“ใช่ ฉันสมัครใจเอง แล้วทำไม?”
“เธอก็แค่โชคดีกว่าฉัน ถูกนายท่านเลือกให้เป็นนายหญิงของตระกูลเฟิง”
“เพื่อมีชีวิตที่ดี ฉันยอมขายร่างกายของฉัน มันผิดตรงไหน?”
หลิ่วเยว่เอ่อร์ยังคงอยู่ที่เดิม แต่สายตาจ้องอย่างเดือดดาล
เฉินฮวนฮวนไม่อยากจะเชื่อหลิ่วเยว่เอ่อร์จะพูดเช่นนี้ เธอก้าวถอยหลัง ส่ายศีรษะและถามว่า: “เยว่เอ่อร์ เธอมีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ? เธอทำแบบนี้ไม่รู้สึกผิดบ้างเหรอ?”
“แฟนงั้นเหรอ? แค่แฟนปลอม! ฉันโกหกเธอ” หลิ่วเยว่เอ่อร์เยาะเย้ยและพูดว่า: “เป็นแค่คนขับรถใจดีที่ส่งฉันไปมหาลัย”
แม้ว่าเธออยากบอกเฉินฮวนฮวนว่าผู้ชายที่ขืนใจเธอในคืนนั้นคือเฟิงหานชวน แต่เธอไม่กล้า
เธอเองก็รู้ซึ้งถึงการถูกเฟิงหานชวนจัดการ ความสิ้นหวังและความสยดสยองแบบนั้นคือเงาที่ติดตัวเธอไปตลอดชีวิต
“เยว่เอ่อร์ เธอ…” เมื่อได้ยินคำตอบของหลิ่วเยว่เอ่อร์ เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วแน่นขึ้น เธอถามอย่างเหลือเชื่อ: “ทำไมเธอถึงทำเช่นนี้? เงินเดือนที่บูลส์คลับก็เพียงพอแล้วสำหรับค่าครองชีพของเธอ!”
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมหลิ่วเยว่เอ่อร์ถึงขายร่างกายของเธอ ทั้งๆที่ชีวิตของหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น ยังไม่ถึงขั้นจนตรอก
“เพราะฉันอยากรวยขึ้นอีก ฉันคิดว่าฉันไม่ผิด คนที่ผิดคือพวกเธอ!” หลิวเยว่เอ่อร์หน้าซีด และตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
เฉินฮวนฮวนสับสนและรู้สึกอึดอัดมาก
หลิ่วเยว่เอ่อร์เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอในมหาวิทยาลัย ทั้งสองคบกันมานานกว่าหนึ่งปี แต่สุดท้าย หลิ่วเยว่เอ่อร์กลับกลายเป็นคนแบบนี้
เธอส่ายหัวเงียบ และหันหลังกลับเพื่อจากไป แต่เสียงของหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“เฉินฮวนฮวน อย่าคิดว่าตัวเองสูงส่ง เธอยอมแต่งไปตระกูลเฟิง ก็เพราะสมบัติของตระกูลเฟิงไม่ใช่เหรอ? ไม่อย่างงั้น เธอจะยอมเป็นภรรยาเขาเหรอ?” น้ำเสียงของหลิ่วเยว่เอ่อร์เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
เฉินฮวนฮวนหยุดเดิน ไม่หันศีรษะกลับมา ไม่ตอบคำใดๆ และเดินต่อไปข้างหน้า
เมื่อเฉินฮวนฮวนจากไป คนจากเรือนจำโทรศัพท์หาเฟิงหานชวน
…
มหาวิทยาลัย A ร้านชานม
เฉินฮวนฮวนออกจากเรือนจำและกลับมาที่มหาลัย จากนั้นรีบไปหาเกาเหวิน
เกาเหวินรออยู่ที่ร้านแล้ว เฉินฮวนฮวนเดินเข้าไปในร้าน เกาเหวินโบกมือให้เธอทันที
“ฮวนฮวน มานั่งสิ”
