บทที่ 311 ถามไถ่
บทที่ 311 ถามไถ่
นอกเหนือวิชาฝึกฝนนี้จะได้ผลดีแล้ว ฤทธิ์ของสมุนไพรในร่างของฉู่เหินกับเสี่ยวชิงเองก็กำลังโคจรหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว แสดงว่าการมีอะไรกันระหว่างฝึกวิชาทำให้พลังทั้งสองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ที่ชัดเจนก็คือพลังของเสี่ยวชิงจากที่เป็นขั้นเต๋าระดับต้น หลังจากที่ทั้งสองมีอะไรกัน เสี่ยวชิงก็ก้าวกระโดดจากขั้นเต๋าระดับต้นไปสู่ขั้นปลาย ในทันทีตอนนี้เธอไม่ธรรมดาเลย ยอดฝีมือขั้นเต๋าทั่ว ๆ ไปไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธออีกแล้ว
ฉู่เหินเองก็ไม่ได้ด้อยกว่ากัน ในที่สุดเขาก็เข้าสู่ขั้นครึ่งก้าวสู่ผู้พิชิตดารา ตอนนี้พลังของเขายังไม่สมบูรณ์มีแค่บ้างส่วนที่เป็นขั้นผู้พิชิตดาราเท่านั้น ทว่า หลังจากที่ผ่านมาถึงจุดนี้ ไม่นานคงก็เข้าสู่ขั้นผู้พิชิตดารา
มีเพียงเส้นบาง ๆ คั่นอยู่ระหว่างทั้ง 2 ขั้นนี้และมันคืออุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดระหว่างขั้นผู้พิชิตดาราและขั้นเต๋า ก่อนเขาเข้าสู่ขั้นผู้พิชิตดาราแล้ว เขาจะต้องมีเต๋าในหัวใจเสียก่อน ตราบใดที่เต๋าก่อตัวเป็นรูปร่างแล้วมันจะพัฒนาอย่างไร้ที่สิ้นสุดและนี้ก็คือความเป็นมาของวิถีวรยุทธ!
หากอยากฝึกฝนวิชาที่แท้จริงคุณก็ต้องรู้เส้นทางของตัวเอง ในช่วงหลายหมื่นปีที่ผ่านมานี้มีหลายคนเข้าใจถึงเส้นทางของตัวเองอย่างท่องแท้ พวกเขาจะสามารถเดินอยู่บนเส้นทางแห่งการฝึกตนที่ถูกต้องจนบรรลุถึงพลังอันไร้ขีดจำกัด
การฝึกตนและการฝึกทักษะยุทธ์นั้นไม่ใช่เรื่องยาก และความยากลำบากที่แท้จริงคือการตระหนักถึงหัวใจของตัวเอง! บางคนติดอยู่ในระดับนี้นานหลายสิบหรือหลายร้อยปีเพราะพวกเขาไม่เจอเส้นทางของตัวเองและไม่ก้าวต่อไป
เส้นทางมีมากมาย สามพันหนทางแปดร้อยประตู คนโบราณได้บันทึกเส้นทางการฝึกตนเอาไว้มากกว่าสามพันเส้นทาง แต่วิธีเหล่านี้เป็นวิธีที่คนอื่นเข้าใจไม่ใช่สิ่งที่ตัวเราเองเข้าใจ หากต้องการจะนำคำสอนของคนโบราณมาใช่ต้องเอามาให้หมดไม่ใช่แค่เอาชนะคู่ต่อสู้ แต่ต้องเข้าใจถึงคำสอนนั้นด้วย
ขั้นผู้พิชิตดาราคือขอบเขตแห่งเต๋าที่แท้จริง จะมีการตั้งคำถามถึงเส้นทางในจิตใจซึ่งทุกคนต้องผ่านมันไปให้ได้
แน่นอนว่ามีเพียงผู้ที่มีความเพียรพยายามเท่านั้นถึงจะสามารถสร้างเส้นทางของตัวเองได้!
ใน 10 คนจะมีเพียง 9 คนเท่านั้นที่ถูกลิขิตไว้ด้วยสวรรค์ให้สามารถฝึกฝนได้ตามปกติ แต่ต้องหมั่นฝึกฝนตามเส้นทางของตัวเอง หากคิดจะต่อต้านอาณัติฟ้าล่ะก็อาจต้องเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์
ความรักจากสวรรค์มักมาพร้อมความโชคร้ายเพราะเนื่องจากฝึกตนตามปกติไม่แตกต่างจึงยากจะโดนเด่น ในประวัติศาสตร์มีคนที่ไม่ได้ถูกกำหนดชะตากรรมจากสวรรค์กลายเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือสวรรค์ไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่มักจะตายตกอยู่ในแม่น้ำแห่งโชคชะตาอันกว้างใหญ่!
