บทที่ 310 กลืนยาสมุนไพร
บทที่ 310 กลืนยาสมุนไพร
ฟาร์มยาแห่งนี้เป็นของผู้ปกครองทะเลตงไห่และจอมโฉดแห่งทะเลเหนือร่วมกันเป็นเจ้าของ และเพราะแบบนี้เอง ทำให้ฟาร์มยาแห่งนั้นไม่มีใครกล้าไปรบกวนมัน
ถ้าไปเก็บยาสมุนไพรสักต้นในนั้น ก็ต้องได้รับการลงโทษจากขุมอำนาจใหญ่ทั้งสองกลุ่ม ไม่มีใครกล้าทำให้ขุมอำนาจใหญ่สองกลุ่มไม่พอใจ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งในนั้น
หลังจากสืบข่าวทั้งหมดแล้ว ฉู่เหินก็ได้ข้อมูลสำคัญมากอีกอย่างคือ สมุนไพรจากฟาร์มยานั้นมีสัญลักษณ์พิเศษติดมากับตัวสมุนไพรด้วย ถ้ามีคนไปขโมยโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม พวกเขาก็มีวิธีหาอีกฝ่ายจนเจอเพราะเหตุนี้ทำให้ไม่มีคนบนเกาะไปขโมยสมุนไพรนั้นสักคน
หลังจากฉู่เหินรู้เรื่องพวกนี้แล้ว ฉู่เหินก็รู้ทันทีว่ายาสมุนไพรที่เก็บมาแม้จะเป็นของล้ำค่า แต่ก็เป็นเผือกร้อนเช่นเดียวกัน ตอนนี้มีแค่ 2 วธีเท่านั้นที่จะจัดการมัน หนึ่งคือเอายาที่เก็บมาไปทิ้งซะ แบบนี้ก็จะไม่สร้างปัญหาอะไรให้กับพวกเขาได้อีก! แต่หากทำแบบนั้นมันจะน่าเสียดายไปหน่อย!
สำหรับวิธีที่สองก็คือศึกษาสมุนไพรพวกนี้ให้เข้าใจว่ามันทำอะไรได้บ้าง การทำความเข้าใจที่ดีสุดก็คือกลืนมันลงไป ตามหลักการแล้วมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แถมการกินสมุนไพรพวกนี้ต้องใช้เวลา ไหนจะยังต้องมีวัสดุเสริมต่าง ๆ อีก เพราะหากกลืนพวกมันลงไปตรงๆ ไม่เพียงแต่สิ้นเปลื้องประสิทธิภาพของสมุนไพร ยังอาจมีผลข้างเคียงตามมาอีกด้วย
แต่ฉู่เหินไม่คิดจะทำเช่นนั้น เพราะในมือของเขามีค่ายกลพิเศษอยู่หลังจากสร้างสำเร็จแล้วค่ายกลก็จะรีดสมุนไพรเหล่านั้นให้เอง พวกเขาก็แค่ต้องฝึกฝนรอบ ๆ ค่ายกลและดูดซับยาสมุนไพรทั้งหมดเข้าสู่ร่างกาย! แต่วิธีนี้มีทั้งข้อดีข้อเสีย ทว่าตอนนี้มันเป็นเรื่องเร่งด่วน ไม่มีเวลาจะมาหาวิธีอื่น ๆ อีกแล้ว
ฉู่เหินไม่กล้าถึงขนาดฝึกฝนมันในโรงแรม เพราะว่าการสร้างค่ายกลต้องมีการเคลื่อนไหวอาจถูกคนอื่นสังเกตเห็นได้ และตอนนี้เขารู้แล้วว่ารังของขุมอำนาจใหญ่สองกลุ่มอยู่ที่ไหน ดังนั้นเขาจะลดความเสี่ยงให้น้อยที่สุด! ซึ่งสถานที่ ๆ ดีที่สุดก็คือในแม่น้ำนั้นเอง
หลังจากออกมาจากโรงแรมอย่างเงียบ ๆ พวกเขาก็กลับไปยังแม่น้ำทางเดิมที่มา เขาเริ่มลงมือสร้างค่ายกลทันที พอค่ายกลถูกสร้างเสร็จสิ้น พวกเขาทุกคนก็เริ่มต้นนั่งลงดูดซับสมุนไพรกันที่นี่เลย