เฉินฮวนฮวนรีบเดินไปและนั่งตรงข้ามเกาเหวิน เกาเหวินเตรียมชานมไว้ให้เธอหนึ่งแก้ว
“รุ่นพี่ ขอโทษนะ เสื้อผ้าของพี่เมื่อคืนนี้…เสื้อผ้าพวกนั้นราคาเท่าไหร่ ฉันจะชดใช้ให้พี่เอง” เฉินฮวนฮวนรู้สึกผิดมาก
เมื่อเกาเหวินได้ยิน เธอรู้ว่าเฉินฮวนฮวนและเฟิงหานชวนมีอะไรกัน เสื้อผ้าถึงกับขาด ไม่ต้องจินตนาการเลยว่าเมื่อคืนนี้มันเข้มข้นขนาดไหน
อีกอย่าง เฉินฮวนฮวนที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ ภาพลักษณ์เปลี่ยนไปมาก ทั้งตัวดูดีขึ้นและเต็มไปด้วยของแบรนด์เนม
เมื่อก่อนเฉินฮวนฮวนเป็นแค่นักศึกษาธรรมดาๆ แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นคนใหม่ เป็นผู้หญิงที่สวยมาก
“ไม่ต้อง ไม่ต้อง มันแค่ของราคาถูก แถมยังเป็นเสื้อผ้าเก่า ไม่ต้องชดใช้หรอก ไม่เป็นไร!” เกาเหวินแสดงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าของเธอ และรีบถามว่า: “ฮวนฮวน อย่าปิดบังฉันนะ เธอกับเฟิงหานชวนเป็นอะไรกัน?”
“ฉัน… เขาเป็นอาสามของฉัน รุ่นพี่ มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิด” เฉินฮวนฮวนโบกมืออย่างรวดเร็ว
“อาสาม?” เกาเหวินตกตะลึงเล็กน้อย
เมื่อคืน เธอเองก็ดูเหมือนจะได้ยินเฉินฮวนฮวนเอ่ยคำว่าอาสาม แต่เธอไม่ได้สนใจ
อย่างไรก็ตาม เธอรู้สึกแปลกๆเล็กน้อย เธอรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ครอบครัวของเฉินฮวนฮวน แต่ไม่เคยรู้ว่าเฟิงหานชวนเป็นญาติของเธอ!
“อืม เขาเป็นญาติห่างๆของฉัน เพิ่งรู้เหมือนกัน” เฉินฮวนฮวนไม่อยากบอกเธอเกี่ยวกับการแต่งงานของเธอกับเฟิงเฉินเหยี่ยน
เมื่อเอ่ยถึงชื่อตระกูลเฟิง ถ้าเธอเอาออกมาพูดข้างนอก นายท่านกับเฟิงเฉินเหยี่ยนคงไม่มีความสุข
พูดตรงๆก็คือ เธอเป็นแค่เจ้าสาวที่ถูกซื้อมา ตระกูลเฟิงไม่ได้สู่ขอเธอโดยตรง
เพราะงั้นเธอจึงพยายามปกปิดเอาไว้ แค่ปกปิดมันไว้
เมื่อมองไปที่ท่าทางของเฉินฮวนฮวน เกาเหวินเองทำไมจะดูไม่ออก คงเป็นเพราะเฉินฮวนฮวนไม่อยากให้ใครรู้ ดังนั้นจึงไม่พูดออกมา
พูดได้อีกอย่าง เฟิงหานชวนกลัวว่าจะเสียชื่อเสียง ดังนั้นเฉินฮวนฮวนจึงพูดไม่ได้ ทำได้เพียงบอกว่าเป็นญาติ
ผู้ชายยิ่งรวยยิ่งมีอุบายมากขึ้น
เกาเหวินหยุดตั้งคำถาม แต่เธอรู้ดีอยู่ในใจ เธอรู้ว่าตอนนี้เฉินฮวนฮวนเป็นผู้หญิงที่เฟิงหานชวนเลี้ยงดูอยู่
“ฮวนฮวน ฉันจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก แต่ฉันอยากถามเธอ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับการเต้นของเธอ? มันทำให้ฉันตกใจมาก!” สิ่งที่เกาเหวินบอกว่าตกใจมันหมายถึงการทำให้ผู้ชมตกตะลึง
