ตอนที่ 242 เจตนารมณ์เดิม

เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล

คำพูด​ของ​หวัง​ซีช​่ว​ยป​ลอบ​โยน​เฉินลั​่ว​ไม่ได้​ ​เขา​หงุดหงิด​งุ่นง่าน​ใจ​เหลือ​จะ​กล่าว

หาก​รู้​เช่นนี้​แต่​เนิ่นๆ​ ​ตอนที่​ตระกูลปั​๋ว​ไป​สืบ​เรื่อง​ของ​เหยี​ยน​เฮ่า​ญาติ​ผู้​พี่​ของ​หนิง​ผิน​คน​นั้น​ ​เขา​ควรจะ​ช่วย​เติม​ฟืน​เข้าไป​ ​บางที​เรื่อง​แต่งตั้ง​รัชทายาท​อาจ​เสร็จสิ้น​ไป​แล้วก็​ได้​ ​มิใช่​ลาก​ยาว​จน​พ้น​เทศกาล​แข่ง​เรือ​มังกร​แล้วก็​ยัง​ไม่มี​ข้อสรุป​เช่นนี้

เขา​เล่า​ความกังวลใจ​ของ​ตัวเอง​ให้​จ่าง​กง​จู่​ฟัง

จ่าง​กง​จู่​เอง​ก็​ทำ​อะไร​ไม่ได้​ ​ยิ้ม​ขื่น​กล่าว​ขึ้น​ว่า​ ​“​คง​ไม่​อาจ​เลื่อน​งานแต่ง​ของ​เจ้า​เข้ามา​หรอก​กระมัง​ ​ผู้อาวุโส​ของ​ผู้อื่น​ยังอยู่​ระหว่างทาง​กัน​อยู่​เลย​!​”

จริง​ด้วย​ ​ทุกคน​ต่าง​เดินทาง​มาร​่ว​มงาน​แต่ง​ของ​พวกเขา​อย่าง​ยินดี​มีความสุข​ ​จะ​ให้​คนดี​ใจ​เปล่า​อย่างนั้น​หรือ

แล้วก็​หวัง​ซี​อีก​คน​ ​เขา​ไม่​อยาก​ให้​นาง​ต้อง​รู้สึก​เสียใจ​หรือ​เป็นทุกข์​เพราะ​ได้รับ​ความอยุติธรรม​ไป​ตลอดชีวิต

ถัดจาก​นั้น​มา​หลาย​วัน​ ​เฉินลั​่ว​ยังคง​เจอ​ตัว​ได้​ยาก​เหมือน​เทพ​มังกร​ที่​เห็น​หัว​ไม่เห็น​หาง​เช่น​เดิม​ ​ไม่​ง่าย​เลย​กว่า​หวัง​ซีจะ​ได้​เจอ​เขา​สักครั้ง​หนึ่ง

หวัง​ซีพอ​จะ​สัมผัส​ได้​รางๆ​ ​ว่า​เขา​กำลัง​วางแผน​อะไร​อยู่

นาง​ไป​ปรึกษา​กับ​หวัง​เฉิน​ผู้​เป็น​พี่ชาย​ใหญ่

ผู้ใด​จะ​รู้​ว่า​หวัง​เฉิน​กับ​นาง​เพิ่ง​นั่งลง​มา​ ​ก็​มี​ข่าว​ส่ง​มาจาก​หลง​จู๊​ใหญ่​ว่า​ตอน​ประชุม​เช้า​ของ​ราชสำนัก​องค์​ชาย​ใหญ่​เสนอตัว​ขอ​ออก​ไป​ปกครอง​เมือง​ศักดินา​ ​อยาก​ออก​ไป​จาก​จิง​เฉิง

ว่า​กัน​ว่า​ฮ่องเต้​พิโรธ​จน​อาการ​ใจสั่น​กำเริบ​ขึ้น​อีกครั้ง​ ​ปิด​การประชุม​ไป​อย่าง​ไม่ดี​นัก

หวัง​ซีกับ​หวัง​เฉิน​ขมวดคิ้ว​มุ่น​ไม่​หยุด​ ​หวัง​ซี​ถาม​หวัง​เฉิน​ว่า​ ​“​หาก​ท่าน​เป็น​ฮ่องเต้​ ​ท่าน​จะ​ทำ​อย่างไร​”

หวัง​เฉิน​ขบคิด​ครู่หนึ่ง​ ​กล่าวว่า​ ​“​อาจจะ​ดื้อดึง​มากขึ้น​กระมัง​!​”​ ​เขา​ยัง​เตือนสติ​หวัง​ซี​ว่า​ ​“​เจ้า​ยัง​จำ​ปู่​หวัง​ของ​ตระกูล​ได้​อยู่​หรือไม่​”

