บทที่ 195 การมาเยือนของเฉิงเจ๋อ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 195 การมาเยือนของเฉิงเจ๋อ

บทที่ 195 การมาเยือนของเฉิงเจ๋อ

กู้เสี่ยวหวานไม่สามารถบอกได้ว่าคนผู้นี้กำลังหัวเราะอยู่หรือไม่ แต่เจตนาฆ่าของเขาเมื่อสักครู่นี้ทำให้นางตกใจยิ่งนัก

“เมื่อสักครู่นี้ไม่คล้ายเลย!” กู้เสี่ยวหวานกล่าวความจริง ท่าทีของเขาเมื่อสักครู่นี้ราวกับจะกินนางจริง ๆ

นางหวาดกลัวยิ่งนัก!

“เฮอะ…” ฉินเย่จือยิ้มอย่างขมขื่น

กู้เสี่ยวหวานไม่สนใจว่าคนผู้นี้จะเป็นคนดีหรือคนเลว ตอนนี้แค่อยากให้คนผู้นี้หายเร็ว ๆ และออกจากที่นี่ไปโดยเร็วที่สุด “นี่ของเจ้า ดื่มสิ!” หลังจากพูดแล้ว นางก็ยื่นข้าวต้มในมือไปให้คนผู้นั้น เมื่อสักครู่วางข้าวต้มนานแล้ว ความร้อนได้หายไป

เขาไม่ได้กินข้าวมาหลายวันแล้ว ฉินเย่จือจึงหิวมาก เขาใช้แขนขวาพยุงตัวเองขึ้นเล็กน้อย และใช้มือซ้ายหยิบข้าวต้มที่กู้เสี่ยวหวานมอบให้

ในข้าวต้มยังมีเนื้อสับอยู่บ้าง ข้าวต้มชามนี้จึงไม่จืดชืด ยิ่งกว่านั้นอุณหภูมิไม่ร้อนเกินไปหรือเย็นเกินไป กำลังพอดี ฉินเย่จือถือมันไว้ในมือซ้ายของเขา และไม่ได้ใช้ช้อน ในตอนนี้มันไม่สะดวกสำหรับเขาที่จะใช้ช้อนสักเท่าไร

เช่นเดียวกับการดื่มน้ำ เขายกดื่มข้าวต้มไปทั้งอย่างนั้น โชคดีที่ข้าวต้มที่กู้เสี่ยวหวานทำนั้นค่อนข้างเหลว ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้จะกลืนมันอย่างไรจริง ๆ

กู้เสี่ยวหวานมองไปที่ท่าทางดื่มข้าวต้มของคนผู้นี้ แม้ว่าจะเร็ว แต่ท่าทางของเขากลับดูสง่างามมาก ไม่มีเสียงเลยแม้แต่น้อย และหลังจากกินเข้าไปก็ไม่เหลือร่องรอยไว้ที่มุมปากของเขา

ฉินเย่จือดื่มข้าวต้มทั้งหมดในชาม หากแต่ยังไม่อิ่ม เขาส่งชามกลับไปให้กู้เสี่ยวหวานพลางเอ่ยถามอย่างเขินอาย “ยังมีอีกหรือไม่?”

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “ท่านรอสักครู่!”

กู้เสี่ยวหวานไปที่ห้องครัวเพื่อตักข้าวต้มอีกชาม และเมื่อนางกลับมาก็เห็นว่าทั้งกู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ลุกขึ้น จ้องมองที่คนผู้นั้นอย่างสงสัย

ฉินเย่จือนอนลงอีกครั้ง หลับตาลงและหลับไป

เดิมทียังไม่ชัดเจนนัก แต่คราวนี้ก็รู้แล้วว่าคนที่ตนเองช่วยมานั้นไม่เป็นอันตรายใด ๆ และยังต้องใช้เวลาพักฟื้นอีกสักพัก

ฉินเย่จือดื่มข้าวต้มอีกชามและรู้สึกอิ่มขึ้นมา เขาวางชามลง หากแต่ยังคงรู้สึกอยากกินอีก

นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าข้าวต้มเช่นนี้อร่อยนัก

คาดว่าเพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่ได้ทานอาหารเป็นเวลาหลายวัน

ฉินเย่จือคิดเช่นนั้น

เขาเลียริมฝีปากเล็กน้อย และเผยรอยยิ้มหายาก “ขอบคุณ!”