เธอไม่ได้คาดหวังเฉินฮวนฮวนสูงขนาดนี้ แค่เพียงอยากป้องกันไม่ให้ซงหลิงเอ่อร์ไปแข่ง แต่ไม่คิดว่าจะเจอสมบัติล้ำค่าแบบนี้
ตั้งแต่จางฟานเห็นเฉินฮวนฮวนเต้นเมื่อคืน เขาก็เอาแต่บอกกับเธอว่าต้องทำให้เฉินฮวนฮวนเซ็นสัญญา
ตอนนี้ สถานะของเธอกับจางฟานดีขึ้นมาก ซงหลิงเอ่อร์เกือบจะไม่เป็นที่โปรดปรานแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ต่อให้จานฟางจะสนใจเฉินฮวนฮวน เขาก็ไม่กล้าทำอะไร เพราะเฉินฮวนฮวนเป็นผู้หญิงของเฟิงหานชวน และเธอก็เชื่อในตัวของเฉินฮวนฮวน
ตอนนี้เกาเหวินอารมณ์ดีมาก
“รุ่นพี่ จริงๆแล้วฉันเรียนเต้นตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แต่สองปีมานี้ไม่ค่อยได้เต้น” เฉินฮวนฮวนตอบตามความจริง
เรื่องนี้เฉินฮวนฮวนไม่ได้โกหก
แม่ของเธอส่งไปเรียนเต้นตั้งแต่เธอยังเด็ก และเธอก็มีความสามารถมาก ครูชื่นชมเธอมาก แต่หลังจากแม่จากไป เฉินเหม่ยเจวียนก็หักค่าเรียนเต้นของเธอไป
แต่ครูเสียดายจึงให้เธอไปเรียนฟรีๆ พอเข้ามัธยมศึกษาปีที่ 3 ครูขอให้เธอสมัครเรียนคณะศิลปกรรม แต่คุณยายบอกให้เธอหยุดเรียน
ในท้ายที่สุด ครูกับคุณยายก็ทะเลาะกัน และเฉินฮวนฮวนก็ยอมและหยุดเรียน
ตั้งแต่นั้นมา เพื่อไม่ให้คุณยายของเธอเสียใจ เฉินฮวนฮวนไม่กล้าเต้นอีก
คุณยายบอกว่าเด็กผู้หญิงอย่าเข้มแข็งเกินไป ไม่อย่างนั้นพวกเธอจะไม่มีความสุขไปตลอดชีวิต
เฉินฮวนฮวนถามว่าเป็นเพราะแม่ใช่ไหม แม่เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง แต่แม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
ถ้าแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ เฉินเหม่ยเจวียนคงไม่ใช่ปัญหา
คุณยายเคยเล่าเหตุการณ์ในอดีตให้ฟังเมื่อนานมาแล้ว
“ที่แท้เธอก็เป็นนักเต้นนี่เอง แล้วทำไมไม่กลับไปเรียนเต้นล่ะ? ” เกาเหวินรู้สึกสงสัย
“คุณยายไม่อนุญาต เธอคิดว่าผู้หญิงควรหางานดีๆงานที่มั่นคง และใช้ชีวิตปกติง่ายๆ” เมื่อนึกถึงคุณยายของเธอ เฉินฮวนฮวนก็น้ำตาคลอ
“อ่อ คุณยายไปสบายแล้ว ถ้าฉันขอ เธอจะ…” เกาเหวินก็รู้สึกไม่สบายใจ ถ้าหากเธอให้เงินเฉินฮวนฮวนตั้งแต่ตอนเข้าค่ายฝึก เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น
“รุ่นพี่ อย่าโทษตัวเองเลย พี่ดีกับฉันมาก การจากไปของคุณยายไม่เกี่ยวกับพี่” เฉินฮวนฮวนรีบส่ายหัวและอธิบายอย่างกังวล
“ฮวนฮวน เชื่อฉันเถอะ ฉันจะไม่ให้เธอลำบากอีกต่อไป อยู่กับฉัน ฉันจะผลักดันเธอเอง!” เกาเหวินยื่นมือของเธอมาจับหลังมือของเฉินฮวนฮวนแล้วพูดว่า: “เราสองคนต้องเฉิดฉายในวงการด้วยกัน”