ตอนที่ 263 รูปถ่ายครอบครัว
ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ยิ้มพลางพยักหน้า เมื่อเห็นเฉินเฉินกับชิงชิงที่กำลังจ้องมองพวกเขาด้วยตากลมโตก็ใจอ่อนระทวย ก่อนจะรีบอุ้มสวมกอดพวกเขาทันที แล้วไปนั่งลง
ตระกูลฟู่และตระกูลเสิ่นต่างเป็นตระกูลใหญ่ของเมืองหลวง จึงมีผู้คนมาร่วมงานวิวาห์กันเป็นจำนวนมาก นายท่านเหยากับคุณนายเหยาก็มาด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ก็มีตระกูลเซี่ยมาด้วย
ฉินมู่หลานเห็นคุณนายเซี่ยกับเซี่ยฉางชิงมาแต่ไกล เพียงแต่วันนี้ตระกูลเซี่ยมาร่วมงานเยอะมาก จึงมีหลายคนที่ไม่รู้จัก บางทีพวกเขาอาจเป็นครอบครัวพี่ชายคนโตของเซี่ยฉางชิงก็เป็นได้
เซี่ยฉางชิงก็มองเห็นฉินมู่หลานกับพวกซูหว่านอี๋เช่นกัน เมื่อมองเห็นพวกเขา ก็คิดไปถึงเรื่องที่เพิ่งตรวจสอบไป หว่านอวี๋…จากไปแล้วจริง ๆ เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง เขายังจำหน้าตาอันอ่อนโยนงดงามของหว่านอวี๋ได้อย่างชัดเจนอยู่เลย ทำไมหล่อนถึงด่วนจากไปได้
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ใบหน้าของเซี่ยฉางชิงก็หม่นหมองลงทันที
เติ้งซูหลานเห็นสีหน้าหม่นหมองของสามี ก็ได้แต่เย้ยหยันอยู่ในใจ ขณะเดียวกันก็มองมาที่ฉินมู่หลานกับซูหว่านอี๋ด้วย หลังจากหันมองไปแล้ว ก็หันมองเซี่ยอวี่หรงแล้วเอ่ยขึ้น “อวี่หรง พวกเราไปตรงนั้นกันเถอะ”
“ค่ะ”
คนที่เซี่ยอวี่หรงกำลังมองคือเซี่ยเจ๋อหลี่ แต่ในขณะนี้เซี่ยเจ๋อหลี่กำลังอุ้มลูกอยู่ ในสายตาของเขาจึงมีเพียงฉินมู่หลานกับพวกลูก ๆ เท่านั้น ไม่ได้ปรายตามองหล่อนเลยสักนิด
ฉินมู่หลานไม่ได้สนใจตระกูลเซี่ยเลย แต่ถึงอย่างไร ท่าทางของซูหว่านอี๋กลับดูไม่เป็นธรรมชาติไปเล็กน้อย ฉินมุ่หลานจึงเอ่ยถามถึงเจี่ยงสือเหิง “แม่คะ วันนี้พ่อบุญธรรมบอกว่าจะมาร่วมงานแต่งด้วยใช่ไหม ทำไมยังไม่เห็นเขามาเลยล่ะคะ”
เมื่อได้สิ่งที่ลูกสาวพูด ซูหว่านอี๋ก็ดึงสติกลับมาได้อีกครั้ง ก่อนจะเอ่ย “พ่อบุญธรรมของลูกอาจจะมาช้านิดหน่อย แต่น่าจะมาถึงเร็ว ๆ นี้”
สองแม่ลูกเพิ่งพูดจบ เจี่ยงสือเหิงก็มาถึงพอดี เขาเห็นฉินมู่หลานกับพวกคนอื่นได้ในทันที ก่อนจะตรงมาทางนี้
“พ่อบุญธรรม มาแล้วเหรอคะ รีบนั่งก่อนค่ะ”
เจี่ยงสือเหิงนั่งลงถัดจากฉินมู่หลาน ก่อนจะเอ่ยถาม “พ่อไม่ได้มาสายใช่ไหม”
“พ่อไม่ต้องกังวลค่ะ พ่อมาได้ทันเวลาพอดี งานแต่งกำลังจะเริ่มค่ะ”
เมื่อเห็นเสิ่นหรูฮวนกับฟู่ซวี่ตงยืนอยู่ทางด้านหน้า โดยมีเสิ่นเจิ้นอวี่กับภรรยารวมถึงฟู่หมิงเซิงสองสามีภรรยายืนขนาบข้างทั้งคู่ พิธีแต่งงานก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
