บทที่ 240 หากข้าไม่ใช่อ๋องอีกต่อไป

สำรับมนตราของชายาอ๋อง

บทที่ 240 หากข้าไม่ใช่อ๋องอีกต่อไป
บทที่ 240 หากข้าไม่ใช่อ๋องอีกต่อไป

“เกิดอะไรขึ้นหรือเพคะ?” ฉินปู้เข่อเห็นว่าเขาเป็นห่วงลูกจึงเอ่ยปลอบเขา “อยู่ที่นี่หมิงเอ๋อร์สบายดี แม่นมก็ดีด้วย ส่วนท่านพ่อสามีก็เป็นปู่ของเขาและจะไม่มีวันทำร้ายเขา”

“เสี่ยวเข่อ” หมี่โม่หรู่วางมือบนหลังมือของนาง “หากข้าไม่ใช่อ๋อง เจ้าจะยังชอบข้าอยู่หรือไม่”

“กลัวว่าจะไม่หรือเพคะ” แม้ว่าฉินปู้เข่อจะไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ ๆ เขาถึงถามคำถามนี้ขึ้นมา แต่นางก็คิดอย่างรอบคอบก่อนตอบ

มือใหญ่บีบมืออีกฝ่ายแน่นขึ้นทันที แม้ว่าการแสดงออกของชายหนุ่มจะไม่เศร้ามากนัก แต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง

“ใช่แล้ว” เขาพูดสองพยางค์นี้จากริมฝีปากอันแห้งผาก

เมื่อฉินปู้เข่อเห็นเขาเป็นเช่นนี้ นางก็รีบดับความคิดของเขาด้วยการซบลงบนอกของเขา ดวงตาของนางร้อนผ่าว “ไม่ว่าท่านจะเป็นอ๋องหรือไม่ หม่อมฉันก็จะรักท่านชั่วนิจนิรันดร์ ท่านเป็นรักแรกพบของหม่อมฉัน และความรักนั้นจะไม่มีวันเปลี่ยนผันไป”

“หม่อมฉันคิดว่าหม่อมฉันผ่านขั้นตอนตกหลุมรักท่านตั้งแต่แรกพบไปแล้ว และเข้าสู่ห้วงเวลาของความรักที่ไม่มีวันจืดจาง ดังนั้นในอนาคตไม่ว่าท่านจะเป็นอ๋องหรือสามัญชน หม่อมฉันก็จะติดตามท่านไปเสมอเพราะหม่อมฉันรักท่าน”

หัวใจที่เย็นชาของหมี่โม่หรู่ราวกับถูกนำไปแช่ในบ่อน้ำพุร้อน และมันก็อบอุ่นเหมือนกับได้รับการเติมเต็ม นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินพระชายาตัวน้อยพูดสามคำนี้กับเขา

“เสี่ยวเข่อ ข้าก็รักเจ้ามากเช่นกัน รักสุดหัวใจ” เขาดึงฉินปู้เข่อขึ้นมานั่งตักและกอดนางแน่น

เมื่อความแข็งแกร่งในร่างกายของเขาสงบลง ฉินปู้เข่อก็ถามเสียงแผ่วเบา “เร็ว ๆ นี้ท่านกำลังจะสร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่ ฮ่องเต้จะทรงบุกตำหนักของท่านหรือหมี่เหิงจะโจมตีท่านหรือไม่เพคะ?”

เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะพูดคำพูดเหล่านี้โดยไม่มีมูลเหตุ และมีโอกาสสูงว่าช่วงนี้เขาจะทำเรื่องสำคัญบางอย่างที่นางไม่รู้

“จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร”

แต่พรุ่งนี้คงจะวุ่นวายมากแน่นอน หมี่โม่หรู่วางแผนด้วยมือของเขาเอง และไม่คิดจะบอกนางเกี่ยวกับแผนการของวันพรุ่งนี้

“แล้วเหตุใดจู่ ๆ ท่านถึงถามแบบนี้ล่ะเพคะ”

หมี่โม่หรู่มองนางอย่างแน่วแน่และพูดย้ำอีกครั้ง “เสี่ยวเข่อ เจ้าจะรังเกียจหรือไม่หากข้าไม่ใช่อ๋องอีกต่อไป และข้าจะไม่มีโอกาสได้ขึ้นครองราชบัลลังก์เลยในชีวิตนี้”

“จริงหรือ?! นั่นมันเยี่ยมไปเลย!” ฉินปู้เข่อดีใจมากจนแทบจะกระโดดตัวลอย “หม่อมฉันเคยบอกท่านตั้งนานแล้วว่าฮ่องเต้เป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง ต้องยุ่งทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดค่ำและมีเรื่องให้กังวลมากมายจนทำให้หัวล้านได้ง่าย และแม้แต่ตอนหลับนอนกับสตรีก็ต้องมีข้าราชบริพารคอยเฝ้าดู…”

หลังจากพูดจบฉินปู้เข่อก็หยุดพูดและยกยิ้มอย่างเขินอาย “นี่เป็นเพียงความคิดของหม่อมฉัน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความปรารถนาของท่าน เพราะอย่างไรเสียนี่ก็คือการตัดสินใจของท่านเองเพคะ”

“ข้าต้องการออกจากเมืองหลวงเมื่อเขาเต็มใจคืนหมิงเอ๋อร์ให้เรา และไม่ต้องเป็นอ๋องที่ต้องนอบน้อมกับองค์ชายองค์อื่นอีกต่อไป” หมี่โม่หรู่ถอนหายใจ หากไม่ใช่เพราะแผนภูมิหยกประจำราชวงศ์ เขาก็คงอยากจะหนีออกไปและกลายเป็นสามัญชนเสียด้วยซ้ำ

ฉินปู้เข่อดึงหูตัวเอง เป็นไปได้หรือไม่ว่าหูของนางอาจจะยังไม่หายดี?!

“หมี่เหิงได้เป็นองค์รัชทายาทแล้วทำให้ท่านรู้สึกท้อหรือเพคะ?” ฉินปู้เข่อเริ่มปลอบเขาอีกครั้ง “แม้ว่าหม่อมฉันจะไม่สนับสนุนการอ้างสิทธิ์ในราชบัลลังก์ของท่านนัก แต่หากตัดสินจากสถานการณ์ปัจจุบัน สถานะของท่านคือ ‘อ๋อง’ ซึ่งไม่ใช่แค่สถานะของท่านเท่านั้น แต่ยังเป็นอาชีพของท่านด้วย และเนื่องจากมันเป็นอาชีพท่านจึงควรทำมันให้ดีต่อไป เหตุการณ์ที่หมี่เหิงได้เลื่อนตำแหน่งครั้งนี้เป็นแรงผลักดันครั้งใหญ่ในอาชีพของท่าน และท่านไม่ควรถอดใจยอมแพ้ แต่ท่านต้องมีกำลังใจ…”

“ข้าแค่ไม่อยากเป็นอ๋อง” หมี่โม่หรู่พูดอย่างเคร่งขรึม “ตั้งแต่ข้าเกิด ข้าก็อยู่ท่ามกลางการช่วงชิงในโลกแห่งอำนาจ และตอนนี้ข้าต้องการออกไปข้างนอกและดูว่าข้าจะสามารถเริ่มทำกิจการอย่างอื่นได้บ้างหรือไม่”

ฉินปู้เข่อเบิกตากว้าง “นั่นใช่เหตุผลจริง ๆ หรือเพคะ?!”

……………………………………………………………………………..