ฉู่เหินโคจรพลังกิเลนอย่างบ้าคลั่ง จนพลังที่เขาโคจรอยู่นั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงว่าดอกไม้ใบหญ้าที่เขาเก็บมาจะมีความยิ่งใหญ่จนช่วยให้เขาแข็งแกร่งขึ้นถึงขนาดนี้
ผลข้างเคียงที่เกิดกับวิชาพลังกิเลนนั้นยิ่งใหญ่มากจริง ๆ ฉู่เหินที่ดูดซับพลังของสมุนไพรไม่หยุด เริ่มสัมผัสได้ว่า ร่างกายของตัวเองมันกำลังจะระเบิด โดยเฉพาะตรงนั้นของผู้ชายมันเกินจุดที่มนุษย์จะรับไหวแล้ว ความรู้สึกนี้มันทรมานจนทำให้เขาขมวดคิ้วแน่น
หลังจากเสี่ยวชิงดูดซับสมุนไพรอยู่สักพัก จนในที่สุดตัวเองก็ทะลวงพลังเข้าสู่ขั้นเต๋าได้แล้ว อีกทั้งในเวลาเดียวกันสมุนไพรก็ทรงพลังมากจนเธอไม่สามารถกลั่นพลังของมันได้ทั้งหมด ทำได้เพียงดูดซับเข้ามาภายในร่างกาย และบังคับให้มันเก็บอยู่ในนั้น ไม่เพียงแต่เสี่ยวชิงที่ทำแบบนี้ คนอื่น ๆ เองก็เช่นเดียวกัน
การทำแบบนี้ทำให้ร่างกายของทุกคนต่างก็อ้วนขึ้นไปตาม ๆ กัน แต่มันเป็นร่างกายที่เก็บสะสมพลังของยาเอาไว้ ในวันข้างหน้าพวกเขาจะค่อย ๆ ดูดซับมันเข้าให้เป็นพลังของตัวเองเพื่อให้วรยุทธก้าวหน้าไปอีกขั้น
เสี่ยวชิงที่เลื่อนเป็นขั้นเต๋าลืมตาตื่นขั้นมา ก็เห็นว่าฉู่เหินไม่ค่อยปกติ ด้วยสมองอันฉับไวเธอเลยเดินไปหาฉู่เหินเพื่อตรวจสอบว่ามีอะไรผิดปกติตรงไหน พอเข้าไปใกล้ ๆ เธอก็เห็นว่าร่างกายของฉู่เหินคล้ายกับกุ้งที่ถูกต้มจนสุก ผิวที่เคยขาวเนียนกลับเปลี่ยนเป็นแดงเข้ม
มองดูก็รู้ว่าฉู่เหินต้องมีปัญหาแล้วแน่ ๆ ไม่งั้นร่างกายคงไม่ร้อนอย่างไม่มีเหตุผลแบบนี้ แต่เธอก็ไม่รู้ว่ามันผิดปกติที่ตรงไหน
เธอมองดูฉู่เหินที่นั่งขัดสมาธิก็เห็นว่ามีจุดหนึ่งที่มันใหญ่ผิดสังเกต เสี่ยวชิงรู้สึกเขินอายอยู่นิดหน่อยในใจก็คิดคำนวณไปด้วย จากรอบข้างพี่ฉู่ของเธอไม่น่าจะหื่นขึ้นมาได้ เพราะงั้นเห็นได้ชัดว่าพี่ฉู่กำลังมีปัญหาแต่ปัญหาคือมันเกิดขึ้นตรงนั้นได้ยังไง
ในตอนที่เสี่ยวชิงจะสอบถาม โม่เจียวก็ฟื้นจากการฝึกฝนแล้วเช่นกัน หลังจากเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นโม่เจียวก็เดินไปนั่งข้างฉู่เหินแล้วกลั่นแกล้งฉู่เหินไม่หยุด ตอนนี้มือข้างหนึ่งของเธอจะเอือมไปจับไอ้นั้นของฉู่เหิน แต่จู่ ๆ เธอก็นึกบ้างอย่างออก เธอมองฉู่เหินจากนั้นก็ค่อย ๆ ก้มหน้าไปกระซิบข้างหูเสี่ยวชิงสักสองสามประโยค เสี่ยวชิงได้แต่พยักหน้าอย่างเขินอาย
ในตอนที่ทุกคนฝึกฝนเสร็จสิ้นแล้ว เสี่ยวชิงให้ทุกคนกลับออกไป จากนั้น เธอก็อยู่กับฉู่เหินสองคน! เดิมทีโม่เจียวจะอยู่ด้วย แต่เสี่ยวชิงไล่เธอออกไป ล้อเล่นกันหรือไง! เรื่องแบบนี้จะให้ใครมายืนดูได้ยังไง!