หลังจากเสร็จพิธีแล้ว แขกทุกคนก็เริ่มรับประทานอาหาร
ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ได้กินมากนัก พวกเขาต้องอุ้มลูก จึงไม่ได้มีเวลากินมาก
ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือเห็นแบบนี้ ก็รีบกินให้เสร็จ หลังจากนั้นก็เปลี่ยนให้ทั้งสองคนกินแทน “มู่หลาน อาหลี่ ฝากลูกไว้กับพวกเราก่อน พวกเธอรีบกินเลย”
ฉินมู่หลานเห็นว่าเด็กทั้งสองไปอยู่ในอ้อมแขนของเหยาจิ้งจือกับซูหว่านอี๋แล้ว ก็ลงมือกินข้าวพร้อมกับเซี่ยเจ๋อหลี่ทันที วันนี้ออกจากบ้านมาแต่เช้าเร็วกว่าเวลากินมื้อเช้าตามปกติ เธอจึงรู้สึกหิวนิดหน่อย
หลังจากกินอิ่ม ฉินมู่หลานก็หันมองพ่อแม่ตัวเอง พ่อแม่สามี และเจี่ยงสือเหิง ก่อนจะเอ่ย “พ่อคะ แม่คะ พ่อบุญธรรม เดี๋ยวพวกเราไปถ่ายรูปกันนะคะ”
“ถ่ายรูป? ถ่ายรูปอะไรเหรอ?”
เหยาจิ้งจือเอ่ยถามด้วยสีหน้าสับสน
ฉินมู่หลานยกยิ้มแล้วบอกกล่าว “ถ่ายรูปครอบครัวค่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เจี่ยงสือเหิงก็รีบกล่าวทันที “เอาสิ ครอบครัวเรายังไม่เคยมีรูปถ่ายด้วยกันเลย ก็อาศัยโอกาสนี้มาถ่ายรูปดี ๆ กันสักหน่อย แล้วเจ้าหนูสองคนนี้ก็ยังไม่ถ่ายรูปตอนครบหนึ่งร้อยวันเลยใช่ไหม ถึงมันจะเลยมาแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังทันเวลา” ขณะที่พูด เขาก็อดหันมองฉินมู่หลานไม่ได้ ก่อนจะเอ่ย “ทำไมก่อนหน้านี้พวกลูกไม่คิดถ่ายรูปเจ้าหนูทั้งสองเก็บไว้เลยล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมตอนนี้ถึงคิดขึ้นมาล่ะ”
“ก็เพราะว่าเห็นหรูฮวนกับซวี่ตงมีคนคอยถ่ายรูแปให้ตลอด ก็เลยมีความคิดแบบนี้ขึ้นมาค่ะ”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ เจี่ยงสือเหิงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก หลังจากนั้นก็กล่าวอำลาตระกูลเสิ่นกับตระกูลฟู่ แล้วตรงไปที่สตูดิโอถ่ายรูปทันที
ฉินเจี้ยนเซ่อกับฉินเคอวั่งสองพ่อลูกค่อนข้างเคอะเขินนิดหน่อย ก่อนจะหันมองฉินมู่หลานแล้วบอกกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “มู่หลาน/พี่ ช่างพวกเราเถอะ ไม่ต้องถ่ายหรอก”
ฉินมู่หลานจ้องมองทั้งสองก่อนจะพูดขึ้น “มาก็มาแล้ว ทำไมถึงไม่ถ่ายกันล่ะคะ เร็วเข้าเถอะค่ะ วันนี้ต้องถ่ายหลายรูปนะ”
เมือได้ยินเช่นนี้ ฉินเจี้ยนเซ่อกับฉินเคอวั่งก็ไม่พูดอะไรอีก ทั้งสองคนยอมทำตาม แล้วไปยืนอยู่ตรงปลายแถว