กู้เสี่ยวหวานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อนางใช้จังหวะขณะหยิบชามขึ้นมาเหลือบมองที่ฉินเย่จือ ในที่สุดชายผู้นี้ก็แสดงรอยยิ้มออกมา แม้ว่าจะเป็นเพียงรอยยิ้มเล็กน้อย แต่มันก็ดีกว่าท่าทางที่เย็นยะเยือกเมื่อสักครู่ แม้แต่หางตาก็ราวกับลมฤดูใบไม้ผลิ

เช่นนี้มันไม่ใช่คนแล้ว!

กู้เสี่ยวหวานละสายตาอย่างรวดเร็วพลางกล่าวว่า “ท่านพักผ่อนสักหน่อยเถอะ” จากนั้นนางก็หันไปหากู้หนิงผิงและกล่าวว่า “อุ้มน้องสาวลงไป พวกเราไปกินข้าวกัน”

กู้หนิงผิงรีบตอบรับอย่างรวดเร็วและลุกจากเตียงพร้อมกับกู้เสี่ยวอี้ในอ้อมแขนของเขา

ฉินเย่จือประหลาดใจมากเมื่อเห็นแค่เด็กอยู่ในห้อง ผู้ใหญ่ในครอบครัวนี้หายไปไหน ทำไมเขาที่นอนที่นี่มานานขนาดนี้ยังไม่เห็นผู้ใหญ่สักคนเข้ามาเลย

ฉินเย่จือสงสัยอยู่พักหนึ่ง

ก็มีเสียงสวบสาบดังมาจากนอกบ้าน

ฉินเย่จือที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นการได้ยินของเขาจึงแตกต่างจากคนทั่วไปโดยสิ้นเชิง แม้ว่าพวกกู้เสี่ยวหวานจะลดเสียงลง แต่ก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับฉินเย่จือ และอีกอย่างนี่ก็เป็นเช้าที่เงียบสงบ

“ท่านพี่ เมื่อสักครู่คนผู้นี้น่ากลัวมาก” กู้หนิงผิงตบหน้าอกของเขาอย่างตกใจ เมื่อสักครู่ที่คนผู้นั้นจ้องไปที่กู้เสี่ยวหวาน กู้หนิงผิงตื่นอยู่แล้วและรู้สึกถึงความโหดร้ายในดวงตาของคนผู้นั้น และความเย็นเยียบรอบตัวเขา

“…” กู้เสี่ยวหวานช่วยน้องสาวล้างหน้าและมือ นางได้ยินคำพูดของกู้หนิงผิงแต่ไม่ตอบ

คนผู้นี้อารมณ์ไม่แน่นอน เจตนาฆ่าในตอนแรกนางไม่ได้สังเกตเห็นมัน แต่ต่อมาเขาได้เลี้ยวหนึ่งร้อยแปดสิบองศาเพื่อจุดประสงค์อะไรกันแน่?

ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนดีในครั้งนี้ และจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นในภายหลัง

“หวังว่าเขาจะหายดีในเร็ว ๆ นี้ และรีบจากไป!” กู้เสี่ยวหวานกล่าวหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง

“ใช่แล้ว รีบไปเถอะ!” กู้หนิงผิงเน้นยำ “ท่านพี่ วันนี้พี่หนิงอันก็กลับมาแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นเราจะบอกเขาอย่างไรดี?”

