ตอนที่ 132 บุรุษใจแคบ!
หยางเย่เงียบไปชั่วครู่ “หนึ่งปี ข้าให้ท่านอยู่ภายในตัวข้าแค่ปีเดียวเท่านั้น หลังจากหนึ่งปีเจ้าต้องไปจากข้าเสีย
หยินฉวนเอ๋อรู้สึกดีใจขึ้นมาเมื่อได้ยิน ”สองปี!”
หยางเย่ไม่กล่าวสิ่งใดนอกจากมองอย่างเย็นเยือกไปที่หยินฉวนเอ๋อ
เมื่อเห็นสายตาหยางเย่ หยินฉวนเอ๋อทราบว่านี่คงเป็นขีดจํากัดของเขาแล้ว นางรีบเอ่ยและหยุดต่อรอง “แค่หนึ่งปีก็ได้ ตามสัญญา!”
“ปล่อยนางออกมา!” หยางเย่กล่าว เขาเกลียดชังความรู้สึกถูกคุกคามอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคนที่เขาเกลียดชัง แต่มันก็ไม่มีไม่มีทางเลือก เพราะเขาเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบกว่า!
หยินฉวนเอื้อยังคงเฉยเมยต่อท่าที่ไม่พอใจของหยางเย่ นางยิ้มก่อนจะสะบัดมือ จากนั้นภาพตรงหน้าได้เปลี่ยนไป เมื่อผ่านไปสองลมหายใจ ฉินเยว่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าเขา
” ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” หยางเย่เอ่ยถามขณะจ้องมองฉินเยว่
ฉินเยวชะงัก จากนั้นนางส่ายหัวพร้อมกลับมองอย่างเย็นเยือกไปทางหยินฉวนเอ๋อที่ยืนแสยะยิ้มอยู่
“เช่นนั้นข้าจะเข้าไปแล้วนะ อย่าผลักข้าออกล่ะครั้งนี้เ” หยินฉวนเอ๋อมองหยางเย่ขณะกล่าว
หยางเย่มองไปที่มิงค์ม่วงโดยไม่สนใจคําของหยินฉวนเอ๋อ “สหาย หากนางมีเจตนาไม่ดีกับข้าตอนอยู่ในนั้น ข้าจะจักการกับนางได้หรือไม่?”
หยางเย่ไม่เชื่อใจหยินฉวนเอ๋อ หากเขาไม่มีวิธีจัดการนาง เช่นนั้นเขาก็ไม่อาจปล่อยให้นางเข้าไปในได้
มิงค์ม่วงกะพริบตา จากนั้นมันชี้กรงเล็บไปที่หยินฉวนเอ๋อก่อนจะชี้มาที่ตัวมันเอง เห็นได้ชัดว่ามันกําลังบอกว่ามันจัดการได้
หยางเย่ไม่มีข้อสงสัยอีก เขารีบพยักหน้าก่อนจะมองไปยังหยินฉวนเอ๋อ ”เข้าไป! แต่ข้าจะบอกไว้ก่อน บ่อน้ําพลังปราณเป็นของสหายตัวจ้อย เจ้าไม่มีสิทธิใดในการใช้มัน
มิงค์ม่วงพุ่งไปอยู่บนไหล่หยางเย่ก่อนจะใช้หัวคลอเคลียใบหน้าเขา
มิงค์ม่วงรู้สึกมีความสุขมาก ส่วนใบหน้าของหยินฉวนเอ๋อเปลี่ยนไปทันที ” ข้าต้องเข้าไปเพื่อใช้มันเร่งความเร็วการบ่มเพาะ!”
“นั่นมันปัญหาของเจ้า!” หยางเย่กล่าวอย่างเย็นชา ” หากท่านกล้าแตะต้องบ่อน้ําพลังปราณก่อนได้รับอนุญาตจากสหายตัวจ้อย เช่นนั้นข้าคงไม่ลังเลที่จะไล่ท่านออกมา!”
หยินฉวนเอ๋อรู้สึกหดหูในทันใด ตั้งแต่เกิดมา นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนปฏิบัติกับนางเช่นนี้ เวลานี้นางอยากจะสังหารเขาทิ้งนัก แต่เมื่อนึกถึงไข่มุกสีแดงปริศนา และสหายตัวจ้อยนางทําได้แค่ข่มค วามโกรธเคืองนั้นไว้ในใจ ถึงแม้ไข่มุกลึกลับจะน่าสะพรึงเพียงใดนางก็สามารถหาทางเอาชนะมัน แต่สําหรับสหายตัวจ้อยลึกลับนั้นคนละเรื่อง หากสหายตัวจ้อยใช้แรงกดดันสายเลือดที่มหาศาลข่มพลังนางและมนุษย์ที่มีทั้งเจตจํานงแห่งดาบ และดาบแห่งการรู้แจ้ง นางก็ไม่มั่นใจว่าจะสู้ได้หรือไม่!