เดิม​เป็น​คน​รุ่นเก่า​ก่อนที่​ดูแล​บัญชี​ของ​ตระกูล​หวัง​ ​พอ​อายุ​มาก​ก็​หัวแข็ง​ ​ถึงกับ​ทำ​เรื่อง​ปล่อย​เงินกู้​ให้​บุตรหลาน​ใน​บ้าน​โดย​ไม่​ผ่าน​การ​เห็นชอบ​ของ​คนใน​ตระกูล​ ​ทำลายเกียรติ​ของ​ตัวเอง​ใน​บั้นปลาย​ของ​ชีวิต

ด้วยเหตุนี้​ตระกูล​หวัง​จึง​ตั้ง​กฎ​มา​ว่า​ ​ผู้อาวุโส​ใน​บ้าน​ที่​อายุ​ล่วงเลย​ห้าสิบ​ปี​แล้ว​ต้อง​ถอนตัว​ออกมา​ใช้ชีวิต​บั้นปลาย​ได้​แล้ว

หัว​คิ้ว​ของ​หวัง​ซี​ผูก​เป็น​ปม​แน่น​ยิ่งขึ้น

จากนั้น​ก็​มี​คนใน​ราชสำนัก​เสนอ​ขึ้น​มา​ว่า​องค์​ชาย​เจ็ด​เอง​ก็​อายุ​ไม่น้อย​แล้ว​ ​สมควร​ออก​ไป​ปกครอง​เมือง​ศักดินา​เช่นกัน​แล้ว​หรือไม่

ตอนนั้น​เอง​ราวกับ​ไป​แหย่​โดน​รังผึ้ง​ก็​ไม่​ปาน​ ​ฮ่องเต้​พิโรธ​ดั่ง​สายฟ้า​ฟาด​ ​สั่ง​โบย​คน​ฟ้องร้อง​ไป​เจ็ด​ถึง​แปด​คน

ทว่า​ตอน​เฉินลั​่ว​มา​เยี่ยม​หวัง​ซี​ ​แววตา​กลับเป็น​ประกาย​สุกใส​ ​กล่าวว่า​ ​“​อีกไม่นาน​เรื่อง​นี้​ก็​น่าจะ​มี​ข้อสรุป​แล้ว​”

ฮ่องเต้​มิใช่​คนที​่​ถูก​ยุ​ให้​โกรธ​ได้​ง่าย​ ​แต่​ครั้งนี้​เขา​ระงับอารมณ์​เอาไว้​ไม่ได้​ ​ขุนนาง​ใหญ่​ใน​ราชสำนัก​ต่าง​รู้​วัตถุประสงค์​ของ​ฮ่องเต้​แทบจะ​ทั้งหมด​แล้ว

ตอนที่​เฉินลั​่ว​พูดถึง​เรื่อง​นี้​แอบ​เรียก​มัน​เล่น​ๆ​ ​ว่า​ ​‘​น้ำลดตอผุด​’​ ​กล่าวว่า​ ​“​กลัว​แต่ว่า​ฮ่องเต้​จะ​ฉุด​รั้ง​พวกเรา​ไว้​ ​การ​ที่​เขา​เดือดดาล​ ​ก็​เพราะ​สถานการณ์​ระส่ำระสาย​ ​ไม่มี​อะไร​ดี​ไป​กว่านี​้​แล้ว​”

หวัง​ซี​มอง​แล้ว​รู้สึก​เหนื่อย​ ​กล่าวว่า​ ​“​เช่นนั้น​องค์​ชาย​ใหญ่​เล่า​?​ ​เขา​จะ​ออก​ไป​ปกครอง​เมือง​ศักดินา​จริงๆ​ ​หรือ​ ​แล้ว​จะ​ได้​ไป​ที่ใด​”

นาง​คิด​ว่า​ฮ่องเต้​ไม่มีทาง​ปล่อย​องค์​ชาย​เจ็ด​ออกจาก​เมืองหลวง​ ​แต่​องค์​ชาย​ใหญ่​นั้น​ไม่แน่

เฉินลั​่ว​หัวเราะ​ออกมา​ ​กล่าวว่า​ ​“​ไม่ว่า​องค์​ชาย​ใหญ่​ไป​ที่ไหน​ ​งานแต่ง​ของ​องค์​ชาย​รอง​ก็​มีคำ​สั่ง​มา​อย่าง​เร่งด่วน​แล้ว​ ​คาด​ว่า​ภายใน​สอง​สาม​วันนี้​ก็​คงมี​ข้อสรุป​แล้ว​”

หวัง​ซีป​ระ​หลาด​ใจ​ ​รีบ​ถาม​ว่า​ ​“​หมั้น​หมาย​กับ​ตระกูล​ใด​ ​ฮ่องเต้​เป็น​คนเลื​อก​ให้​หรือว่า​ตระกูลปั​๋ว​เป็น​คนเลื​อก​ให้​?​”

เลือก​ข้างใน​เวลานี้​ ​ช่าง​มี​ความกล้าหาญ​นัก​!

