อคะ พวกพ่อเป็นคนต้นคิด ถ้าอย่างนั้นก็ลองไปวางแผนงานให้รอบคอบกันก่อน บ้านหลังนี้รอพวกพ่อมาตกแต่งอยู่นะคะ หนูคาดว่าหลังจากที่หนูกับเคอวั่งเปิดเรียนแล้วก็น่าจะพร้อมเข้าอยู่พอดีค่ะ”
“ได้ งั้นปล่อยเป็นหน้าที่ของเราเอง”
เซี่ยเหวินปิงกับฉินเจี้ยนเซ่อบอกกล่าวด้วยสีหน้าหนักแน่น ขณะเดียวกันก็มีความกระตือรือร้นที่จะทำผลงานออกมาให้ดี
ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ก็พูดคุยกับทั้งสองตามตรง โดยเรื่องที่พูดคุยกันตอนนี้ เป็นเกี่ยวกับเรื่องสัญญาอะไรพวกนั้น เธอคิดไปถึงขั้นอยากลงนามในสัญญาด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายเซี่ยเหวินปิงกับฉินเจี้ยนเซ่อไม่ต้องการทำเช่นนั้น เธอจึงได้แต่ยอมแพ้
“มู่หลาน พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องทำเรื่องพวกนี้หรอก”
ฉินมู่หลานคิดอยู่สักพัก ก่อนจะรู้สึกเช่นเดียวกัน นอกจากนี้บ้านหลังนี้ต่อไปก็จะต้องเป็นที่อยู่อาศัยของฉินเจี้ยนเซ่อด้วย ที่ที่พวกเขาอยู่อาศัยเองก็ย่อมต้องทำให้ดีอยู่แล้ว “พ่อคะ ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่พวกพ่อเลยค่ะ วันนี้ก็ได้มาดูบ้านแล้ว พวกเราก็กลับกันเถอะค่ะ”
เซี่ยเหวินปิงได้ยินสิ่งนี้ ก็โบกมือให้มู่หลาน แล้วเอ่ย “มู่หลาน พวกเธอกลับกันก่อนเลย เดี๋ยวฉันอยู่ต่ออีกหน่อย”
ฉินเจี้ยนเซ่อที่อยู่ข้าง ๆ ก็เอ่ยขึ้นเหมือนกัน “ใช่แล้ว พวกลูกกลับกันก่อนเถอะ เดี๋ยวพวกเราขอสำรวจก่อน”
เมื่อเห็นทั้งสองกล่าวเช่นนั้น ฉินมู่หลานก็ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็มอบกุญแจให้พ่อทั้งสองคน ก่อนที่เธอจะพาเหยาจิ้งจือกับซูหว่านอี๋กลับไปด้วยกัน
เมื่อกลบมาถึงบ้านตระกูลเจี่ยง ซูหว่านอี๋ก็พูดทุกอย่างที่ทนเก็บเอาไว้ออกมา “มู่หลาน ระดับพ่อของลูกน่ะ บ้านหลังใหญ่ขนาดนั้นเขาจะทำได้เหรอ เดี๋ยวเขาก็ทำเละหรอก”
เหยาจิ้งจือก็เห็นพ้องต้องกัน
“ใช่แล้วมู่หลาน พวกเขาไม่เคยทำงานใหญ่ขนาดนั้นมาก่อนเลยนะ”
“แม่คะ ตอนนี้ก็มอบหมายให้พวกพ่อไปแล้ว พวกแม่ก็ต้องเชื่อใจพวกเขากันค่ะ ถึงเวลาเดี๋ยวพวกเราก็จะได้เห็นเอง”
เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานตัดสินใจแล้ว ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือก็ไม่พูดอะไรให้มากความ และแอบตัดสินใจแล้วว่าต้องทำให้พวกเขาใส่ใจมากขึ้น จะปล่อยให้พวกเขาทำบ้านหลังใหญ่ขนาดนั้นพังไม่ได้เด็ดขาด
ฉินเคอวั่งเงียบมาตลอดทาง ในตอนนี้เขาก็หันไปหาฉินมู่หลานแล้วเอ่ยถามทันที “พี่ครับ ผมจะไปช่วยปรับปรุงซ่อมแซมด้วยได้ไหม ผมอยากลองออกแบบบ้านด้วย”
ฉินมู่หลานไม่ลืมความใฝ่ฝันของน้องชายอยู่แล้ว จึงยกยิ้มพยักหน้าแล้วเอ่ย “ได้อยู่แล้ว แล้วทำไมเมื่อกี้นายไม่อยู่ด้วยกันก่อนล่ะ”
ฉินเคอวั่งเอ่ยด้วยความเคอะเขินนิดหน่อย “ผมก็กลัวว่าพี่จะไม่เห็นด้วยไงครับ เพราะผมไม่เหมือนพ่อกับคุณลุงเซี่ยที่เคยทำงานสร้างบ้านมาก่อน”
ซูหว่านอี๋เห็นว่าลูกชายอยากจะมีส่วนร่วม ก็ได้แต่รู้สึกว่ผู้ชายในครอบครัวตัวเองค่อนข้างแปลกกันหมด ขณะที่กำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง ฉินมู่หลานก็แทรกขึ้นทันที “เคอวั่ง นายทำงานดี ต่อไปจะต้องเป็นสถาปนิกที่ดีได้แน่นอน”
“อื้ม ขอบคุณครับพี่”
ซูหว่านอี๋ได้ยินคำพูดของลูกสาว จากนั้นจึงได้ทราบว่าจริง ๆ แล้วลูกชายอยากเป็นสถาปนิก หล่อนจึงไม่พูดอะไรอีก