แต่ยังไงซะคนเหล่านี้ก็ละทิ้งเส้นทางของตัวเอง และหวังว่าลูกหลานจะไม่เดินตามเส้นทางนี้อีกครั้ง พวกเขาอยากให้ลูกหลายอยู่บนเส้นทางที่เรียบง่ายอย่างน้อยก็ไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเพราะบททดสอบจากสวรรค์?
เฉกเช่นสัตว์เทพอย่างปีศาจลิงจูเยี้ยนที่พยายามจะต่อต้านลิขิตฟ้า แต่โชคไม่ดีที่ในสุดท้ายก็ถูกขับไล่ลงจากสวรรค์ ได้กลายไปเป็นเศษฝุ่นของประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่
ไม่เหมือน มังกร ฟีนิกซ์ และกิเลน พวกมันต่างถูกเรียกว่าเป็นสิ่งมีชีวิตมงคล เพลิดเพลินไปกับดอกไม้ไฟบนโลกมนุษย์ บ่งบอกได้ชัดเจนเลยว่าพวกมันเป็นที่รักของสวรรค์ ซึ่งการที่พวกมันมีชื่อเสียงและย่ิงใหญ่ในโลกหล้าส่วนหนึ่งก็เพราะมันเป็นไปตามความประสงค์ของสวรรค์! แม้พวกมันจะไม่ก้าวลงมาบนโลก แต่พวกมันกลับได้เพลิดเพลินจากคำบูชาสรรเสริญมาอย่างช้านาน
แต่ในเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ย่อมพวกที่แตกต่างเช่นชนเผ่ากิเลน เผ่ากิเลน จะมีตัวที่สีดำมืดเหมือนหมึกและมีพลังของธาตุน้ำและไฟในตัวพร้อมกัน ในยุคสมัยนั้นมันช่างน่าทึ่งและไร้เทียมทาน กิเลนหมึกไม่ขึ้นตรงกับเผ่ากิเลนและรักกับปีศาจลิงจูเยี้ยน
จนกระทั่งถึงยุคของกิเลนสายฟ้า กิเลนหมึกก็ถูกรังเกียจและถูกกีดกันจากทุกฝ่ายแม้กระทั่งโลกมนุษย์ กิเลนสายฟ้าที่เป็นที่ชื่นชอบของสวรรค์จึงกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดแทน! ตั้งแต่สมัยโบราณมานั้นกิเลนหมึกก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย
ตอนนี้ฉู่เหินมาถึงจุดสูงสุดของครึ่งก้าวสู่ขั้นผู้พิชิตดาราแล้ว ฉู่เหินรู้ว่าต้องทำยังไงต่อไปหากเขาสามารถเข้าใจในเส้นทางของตัวเองเขาจะสามารถทะลวงระดับพลังกลายเป็นขั้นผู้พิชิตดารา!
ตอนนี้ผลข้างเคียงในร่างกายของเขาหายไปอย่างสมบูรณ์ ฉู่เหินรู้สึกเหมือนเขากำลังก้าวไปในเส้นทางที่ต่างออกไป เขาไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้เขากำลังอยู่ที่ไหน แต่เขาเห็นความว่างเปล่าอันแสนกว้างใหญ่รอบตัวเขาราวกับว่าเขากำลังล่องลอยอยู่ในอวกาศ
ในขณะนี้มีชายชรา 6 คนยืนอยู่ข้างเขาและชายทั้ง 6 ก็มีรูปร่างที่ต่างกัน ทั้งขาวหรือดำ สูงหรือเตี้ย อ้วนหรือผอม ลมหายใจที่เล็ดลอดออกมาจากทั้ง 6 คนนั้นก็แตกต่างกันมาก!
ชายชราที่มีผมสีขาวและคิ้วสีขาวแถมแต่งตัวสีขาว มองฉู่เหินด้วยรอยยิ้ม “เจ้ายินดีที่จะกลายเป็นความยุติธรรมอย่างแท้จริงหรือไม่ ในอนาคตหากว่าทุกคนต้องตกอยู่ในอันตรายแต่เจ้าไม่อาจช่วยได้เนื่องจากมันขัดแย้งกับความยุติธรรมเจ้าจะทำยังไง? และเมื่อเจ้าเลือกเส้นทางนี้แล้วเจ้าต้องละทิ้งคนที่เจ้ารักโดยไม่ลังเลและเลือกความยุติธรรมหรือไม่? เจ้าเต็มใจที่จะสละชีวิตของเจ้าเพื่อสิ่งที่เรียกว่าความยุติธรรมหรือไม่?”
สามคำถามจากเต๋าที่แปลกประหลาก ฉู่เหินไม่ทราบว่าคนเหล่านี้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็คือเต๋า หากคำถามสามข้อนี้ไม่ละเมิดเจตนาของพวกเขา พวกเขาก็จะมอบเส้นทางให้กับฉู่เหิน จากนั้นฉู่เหินก็จะเข้าสู่ขั้นผู้พิชิตดาราได้ทันที!