นาง​รู้สึก​นับถือ​มาก​จริงๆ

เฉินลั​่ว​เห็น​แล้วก็​หยิก​แก้ม​นาง​ยิ้ม​ๆ

หวัง​ซี​มีด​วง​ตา​สุกใส​ไม่​ต่าง​จาก​สายน้ำ​กระจ่าง​ใส​ ​ไม่ว่า​จะ​คิด​อะไร​ ​บางครั้ง​แค่​มอง​ก็​เห็น​ได้​อย่างชัดเจน​แล้ว

ใน​สาย​ของ​ผู้อื่น​ ​เขา​ก็​แค่​ขุนนาง​ขี้​ประจบ​คน​หนึ่ง​ ​นอกจาก​สอพลอ​ฮ่องเต้​แล้ว​ ​จะ​มี​ความสามารถ​อะไร​ได้​ ​แต่​ตอน​เขา​ไป​สู่ขอ​ ​นาง​ก็​ตอบ​ตกลง​มิใช่​หรือ

หาก​พูด​เรื่อง​เสี่ยงอันตราย​ ​ตระกูล​หวัง​เสี่ยงอันตราย​มากกว่า​กระมัง

และ​ก็​เพราะเหตุนี้​ ​วิธีการ​ต่างๆ​ ​ที่​เขา​กำหนด​เอาไว้​ก่อนหน้านี้​จึง​ไร้ประโยชน์​ทั้งหมด​ ​รวมถึง​ยอม​ยื้อ​เวลา​ให้ยา​วนา​นขึ​้​นอี​กหน​่อย​ ​และ​ต้องการ​ใช้​วิธี​ที่​อ่อนโยน​ขึ้น​ด้วย​ ​เพื่อ​ที่​ถึง​เวลา​จะ​ได้​ไม่​ลาก​นาง​มาติ​ดร​่าง​แห​ด้วย​ ​ถึง​ทำให้​เรื่องราว​ไม่ได้​ข้อสรุป​เสียที​จน​น่าเป็นห่วง​เช่นนี้

เฉินลั​่​วก​ล่าว​ยิ้ม​ๆ​ ​ว่า​ ​“​ตระกูลปั​๋ว​เป็น​คนกลาง​ทาบทาม​ให้​ ​หมั้น​หมาย​กับ​บุตรสาว​ของ​ฟ่าน​ซื่อ​หยาง​มหาบัณฑิต​สำนัก​ฮั่น​หลิน​”

หวัง​ซี​เบิก​ดวงตา​โต

เมื่อ​รวม​กับ​งานแต่ง​ของปั​๋ว​หมิง​เย​่ว​์​แล้ว​ ​นี่​เท่ากับ​ว่า​ตระกูลปั​๋ว​ผูก​สัมพันธ์​กับ​กลุ่ม​บัณฑิต​ที่​วางตัว​เป็นกลาง​ได้​แล้ว

นาง​ตื่นเต้น​สนใจ​ขึ้น​มา​ ​ถาม​ว่า​ ​“​เช่นนั้น​งานแต่ง​ของ​คุณหนู​หกปั​๋ว​เล่า​?​”

“​น่าจะ​เร็ว​ๆ​ ​นี้​เช่นกัน​”​ ​เฉินลั​่ว​ยิ้ม​กล่าว​ ​“​หาก​ไม่มี​อะไร​ผิดพลาด​ ​น่าจะ​หมั้น​หมาย​กับ​บุตรชาย​ของ​หวัง​ฉง​อัน​เจ้าพนักงาน​ธุรการ​กรม​โยธา​”

มอง​จาก​ตำแหน่ง​ของ​บิดา​ของ​ทั้งสอง​ครอบครัว​นี้​แล้ว​ ​ล้วน​ไม่​โดดเด่น​นัก

หวัง​ซีก​ล่าว​ ​“​ทั้งสอง​ครอบครัว​นี้​ล้วน​มี​ข้อมูล​ลับ​เฉพาะ​ภายใน​ใช่​หรือไม่​”