ในขณะเดียวกันที่เกาะก็เกิดความโกลาหลขึ้น นั้นทุกคนรู้ว่ามีคนเก็บสมุนไพรในฟาร์มยาไปทั้งยังเก็บของดีไปไม่น้อยอีกด้วย เรื่องนี้ทำให้ขุมอำนาจใหญ่ทั้งสองกลุ่มโกรธมาก คนของกลุ่มผู้มีอำนาจสองกลุ่มออกค้นหาทั่วทั้งเกาะอย่างละเอียด
เดิมทีคนเหล่านี้ก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของกลุ่มหยินหยาง น่ากลัวว่าครั้งนี้ฉู่เหินจะต้องเผชิญหน้ากับขุมกำลังที่น่ากลัวเข้าซะแล้ว
แม้ว่าเกาะแห่งนี้จะมีขนาดใหญ่มาก แต่ทั้งหมดนั้นเกิดจากค่ายกลทั้งสิ้น การจะหาคนสักคนนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ แต่ถึงอย่างงั้นกลุ่มของทั้งสองค้นหามากว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วก็ไม่เจออะไรจนพวกเขาก็แต่ต้องสรุปว่าพวกหัวขโมยมันหนีไปแล้ว
จากนั้นสองกลุ่มอำนาจก็ส่งคนกว่าร้อยคนออกไปไล่ล่ายังพื้นที่ด้านนอก ผลลัพธ์คือคนกว่าร้อยที่ออกมาด้านหน้าของเกาะ หลงเข้าไปในค่ายกลและกับดักที่ฉู่เหินทำเอาไว้ก่อนหน้านี้
ค่ายกลพวกนี้ฉู่เหินตั้งใจทำเพื่อฆ่าคน ดังนั้นตอนนี้สร้างมันเขาจึงใส่แรงเต็มที่ทำให้พลังของค่ายกลแข็งแกร่งมาก ทำให้ด้านหน้าของเกาะไม่ต่างอะไรกับตกนรกบนดิน
ทันทีที่พวกเขาพุ่งเข้าไปในค่ายกลแห่งนี้ ก็เกิดแสงสว่างวับขึ้นมาวูบหนึ่งห่อหุ้มพวกเขาเอาไว้ทั้งหมด จากนั้นสายฟ้าก็ฟาดลงอย่างต่อเนื่อง คนนับสิบนับร้อยที่โดนสายฟ้าผ่าลงมาต่างผิวหนังเปิดเลือดสาดกระจาย
ยังไม่ทันรอให้พวกเขาได้หายใจหายคอ ค่ายกลก็ยิงลำแสงออกมาราวกับกระบี่สังหารแทงลงมายังกลุ่มคนเหล่านี้ กระบี่เหล่านี้ฉู่เหินออกแบบตามสุสานในตอนนั้นนั่นเอง!
ถ้าแค่กระบี่อย่างเดียวคงไม่อาจสร้างความเกรงกลัวให้คนเหล่านี้ได้ แต่เมื่อรวมกับสายฟ้าที่ผ่าลงมาอย่างต่อเนื่องคนเหล่านี้ก็ได้แต่หวาดกลัว
จอมยุทธ์กว่า 500 คนไม่ถึงคร่งชั่วโมง ก็ตายไปกว่าครึ่ง คนที่ยังรอดต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่หัวหน้ากลุ่มหลายคนอยู่ในขั้นผู้พิชิตดาราใช้โล่ป้องกันเอาไว้ได้ พวกเขาค่อยถอยออกมาอย่างช้า ๆ จนสามารถหนีออกมาจากค่ายกลได้หนึ่งร้อยกว่าคน
ยอดฝีมือ 500 คนตอนนี้เหลือแค่หนึ่งร้อยกว่าคน พวกเขาโกรธจนแทบกระอักเลือด! แต่พวกเขาก็ไม่รู้จะทำยังไงกับค่ายกลตรงหน้าดี พวกเขาได้แต่หยุดนิ่ง
ฉู่เหินไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ในตอนนี้เขารู้สึกเบาสบายจนต้องร้องครางออกมาหนึ่งเสียง คล้ายกับสิ่งที่เก็บสะสมมาทั้งหมดได้รับการปลดปล่อย
หลังจากเขาระบายออกมาแล้วทั้งหมดแล้ว สมุนไพรที่อยู่ในร่างก็เริ่มหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว วิธีนี้มันได้ผลดีมาก ฉู่เหินแอบคิดกับตัวเองในใจ วันนี้เขาชิงสุกก่อนห่ามไปแล้ว ทำอีกก็คงไม่เสียหายอะไร