แต่จำเป็นต้องละทิ้งคนที่รักและสละชีวิตคนอื่นเพื่อความสำเร็จของตัวเองด้วยงั้นเหรอแล้วแบบนั้นเรียกว่าความยุติธรรม? คำถามนี้ถูกลบล้างออกไปจากจิตใจของฉู่เหินทันที อย่ามาล้อเล่นนะ! เหตุผลที่ฉันต้องฝึกอย่างหนักและอยากที่จะแข็งแกร่งขึ้นก็เพื่อที่จะได้ปกป้องครอบครัวและคนที่รักเอาไว้ เพื่อให้พวกเขาได้มีชีวิตที่ดีขึ้นไม่ใช่หรือไงกัน?
แค่สิ่งที่เรียกว่าความยุติธรรมอะไรนั่นก็ต้องยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมางั้นเหรอ? แบบนั้นมันเรียกว่าความยุติธรรมได้ยังไง? ถ้าเป็นแบบนั้นเขาขอยอมแพ้ ยอมทำตัวเป็นพวกหัวกบฏดีกว่าเป็นคนที่ถูกต้องในสังคม!
“ฉันไม่ต้องการ!” คำตอบของนี้เด็ดขาดและไม่ลังเล ไม่ว่าจะยุติธรรมหรือความชั่ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวฉันเอง ฉันไม่สนใจว่าสิ่งที่ฉันทำมันจะเลวร้ายต่อคนอื่นหรือว่ายังไง แต่ฉันจะทำในสิ่งที่ฉันเชื่อว่าถูฏต้อง นั้นละคือตัวฉันเอง!
เมื่อคำพูดของเขาพูดออกมาชายชราในชุดขาวก็หายตัวไป แต่ก็มีแสงสีขาวซีดเหลืออยู่และแสงก็ค่อย ๆ พุ่งเข้าสู่ตรงระหว่างคิ้วของฉู่เหิน จากนั้นทุกอย่างก็กลับสู่ความเงียบงัน!
มันคือเมล็ดพันธุ์แห่งความยุติธรรมสิ่งนี้พิสูจน์ว่าเขาเดินไปบนเส้นทางแห่งความยุติธรรม แม้ว่าเส้นทางนี้จะไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าถูกต้อง แต่ก็ยังมีร่องรอยของความยุติธรรมหลงเหลืออยู่บ้าง
“เจ้าหนุ่ม ถ้าเจ้ายินดีมีพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในสามภพ แล้วเจ้าจะครอบครองทั้งสามภพเลยหรือไม่? ถ้าหากเจ้าอยากจะได้พลังอันไร้ขีดจำกัด เจ้าจะสามารถฆ่าคนที่เจ้ารักได้หรือไม่? ถ้าเจ้าต้องทำลายดวงวิญญาณของผู้คนมากมายเพื่อให้ได้มาซึ่งความแข็งแกร่งอันไร้เทียมทาน เจ้าจะทำมันหรือไม่!” คนที่พูดคือชายในชุดดำและผ้าพันคอสีดำ
ชายคนนี้มีกลิ่นอายที่ชั่วร้ายออกมาจากกระดูก เขาดูเหมือนอยากจะทำลายโลกตลอดเวลา การถามคำถามครั้งนี้เป็นการถามคำถามที่แปลกประหลาดที่สุดมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล ปกติแล้วคนธรรมดาจะมีชายชราคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นเพื่อถามคำถามหนึ่งข้อ แต่ตอนนี้ฉู่เหินกลับยืนอยู่ต่อหน้าชายชราทั้งหก
“ไม่ แม้ว่าฉันจะฆ่า ฉันก็จะฆ่าแค่คนที่สมควรถูกฆ่า ถ้าฉันอยากฆ่าคนเพราะความเห็นแก่ตัวของตัวฉันเอง งั้นฉันก็เป็นปีศาจแล้วล่ะ การฝึนฝนน่ะก็ไม่จำเป็นแล้ว ถ้าจะชั่วได้ขนาดนั้นไม่ต้องแข็งแกร่งก็ยิ่งใหญ่ได้!”
ฉู่เหินรู้ว่าที่ชายชราชุดดำปรากฏตัวเพราะเขาฆ่าสัตว์กลายพันธุ์มากเกินไปแต่ถึงแม้ให้เขากลับไปเลือกอีกครั้ง เขาก็จะทำมันอยู่ดีเขาไม่ปล่อยให้พวกมันรอดไปได้อย่างเด็ดขาด หากสัตว์กลายพันธุ์ยังอยู่บนโลกนี้หายนะจะต้องเกิดขึ้นกับมนุษย์แน่ ๆ เรื่องแบบนั้นเขาไม่ยอมเด็ดขาด!