เฉินลั​่ว​มอง​หวัง​ซี​อย่างชื่นชม​ ​กล่าว​ยิ้ม​ๆ​ ​ว่า​ ​“​เปล่า​ ​แต่​อย่างไรก็ตาม​ ​ไม่ว่า​จะ​เป็น​ตระกูล​หวัง​หรือ​ตระกูล​ฟ่า​นล​้​วน​เป็น​ตระกูล​บัณฑิต​กัน​มา​หลาย​ชั่วอายุคน​ของ​เจียง​หนาน​ ​โดยเฉพาะ​ตระกูล​หวัง​ ​มี​หอ​ตำรา​นาม​ว่า​ ​‘​โหย​่ว​เจียน​’​ ​อยู่​แห่งหนึ​่ง​ ​ได้ชื่อ​ว่า​เป็น​หอ​ตำรา​อันดับ​หนึ่ง​ของ​เจียง​หนาน​ ​โดยปกติ​แล้ว​เปิด​ให้​กับ​นักเรียน​ที่​ยากจน​ ​มีชื่อเสียง​มาก​ที่​เจียง​หนาน​ ​ส่วน​ตระกูล​ฟ่าน​ ​ดอง​กับ​ตระกูล​เวิง​ของ​หยาง​โจว​มา​หลาย​ต่อ​หลาย​รุ่น​ ​บรรพบุรุษ​ของ​ตระกูล​เวิง​เคย​ดำรงตำแหน่ง​ราชครู​สอง​ตำแหน่ง​ ​ขุนนาง​ใหญ่​สาม​ท่าน​ ​จนถึง​บัดนี้​ยัง​มี​จิ้น​ซื่อ​แปด​ถึง​เก้า​คน​ ​บอกว่า​เป็น​ตระกูล​ใหญ่​อันดับ​หนึ่ง​ของ​เจียง​หนา​นก​็​พอ​จะ​หลับ​หู​หลับตา​พูด​ได้​”

การ​เกี่ยวดอง​นี้​ช่าง​จัดการ​ได้​ฉลาด​หลักแหลม​ยิ่ง

หวัง​ซีก​ล่า​วอ​ย่าง​ประทับใจ​ว่า​ ​“​ไม่รู้​ว่า​ผู้ใด​เป็น​คน​ทาบทาม​ให้​ ​สามารถ​ผลักดัน​คน​เหล่านี้​ออกมา​ได้​อย่างละมุนละม่อม​ ​ช่าง​ยอดเยี่ยม​ยิ่งนัก​”

เฉินลั​่ว​หันไป​ยิ้ม​ให้​หวัง​ซี​ ​กล่าวว่า​ ​“​เจ้า​ลอง​ทาย​ดู​”

หวัง​ซี​บังเกิด​ความสงสัย​ ​ถาม​ว่า​ ​“​หรือว่า​ยัง​มี​อะไร​ซุกซ่อน​อยู่​ใน​เรื่อง​นี้​อีก​?​”

เฉินลั​่ว​หัวเราะ​ฮ่า​ ​ยอม​เฉลย​แต่​โดยดี​ ​กล่าวว่า​ ​“​เป็นความ​คิด​ของ​ใต้เท้า​เซี​่ย​”

“​เซี​่​ยสือ​ ​ใต้เท้า​เซี​่​ยน​่ะ​หรือ​”​ ​หวัง​ซีป​ระ​หลาด​ใจ

ตระกูล​เซี​่ย​คือ​ผู้​หนุนหลัง​ใน​ราชสำนัก​ของ​ตระกูล​หวัง​ ​แม้แต่​งานแต่ง​ของ​นาง​ ​พี่ชาย​ใหญ่​ของ​นาง​ยัง​ฟัง​คำแนะนำ​ของ​จ่าง​กง​จู่​ ​เชิญ​เจียง​ชวน​ป๋อมา​เป็น​เถ้าแก่​ให้​ ​คิดไม่ถึง​ว่า​…