เวลานี้นางรู้สึกเสียใจเล็กน้อย นางเสียใจที่ยอมให้ความโกรธครอบงําจนทําให้เสียการใหญ่หากนางไม่ทําตัวโอหังกับเขา เช่นนั้นแผนที่จะร่วมมือกันในตอนแรกคงประสบความสําเร็จแล้ว โชคไม่ดี นอกจากจะสร้างความขุ่นเคืองกันแล้ว ยังดูเหมือนจะเป็นศัตรูที่เกลียดชังกันด้วย สิ่งนี้ ถือว่าเป็นความชั่วร้ายที่เรานํามาเข้าสู่ตนเองสินะ
ยังไม่เป็นอะไรมากหากเขาเป็นแค่ศัตรูกัน แต่สิ่งที่สําคัญที่สุดหยางเย่ได้เกลียดชังนางและไม่ไว้ใจไปแล้ว นางไม่สามารถบรรลุขั้นปราณจุติได้เพียงแค่ปีเดียว เมื่อไม่เป็นเช่นนั้นอย่าว่าแต่จะแก้แค้นจักรวรรดิต้าฉัน แค่เอาชีวิตรอดยังถือว่ายาก
หยางเย่ขมวดคิ้วพร้อมเอ่ยถาม “ท่านจะเข้าไปหรือไม่?”
หยินฉวนเอ๋อมองไปยังหยางเย่ ถึงแม้นางจะโกรธ แต่นางก็ยังดูมีเสน่ห์ แต่สายตาของเขากลับดูเย็นชาและไม่ขยับแม้แต่น้อย
หยินฉวนเอ๋อไม่กล่าวสิ่งใด นางกลายเป็นร่างจิ้งจอกพร้อมพุ่งเข้าไปในตัวหยางเย่ ในส่วนของมิงค์ม่วง มันรีบพุ่งตามเข้าไปทันทีที่เห็น
“นี่คือเหตุผลที่นางยอมปล่อยข้าไปงั้นหรือ?” ฉินนี่เยว่เอ่ยถามหลังจากเงียบอยู่นาน
หยางเย่พยักหน้า “กล่าวตามตรงข้าไม่ได้เสียใจแม้แต่น้อยที่ทําเช่นนี้ แต่ที่เสียใจคือ ข้าไปช่วยเหลือสตรีคนนั้นเพียงแค่ความอยากรู้อยากเห็น เช่นเดียวกับท่าน ท้ายที่สุดนางกลับมาแทงข้างหลังข้าหลังจากช่วยเหลือ แต่ท่านก็ยังดีกว่านางเยอะ”
ฉินเยว่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม ” ทําไมข้าถึงดีกว่านางล่ะ?”
“ข้ายังสามารถร่วมมือกับท่านได้ แต่นาง… ลืมมันเสีย ไม่ต้องกล่าวถึงมันอีก” หยางเย่ส่ายหัว
” อันที่จริงมีสิ่งหนึ่งที่นางกล่าวไม่ผิด เจ้าเป็นชายที่ใจแคบ!” ฉินเยว่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม ” กล่าวตามตรงเจ้าเป็นคนที่มีความเคารพตัวเองสูง”
หยางเย่ไม่ใส่ใจ “คงเป็นเช่นนั้น อย่างไรก็ตามข้าจะทําสิ่งที่ข้าพอใจ และไม่เปลี่ยนตนเองเพื่อคนอื่นอย่างน้อย ข้าก็ไม่ยอมทําเพื่อนาง”
“แต่ยังไงตัวตนเช่นนี้ก็ไม่ค่อยดี” ฉินเยว่กล่าว
“ไม่มีใครในโลกนี้ที่สมบูรณ์แบบ และข้าก็ไม่ใช่นักบุญ ข้ายอมรับว่าตนเองมีข้อบกพร่องข้าทราบดีว่าไม่ได้ทําตัวให้สมเป็นชายชาตรี และท่านก็ไม่ได้ชอบผู้ชายเช่นนี้แน่นอนแต่แล้วยังไง? อันดับแรกข้าไม่ได้หวังให้ท่านมาชอบข้า และข้าก็ไม่ได้สนใจเจ้าเช่นกันนอกจากนั้นเมื่อนางไม่เคารพข้า แล้วเหตุใดข้าต้องเคารพนางด้วย? หรือแค่เพราะนางงดงามงั้นหรือ?” หยางเย่ส่ายหัวพร้อมกล่าว “ข้าปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้ที่ปฏิบัติต่อข้าไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นสตรีหรือบุรุษ”
ฉินเยว่ส่ายหัวและยิ้มเมื่อได้ยิน ในหมู่คนที่นางเคยพบมาตลอดในชีวิต มีทั้งสุภาพบุรุษและคนที่น่ารังเกียจ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พบคนอย่างหยางเย่
ในโลกนี้ ผู้คนต่างสวมสวมหน้ากากเข้าหากันเพื่อหาผลประโยชน์ให้ตนเอง เหมือนกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หากเป็นชายคนอื่น เช่นนั้นถึงแม้เขาจะไม่ชอบทัศนคติของหยินฉวนเอ๋อแต่ชายคนนั้นคงจะไม่ต่อต้านนาง เพราะยังไงมันก็ดีที่มีองครักษ์เป็นยอดฝีมือขั้นปราณจิตวิญญาณยิ่งไปกว่านั้นเขายังจะประจบและทําดีแทน
แต่หยางเย่กลับไม่สนใจแม้กระทั่งวิชาขั้นปฐพีเพียงเพราะไม่ชอบหยินฉวนเอ๋อ และยังทําให้นางอุ่นเคืองอย่างมาก…
นางไม่ทราบอย่างแท้จริงว่าควรจะชมหรือด่าหยางเยู่ดี…
นางส่ายหัวพร้อมหยุดคิดทุกสิ่งก่อนจะเอ่ย ” พี่หญิงขอบคุณสําหรับทุกสิ่ง!”