เจี่ยงสือเหิง เซี่ยเหวินปิงและเซี่ยเจ๋อหลี่สองพ่อลูกต่างตัวสูงกันหมด พวกเขาจึงเลือกที่จะยืน ส่วนพวกฉินมู่หลาน ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือนั่งอยู่บนเก้าอี้
ฉินมู่หลานอุ้มเด็กคนหนึ่งเอาไว้ในอ้อมแขน ส่วนอีกคนอยู่ในอ้อมแขนของเหยาจิ้งจือ
“โอเค แบบนั้นแหละ ทุกคนอย่าขยับนะ”
ด้วยเสียงแนะนำจากช่างภาพ ท่าทางของทุกคนจึงได้รับการแก้ไขเรียบร้อย
จากนั้นฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ก็แยกกันถ่ายรูปพร้อมกับลูกน้อยอีกสองคน ซูหว่านอี๋กับฉินเจี้ยนเซ่อก็ถ่ายรูปกับฉินมู่หลานและฉินเคอวั่งด้วย ส่วนทางด้านครอบครัวของเหยาจิ้งจือก็แยกถ่ายด้วยเช่นกัน
หฃังจากถ่ายรูปเสร็จ ฉินมู่หลานก็พบว่าเป็นเวลาเย็นมากแล้ว
“เวลาก็ผ่านไปเร็วจัง หนูรู้สึกเหมือนยังถ่ายได้ไม่นานเลยค่ะ”
“ใช่แล้ว แม่ก็รู้สึกว่าเมื่อกี้เหมือนยังวางท่าได้ไม่ค่อยดีเลย”
หลังจากได้ยินคำพูดของซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือ ฉินมู่หลานก็ยกยิ้มพลางส่ายหัวไปมา ก่อนจะเอ่ย “แม่คะ พวกเรากลับกันเถอะค่ะ เจ้าหนูสองคนหลับไปแล้ว”
ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือได้ยินดังนี้ก็ได้สติกลับมา ก่อนจะรีบพยักหน้าแล้วพูด “ใช่ๆ กลับเถอะ วันนี้ออกมาข้างนอกทั้งวันเลย”
เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงยังคงไปบ้านตระกูลเหยา ถึงแม้ว่าทั้งสองอยากจะอยู่พูดคุยกับลูกชาย แต่พวกเขาก็ทราบว่าลูกชายกลับมาได้เพียงสองวันเท่านั้น จึงอาจมีเรื่องให้พูดคุยกับฉินมู่หลานมากมาย พวกเขาจึงไม่กล้ารบกวน
ทุกคนแยกย้ายกัน ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่และคนอื่นกลับไปที่บ้านตระกูลเจียง
เมื่อกลับมาถึงบ้านตระกูลเจี่ยง ฉินมู่หลานก็มองเจี่ยงสือเหิงแล้วเอ่ยถาม “พ่อบุญธรรมคะ ฉันเห็นพ่อดูเหนื่อย พ่อรีบไปพักผ่อนดีกว่าค่ะ”
เจี่ยงสือเหิงพยักหน้าแล้วพูดบอกตามตรง “ได้ ถ้าอย่างนั้นพ่อขอไปพักก่อนนะ”
ช่วงนี้เขางานยุ่งมาก วันนี้ยังไปร่วมงานลี้ยงมาอีก แล้วไหนจะไปถ่ายรูปมาด้วย เจี่ยงสือเหิงจึงรู้สึกเหนื่อยมาก
หลังจากเจี่ยงสือเหิงไปพักผ่อนแล้ว ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ก็พาลูกน้อยทั้งสองกลับห้อง พวกเขาก็ค่อยนอนอย่างสบายเช่นกัน
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เกือบได้เผชิญหน้ากับตระกูลเซี่ยแล้ว ดีที่ทางกลุ่มมู่หลานไม่สนใจ ไม่งั้นคงได้วางมวยกันกลางงานแต่งแน่
ไหหม่า(海馬)