เฉินลั​่ว​เก็บ​รอยยิ้ม​กลับ​ไป​ ​สีหน้า​แต้ม​ความ​ยกย่องนับถือ​เอาไว้​หลาย​ส่วน​ ​กล่าวว่า​ ​“​เรื่อง​นี้​ต้อง​ขอบคุณ​พี่ใหญ่​ ​ข้า​โน้มน้าว​ใต้เท้า​อวี​๋​ได้​ ​แต่​ขุนนาง​ใหญ่​ห้า​ท่าน​ใน​สภา​นั้น​ ​ต้นไม้​อย่าง​ใต้เท้า​อวี​๋​เพียง​คนเดียว​ก็​ยาก​จะ​สร้าง​ป่า​ได้​ ​พี่ใหญ่​จึง​ช่วย​แนะนำ​ให้​ข้า​รู้จัก​ใต้เท้า​เซี​่ย​ที่​ความเห็น​ทางการเมือง​ไม่​ตรง​กับ​ใต้เท้า​อวี​๋​ ​กอปร​กับ​มี​ใต้เท้า​หลี​่​ที่​ไม่เห็นด้วย​กับ​การ​สร้างเรื่อง​วุ่นวาย​ของ​ฮ่องเต้​เป็น​ทุนเดิม​ด้วย​อีก​คน​ ​ทุกคน​ต่าง​รู้สึก​ว่า​ไม่​อาจ​ปล่อย​ให้​ฮ่องเต้​กระทำ​ตามอำเภอใจ​เช่นนี้​แล้ว​ ​แต่งตั้ง​โอรส​องค์​เล็ก​อัน​ที่รัก​ถือเป็น​เรื่อง​สั่นคลอน​รากฐาน​ของ​แผ่นดิน​ ​เมื่อมี​แบบอย่าง​เกิดขึ้น​ ​ภายหน้า​จะ​มีปัญหา​ตามมา​ไม่​หยุด​ ​งานแต่ง​ของ​องค์​ชาย​รอง​และ​ของ​คุณหนู​หกปั​๋ว​ ​ก็​เป็น​ข้อสรุป​ที่​ขุนนาง​ใหญ่​สอง​สาม​ท่าน​นี้​ร่วมกัน​หารือ​ออกมา​…

…​หาก​ฮ่องเต้​ยัง​ไม่เห็นด้วย​อีก​ ​เช่นนั้น​ก็​จำต้อง​ยื้อ​ต่อไป​เช่นนี้​แล้ว​…

…​เหลือ​เพียง​ดู​ว่า​สุดท้าย​แล้ว​ใคร​จะ​เป็น​ฝ่าย​ทน​ไม่ได้​”

“​กลัว​แต่ว่า​ถึง​เวลา​จะ​มี​การ​แก่งแย่ง​เกิดขึ้น​อีกครั้ง​ใน​ราชสำนัก​”​ ​หวัง​ซีก​ล่า​วอ​ย่าง​ไม่​ค่อย​สบายใจ​นัก

เฉินลั​่​วก​ล่าว​ยิ้ม​ๆ​ ​ว่า​ ​“​ต่อให้​ทุกคน​ตามใจ​ฮ่องเต้​ ​ก็​มี​การ​แก่งแย่ง​อยู่ดี​มิใช่​หรือ​”

แต่​การบีบบังคับ​ฮ่องเต้​เช่นนี้​ ​ฮ่องเต้​จะ​ต้อง​พิโรธ​อย่างแน่นอน

นอกจากนี้​ ​ก็​ไม่​ต่าง​จาก​การ​แต่งตั้ง​โอรส​องค์​เล็ก​อันเป็น​ที่รัก​ ​ครั้น​เหล่า​ขุนนาง​ใหญ่​ใน​สภา​ตัดสินใจ​ต่อสู้​กับ​ฮ่องเต้​ ​ขุนนาง​ใน​สภา​ได้​ลิ้มรส​ชาติ​ของ​อำนาจ​แล้ว​ ​ยัง​จะ​วางอำนาจ​ลง​ได้​เหมือน​เมื่อก่อน​หรือ​ ​กลัว​แต่ว่า​ภายหน้า​จะ​มีปัญหา​ตามมา​ไม่​หยุด​เช่นกัน

หาก​จักรพรรดิ​พระองค์​ใหม่​ขึ้น​สู่​บัลลังก์​ภายใต้​สถานการณ์​เช่นนี้​ ​ตัว​เขา​จะ​คิด​อย่างไร

หวัง​ซี​รู้สึก​เย็นยะเยือก​ไป​ทั้ง​ร่าง​ ​พลัน​คว้า​จับ​แขน​ของ​เฉินลั​่ว​เอาไว้​ ​กล่าวว่า​ ​“​ถอย​ออกมา​จาก​เรื่อง​นี้​ได้​หรือไม่​ ​ข้า​กลัว​ว่า​เมื่อ​จักรพรรดิ​พระองค์​ใหม่​ขึ้น​สู่​บัลลังก์​แล้ว​ ​ฮ่องเต้​จะ​หวาดระแวง​เจ้า​ ​คิด​กำจัด​ธนู​เมื่อ​พิชิต​นก​ได้​แล้ว​”