“นี่…” ก่อนที่กู้เสี่ยวหวานจะพูด นางกำลังคิดว่าจะอธิบายอย่างไร แต่ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยจากนอกลานบ้าน “ท่านพี่ ข้ากลับมาแล้ว”

กู้เสี่ยวหวานตะลึงครู่หนึ่งและหันไปสบตากับกู้หนิงผิง เหตุใดถึงกลับบ้านมาเร็วนัก

กู้เสี่ยวหวานคาดไว้ว่าคงจะใช้เวลาสองสามชั่วโมงกว่าจะมาถึง

กู้เสี่ยวหวานจูงมือกู้เสี่ยวอี้เดินออกไปก็พบว่าที่หน้าบ้านมีรถม้าจอดอยู่คันหนึ่ง กู้หนิงอันกระโดดลงมาจากรถม้า และตามด้วยสวีเฉิงเจ๋อที่กระโดดตามลงมา เมื่อเขาเห็นกู้เสี่ยวหวานจึงโบกมือพร้อมยิ้มให้ “แม่นางกู้ ข้ามาอีกแล้ว”

กู้เสี่ยวหวานตกตะลึงครู่หนึ่งเมื่อเห็นสวีเฉิงเจ๋อ

ทำไมเขาถึงมาที่นี่?

หากในวันปกติกู้เสี่ยวหวานจะต้อนรับสวีเฉิงเจ๋อเป็นแขกที่บ้านเป็นอย่างมาก อาจารย์สวีคนนี้ดูแลกู้หนิงอันเป็นอย่างดี ดังนั้นตนแองจึงต้องปฏิบัติต่ออาจารย์สวีด้วยความสุภาพ

แต่วันนี้ กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าอาจารย์สวีผู้นี้มาอย่างกะทันหันเกินไป

เมื่อสักครู่คนในนั้นบอกว่าจะห้ามไม่ให้คนอื่นรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ แต่ตอนนี้นางก็ไม่อยากบอกคนอื่นเช่นกัน แต่ผู้อื่นกลับมาถึงประตูเสียเอง

หลังจากตกตะลึงครู่หนึ่ง กู้เสี่ยวหวานกลัวว่าท่าทางของนางจะทำให้สวีเฉิงเจ๋อเข้าใจผิด ดังนั้นนางจึงทักทายเขาอย่างอบอุ่นด้วยรอยยิ้มทันที “อาจารย์สวี ท่านมาแล้ว!” ทันทีที่ท่านปรากฏตัว สถานที่อันต่ำต้อยแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยแสงสว่าง!

สวีเฉิงเจ๋อไม่คาดคิดมาก่อนว่าสาวน้อยคนนี้จะใช้สำนวนได้ดี เขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและยิ้มให้ทันที “หนิงอัน ดูเหมือนว่าจะมีอาจารย์หญิงในครอบครัวของเจ้า! สำนวนนี้ใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว!”

กู้หนิงอันไม่ลังเลเลยที่จะชื่นชมพี่สาวของเขา และพูดอย่างไม่ถ่อมตนว่า “แน่นอน พี่สาวของข้ารู้หนังสือ เด็กผู้หญิงทั่วไปนั้นเทียบไม่ได้อย่างแน่นอน”

กู้เสี่ยวหวานเห็นว่ากู้หนิงอันไม่รู้จักถ่อมตน และยกย่องตนเองอย่างไม่ลังเลต่อหน้าอาจารย์สวี นางจึงหน้าแดงเล็กน้อยด้วยความเขินอาย “หนิงอัน อย่าทำให้อาจารย์สวีหัวเราะสิ!”

“อะไรกัน? นี่เรื่องน่าขันที่ไหนกัน” เมื่อสวีเฉิงเจ๋อได้ยินจึงรีบพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แม่นางกู้รู้หนังสือ มันเป็นเรื่องอัศจรรย์มาก เป็นเรื่องตลกที่ไหนกัน ถ้ามันเป็นเรื่องตลก ข้ากับท่านพ่อจะไม่ตลกมากกว่าอย่างนั้นหรือ?”

………………………………………………………………………….