“ท่านไม่ขอบคุณข้าแม้แต่น้อยตอนช่วยท่านที่ทุ่งราบ แต่เหตุใดจึงมีมารยาตอนนี้?” หยาง เย่ค่อนข้างประหลาดใจ
ฉินเยว่กลอกตามองหยางเย่ “ตอนนั้นเจ้าไม่มีทางเลือก แต่ครั้งนี้เจ้ามี และยังประนีประนอ มกับสตรีคนนั้นเพื่อข้า พี่หญิงทราบว่าคนภาคภูมิใจในตนเองเช่นเจ้าต้องไม่พอใจอย่างมาก ดังนั้น พี่หญิงต้องกล่าวขอบคุณแล้วครั้งนี้ แน่นอนว่ามันเป็นเพียงแค่วาจาเท่านนั้น มันยังเป็นไปไม่ได้ที่ พี่หญิงจะตอบแทนด้วยการให้คํามั่นว่าจะแต่งงานกับเจ้า! ฮ่าฮ่า” ทันทีที่กล่าวจบนางก็ กลับไปเป็นปกติ
หยางเยู่ไม่สนใจหัวข้อนี้ เขามองไปรอบด้านก่อนเอ่ย ” พวกเราควรออกไปจากที่นี่หรือเข้าไปหาสมบัติต่อ?”
“พวกเราจะต้องหาสมบัติจากสถานที่นี้ต่อแน่นอน มิเช่นนั้นเราจะก่อตั้งองค์กรได้ยังไง?” ฉินช่เยว่กล่าว
บั้ง!
ทันใดนั้นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น และเสียงระเบิดยังดังก้องอย่างไม่หยุดหย่อน
หยางเย่และฉินเยวมองตากันก่อนจะเอ่ย “มีใครบางคนกําลังต่อสู้กันอยู่ ไปดูกันเถอะ!”
“ดู?” หยางเย่ขมวดคิ้ว
“โง่เง่า!” ฉินเยว่กล่าว ” เมื่อมันมีการต่อสู้เกินขึ้น ที่นั่นก็ต้องมีสมบัติอยู่ เจ้าทราบหรือไม่ว่าจะร่ํารวยมั่งคั่งได้ยังไง? ปล้นชิงยังไงล่ะ! มีอะไรที่ทําให้ร่ํารวยกว่านั้นอีกหรือไม่?”
หยางเย่เห็นด้วยอย่างลึกซึ้ง นอกจากสมบัติที่เป่าเอื้อมอบให้ ความร่ํารวยของเขายังมาจากการปล้นชิง ดังนั้นเขาจึงเห็นด้วยกับฉินเยว่ หยางเย่เลิกลังเลพร้อมพุ่งไปตามทางที่เสียงดังมา
ภายในตันเถียนน้ําวน หยินฉวนเอ๋อมองไปที่มิงค์ม่วงพร้อมแสดงท่าที่น่าสงสาร “สหายตัวจ้อยแบ่งให้พี่หญิงสักนิดหน่อยได้หรือไม่? แค่เพียงนิดเดียว ดูสิ อายุขัยพี่หญิงใกล้จะหมดแล้วหากไม่สามารถบ่มเพาะพลังจนถึงขั้นปราณจุติได้ เช่นนั้นพี่หญิงจะต้องตายแน่เลยเจ้าทนเห็นสิ่งนั้นเกิดขึ้นกับพี่หญิงได้หรือ?”
มิงค์ม่วงยังคงส่ายหัว และมองหยินฉวนเอ๋ออย่างรังเกียจ
หยินฉวนเอ๋อหดหูทันทีที่เห็น นางขอร้องสหายตัวจ้อยมานาน แต่ไม่ว่าจะกล่าวสิ่งใด สหายตัวจ้อยก็ไม่ยอมให้ใช้บ่อพลังปราณ และมันทําให้นางแทบจะเป็นบ้า แต่เมื่อนางนึกถึงสิ่งที่ชาย หนุ่มคนนั้นกล่าวนางก็ทําได้เพียงข่มความรู้สึกทั้งหมดไว้ในใจ
ถึงแม้นางจะไม่สามารถทําสิ่งใดกับสหายตัวจ้อยได้ แต่ราชันหมาป่าทั้งสอง
ทันใดนั้น เสียงหมาป่าได้หอนขึ้นภายในตัวหยางเย่…