หาก​ฮ่องเต้​ไม่อยู่​แล้ว​ ​เนื่องจาก​ผู้สืบทอด​บัลลังก์​เป็น​เพียง​ญาติ​ผู้​พี่​ของ​เฉินลั​่ว​ ​เขา​อาจ​ไม่ได้​มีชีวิต​ดี​ไป​กว่า​ตอนนี้

กล่าว​ไป​กล่าว​มา​ ​ยังคง​เป็น​เพราะ​เฉินลั​่ว​ไม่มีผล​งาน​ติดตัว​ ​หาไม่​ก็​คง​ไม่​เป็น​เช่นนี้

เฉินลั​่​วรู​้​ว่า​หวัง​ซี​เป็นห่วง​เรื่อง​อะไร​ ​กล่าว​ยิ้ม​ๆ​ ​ว่า​ ​“​เจ้า​วางใจ​ ​ข้า​ไม่มีทาง​ออก​ไป​จัดการ​เรื่อง​นี้​ด้วยตัวเอง​ ​ข้า​ก็​แค่​มีสัม​พันธ์​ลับ​ที่​ไม่เลว​กับ​ใต้เท้า​อวี​๋​และ​ใต้เท้า​เซี​่ย​ ​บางครั้ง​ก็​ช่วย​วิ่ง​ทำงาน​ให้​พวกเขา​เท่านั้น​ ​ส่วน​เรื่อง​ผลงาน​ที่​เจ้า​เป็นห่วง​ ​เป่ย​เยียน​คือ​สถานที่​เก่าแก่​ของ​บ้าน​ข้า​ ​รอ​จักรพรรดิ​คน​ใหม่​ขึ้น​ครองราชย์​แล้ว​ ​ข้า​จะ​สมัคร​ไป​ที่นั่น​ ​สำหรับ​บิดา​ของ​ข้า​เกรง​ว่า​มีชีวิต​ต่อไป​อีก​สิบ​ยี่สิบ​ปีก​็​ยัง​ไม่มีปัญหา​อะไร​ ​บรรดาศักดิ์​ของ​จวน​เจิ​้​นกั​๋​วกง​นั้น​ ​เขา​อยาก​มอบให้​ใคร​ก็​มอบให้​ผู้​นั้น​ไป​เลย​ก็แล้วกัน​…

…​เพียงแต่ว่า​ข้า​ต้อง​ไป​ลำบาก​ที่​เป่ย​เยียน​ ​ที่นั่น​อากาศ​หนาว​จัด​ ​ผลผลิต​ย่ำแย่​ ​ข้า​กลัว​แค่​ว่า​เจ้า​จะ​ไม่​ชิน​”

“​เช่นนั้น​ก็​อย่า​ไป​”​ ​หวัง​ซีก​ล่าว​โดย​ไม่ต้อง​คิด​ ​“​ข้า​รู้​ว่า​พวก​จ้า​ต่าง​รู้สึก​ว่าการ​ไม่ได้​สร้าง​ผลงาน​ถึง​นับว่า​ไม่​ควรค่า​กับ​การ​มีชีวิต​ ​แต่​ถ้า​ครอบครัว​อยู่ดี​มีสุข​ ​ชีวิต​ก็​สมบูรณ์แบบ​แล้ว​มิใช่​หรือ​ ​เห็น​ต้น​หลิว​ข้างทาง​เปลี่ยนสี​ ​พลัน​นึก​เสียใจ​ที่​ให้​สามี​รับ​ตำแหน่ง​โหว​ ​ข้า​ยินดี​ให้​เจ้า​ใช้ชีวิต​อย่าง​ธรรมดา​สามัญ​”

นาง​จับ​แขน​ของ​เฉินลั​่ว​เอาไว้​ ​สายตา​ที่​มอง​เขา​สะท้อน​ประกาย​ระยิบระยับ​ ​เจือ​ความเศร้า​เอาไว้​หลาย​ส่วน

เฉินลั​่ว​ใจสั่น​ด้วย​ความหวาดกลัว

ที่ผ่านมา​ไม่เคย​มี​ใคร​บอก​เขา​เหมือน​อย่างที่​หวัง​ซีทำ​มาก​่อน​ ​ยอมให้​เขา​มีชีวิต​อย่างไร​้​เกียรติ​มากกว่า​ยอมให้​เขา​ไป​เป็น​วีรบุรุษ​ใน​หลุมศพ