หลังจากหลายคนนั่งคุยกันถึงเรื่องบ้านอยู่นาน ในตอนเย็นเซี่ยเหวินปิงกับฉินเจี้ยนเซ่อก็กลับมากันแล้ว ทั้งสองมีรอยยิ้มแสนตื่นเต้นบนใบหน้า
เซี่ยเหวินปิงเปิดปากเอ่ยขึ้นเป็นคนแรก “มู่หลาน พวกเราลองคิดเรื่องนี้กันแล้ว เดี๋ยวรอพวกเจ๋อเหว่ยมากันก่อนก็ได้ ถึงตอนนั้นจะได้ให้เจ๋อเหว่ยช่วยได้”
ฉินเจี้ยนเซ่อที่อยู๋ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นเช่นกัน “ใช่แล้วมู่หลาน ลุงใหญ่ของลูกกับลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคนของลูกก็ทำได้ เดี๋ยวรอช่วงปีใหม่ พวกเขาจะได้มาที่นี่ได้”
“พ่อคะ เรื่องพวกนี้หนูมอบหมายให้พวกพ่อแล้ว เพราะฉะนั้นพวกพ่อตัดสินใจกันเองเลยค่ะ”
ขณะเอ่ย ฉินมู่หลานก็หยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมา แล้วพูดขึ้น “พ่อคะ เอาเงินพวกนี้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอ ก็บอกหนูได้เลย”
เซี่ยเหวินปิงกับฉินเจี้ยนเซ่อรีบโบกมือทันที “มู่หลาน งานยังไม่ทันได้เริ่มเลย ลูกรีบเอาเงินคืนไปก่อนเถอะ”
“ถึงจะยังไม่ได้เริ่ม แต่พวกพ่อก็ต้องจัดสรรงานเหมือนกัน พ่อจะได้เริ่มวางแผนงานได้ค่ะ”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานเชื่อใจพวกเขามาก ทั้งสองก็รู้สึกร้อนรุ่มในใจ
หลังจากส่งมอบหน้าที่ปรับปรุงซ่อมแซมบ้านแล้ว ฉินมู่หลานก็จะไปหาซื้อบ้านหลังต่อไป จึงพูดคุยเรื่องบ้านกับลุงเจี่ยงอีกครั้ง เพียงแต่เอ่ยยังไม่ถึงสองคำ ข้างนอกก็มีเสียงดังขึ้น เมื่อฉินมู่หลานหันไปมอง ก็เห็นว่าเซี่ยเจ๋อหลี่กำลังเดินเข้ามา
ตอนแรกฉินมู่หลานรู้สึกว่าเป็นภาพลวงตา จนกระทั่งเซี่ยเจ๋อหลี่เดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างกาย เธอจึงเพิ่งตอบสนอง “อาหลี่ คุณมาได้ยังไง กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
“ผมเพิ่งกลับมาได้น่ะ พอดีซวี่ตงขอลา ผมก็ขอลาเหมือนกัน พวกเราก็เลยกลับมาด้วยกัน”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้ก็อดยิ้มไม่ได้ “ซวี่ตงรีบกลับมาแต่งงานใช่ไหมคะ นอกจากพวกคุณแล้ว สหายที่ฐานทัพจะมีคนอื่นมาอีกไหม”
“คนที่มาก็น่าจะไม่น้อย มีผบ.หลายคนมา แล้วก็มีเพื่อนสนิทอีกสองสามคนที่จะมาร่วมงานแต่งด้วย พูดถึงเรื่องนี้ อีกแค่ไม่กี่วันก็จะถึงงานแต่งของซวี่ตงแล้ว ถึงตอนนั้นพวกเราไปช่วยเขากันเถอะ”
“ได้ค่ะ”
ฉินมู่หลานยิ้มเห็นด้วยอยู่แล้ว
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็มาถึงวันแต่งงานของเสิ่นหรูฮวน ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ไปช่วยที่หน้างานตั้งแต่เช้าตรู่
ตอนแรกเสิ่นหรูฮวนรู้สึกกังวลใจมาก แต่เมื่อได้เจอฉินมู่หลาน ก็ร็สึกผ่อนคลายลงมาก “มู่หลาน เธอมาก็ดีเลย ฉันว่าการแต่งหน้าของฉันมันแปลก ๆ เธอว่าไหม?”
ฉินมู่หลานได้ยินสิ่งนี้ก็หันไปมอง ก่อนจะพบว่ามีบางอย่างแปลกไปจริง ๆ การแต่งหน้าของเจ้าสาวดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก หากเสิ่นหรูฮวนแต่งหน้าแต่งตัวแบบนี้ อาจดูไม่ค่อยดีสักเท่าใด
“หรูฮวน ให้ฉันช่วยเธอไหม”
“ได้สิ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
โดนช่างแต่งหน้าแกงหรือเปล่าเนี่ย มู่หลานต้องเปิดสกิลเป็นช่างแต่งหน้าแทนแล้ว
ไหหม่า(海馬)