หาง​ตาของ​เขา​รื้น​ชื้น​ ​ก้ม​ศีรษะ​ลง

หวัง​ซีก​ลับ​เห็น​ความผิดปกติ​มากมาย​จาก​ตัว​คน​ผู้​นี้

เขา​ดู​อ่อนโยน​มี​การศึกษา​ ​ทว่า​การกระทำ​ทรงพลัง​ไม่​ต่าง​จาก​สายฟ้า​ฟาด​ ​ยาม​ที่​เขา​ดูดุ​ดัน​น่าเกรงขาม​ ​กลับ​เผย​ความอ่อนโยน​ต่อ​เพื่อนมนุษย์​ออกมา​ให้​เห็น​ ​ใน​ใจ​ของ​เขา​คง​ลังเล​ตัดสินใจ​ไม่ได้​และ​ไม่รู้​จะ​ทำ​อย่างไร​ดี​เช่นนี้​อยู่​บ่อยๆ​ ​ใช่​หรือไม่

“​หลิน​หลาง​”​ ​เป็นครั้งแรก​ที่นาง​เรียก​เขา​ด้วย​ชื่อเล่น​ ​กระซิบ​กล่าวว่า​ ​“​เจ้า​ต้องการ​อะไร​ ​ข้า​ยินดี​ไปเป็นเพื่อน​เจ้า​เสมอ​ ​แต่​เจ้า​ต้อง​คิด​ให้​ดี​ ​ว่า​จริงๆ​ ​แล้ว​เจ้า​ต้องการ​อะไร​ ​อย่า​ให้​ต้อง​เสียใจ​ภายหลัง​”

เฉินลั​่ว​ใจ​เลื่อนลอย​เหมือน​ร่าง​ไร้​วิญญาณ​ ​ไม่รู้​ว่า​ตัวเอง​เดิน​ออกมา​จาก​ซอย​ลิ่ว​เถีย​วอ​ย่าง​ไร​ ​และ​กลับมา​ถึง​ศาลา​กวาง​ร้อง​ได้​อย่างไร

เขา​เอน​ตัว​นอน​อยู่​บน​เตียง​ปา​ปู้​ใน​ห้อง​หนังสือ​ ​ตาม​อง​ภาพ​หนอน​ที่​ปัก​อยู่​บน​ม่าน​อย่างประณีต​ ​ทำ​อย่างไร​ก็​นอนไม่หลับ

แรกเริ่ม​เขา​ต้องการ​อะไร​ที่สุด​?

อยู่​ให้​ไกล​จาก​จวน​เจิ​้​นกั​๋​วกง​ ​เฉิน​อิง​อยาก​เป็น​เจิ​้​นกั​๋​วกง​ซื่อ​จื่อ​ก็​ปล่อย​ให้​เขา​เป็นไป​ ​บุรุษ​ชาย​ชาติทหาร​ยัง​จะ​กินข้าว​ของ​บิดา​มารดา​อีก​หรือ​ ​ต่อให้​ไม่​อาจ​สร้าง​ผลงาน​มีย​ศตำ​แหน่ง​ ​ก็​ใช้​ความสามารถ​เป็น​ผู้บังคับบัญชา​กองพล​ใน​กองพล​ส่วนพระองค์​สัก​ตำแหน่ง​หนึ่ง​จะ​ไป​ยาก​อะไร

เขา​หลงลืม​เจตนารมณ์​เดิม​ไป​ตั้งแต่​เมื่อใด

ตอนที่​มารดา​มักจะ​ให้​เขา​ถอย​ให้​หรือ​ตอนที่​บิดา​เดือดดาล​?​ ​ตอนที่​เฉิน​อิง​ใช้​เล่ห์เหลี่ยม​อัน​ไม่ได้เรื่อง​เหมือน​แมลงวัน​ที่​บินขึ้น​โต๊ะ​ไม่ได้​หรือ​ตอนที่​เฉิน​เจ​วี​๋ย​โวยวาย​สร้างเรื่อง​ราว​ใหญ่โต​?

แต่​คน​เหล่านี้​เกี่ยว​อัน​ใด​กับ​ตน​ด้วย​เล่า

ยาม​เขา​ทุกข์​ก็​ไม่มีทาง​หลั่ง​น้ำตา​ให้​เขา​ ​ยาม​เขา​สุข​ก็​ไม่​ยินดี​กับ​เขา

เหตุใด​เขา​ต้อง​ดีใจ​หรือ​เสียใจ​เพราะ​เรื่อง​เหล่านี้​ด้วย

หวัง​ซีพูด​ถูก

เขา​ควร​มีชีวิต​เพื่อ​ตัวเอง

เขา​อยาก​ทำ​อะไร​ก็​ทำ​ ​เขา​มีความสุข​กับ​อะไร​ก็​ใช้ชีวิต​กับ​สิ่ง​นั้น

เฉินลั​่ว​เด้ง​ตัว​ลุกขึ้น​มาจาก​เตียง​ ​เดิน​กลับไปกลับมา​อยู่​ใน​ลานบ้าน​ภายใต้​แสงจันทร์

มีเสียง​ตี​กลอง​บอก​เวลา​ยาม​สาม​ดัง​เข้ามา​จาก​ด้านนอก

เฉินลั​่ว​ถึง​ได้​เอน​ตัว​ลงนอน​บน​เตียง​ใหม่​อีกครั้ง​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​วันรุ่งขึ้น​เดินทาง​ไปหา​องค์​ชาย​ใหญ่​ตั้งแต่​เช้าตรู่

“​เจ้า​เคย​คิด​เรื่อง​รั้ง​อยู่​ที่​จิง​เฉิง​มาก​่อน​หรือไม่​”​ ​เขา​นั่ง​อยู่​ใน​ห้องโถง​รับรอง​ของ​องค์​ชาย​ใหญ่​ ​ต้อนรับ​อรุณรุ่ง​ด้วย​การกิน​โจ๊ก​ข้าวฟ่าง​ ​กล่าว​กับ​องค์​ชาย​ใหญ่​เรียบๆ​ ​ว่า​ ​“​หนิงจ​วิ​้​นอ​๋​อง​เป็น​เชษฐา​ร่วมอุทร​ของ​ฮ่องเต้​พระองค์​ก่อน​มิใช่​หรือ​”

บัดนี้​ดูแล​ศาล​บรรพชน​ ​เป็นจ​วิ​้​นอ​๋​อง​ที่​มั่งคั่ง​และ​มี​เวลาว่าง​ผู้​หนึ่ง

“​นี่​เจ้า​หมายความว่า​อย่างไร​”​ ​องค์​ชาย​ใหญ่​กำลัง​กัด​ซาลาเปา​ม้วน​ลูก​หนึ่ง​อยู่​ ​มอง​เขา​อย่างแปลกใจ​ครั้งหนึ่ง​ ​กล่าวว่า​ ​“​เหตุใด​จู่ๆ​ ​ถึง​วิ่ง​มา​พูด​เรื่อง​พวก​นี้​กับ​ข้า​ ​มี​คน​ขอร้อง​มา​หรือ​”

เฉินลั​่ว​ไม่​กล่าว​สิ่งใด​ ​แต่​กิน​โจ๊ก​อย่างสบายใจ​ไป​ครึ่งหนึ่ง​จน​รู้สึก​ว่า​อิ่ม​แล้ว​ถึง​ได้​กล่าว​อย่าง​เชื่องช้า​ว่า​ ​“​ข้า​ก็​แค่​มาถาม​เจ้า​ดู​ ​ฮ่องเต้​หลอกลวง​พวกเรา​เช่นนี้​ ​หาก​พวกเรา​ยัง​ทำตาม​ที่​เขา​ปรารถนา​อย่าง​เชื่อฟัง​ ​เช่นนั้น​พวกเรา​กลายเป็น​ตัว​อะไร​ไป​แล้ว​…

…​ข้า​คิด​ว่า​องค์​ชาย​รอง​เป็น​รัชทายาท​ดี​แล้ว​ ​เพราะ​ฮ่องเต้​จะ​ต้อง​ไม่​ชอบใจ​…

…​เจ้า​รั้ง​อยู่​ที่​จิง​เฉิง​ก็ดี​มาก​เหมือนกัน​เพราะ​ฮ่องเต้​จะ​ต้อง​ยิ่ง​ไม่พอใจ​มากขึ้น​…

…​หาก​องค์​ชาย​เจ็ด​ไป​เป่ย​เยียน​หรือไม่ก็​หนาน​เจียง​ ​ด้าน​หนิง​ผิน​ก็​คงวิเศษ​มาก​เหมือนกัน​…

…​เพียงแต่​ไม่รู้​ว่า​ตอนนั้น​หนิงจ​วิ​้​นอ​๋​อง​รั้ง​อยู่​จิง​เฉิง​ได้​อย่างไร​”

แน่นอน​ว่า​เป็น​เพราะ​ตอนที่​จักรพรรดิ​พระองค์​ก่อน​เสด็จ​สวรรคต​ ​เขา​สนับสนุน​ฮ่องเต้​ขึ้น​ครองราชย์

นี่​เฉินลั​่​วกำ​ลัง​ยุ​ให้​ตน​ย้าย​ไป​อยู่​ฝั่ง​เดียว​กับ​องค์​ชาย​รอง​กระมัง

องค์​ชาย​ใหญ่​จ้อง​เฉินลั​่ว

…………………………………………………………….