ตอนที่ 253 เก็บได้จากไหน

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 253 เก็บได้จากไหน

พ่อบ้านจงยกกับข้าวเข้ามา

ห้องครัวของครอบครัวลู่เป็นแบบยื่นออกไปต่างหาก อยู่ด้านข้าง

ถ้ามีคนกินข้าวเยอะก็ต้องยกเข้ามากินในห้องรับแขก

ลู่หันซู ปาอิน และคนอื่นๆ ก็ไปช่วยยกกับข้าวเข้ามา

แกงจืดฟักต้มซี่โครง เป็ดตุ๋นเบียร์ ไก่แล่บาง ปลานึ่งซีอิ๊ว ไข่ผัดมะเขือเทศ ผัดผักบุ้ง ผัดฟัก…

อาหารธรรมดา แต่กลิ่นหอมอบอวล คนที่รอบรู้เรื่องกินและมีฝีมือทำอาหารพอได้กลิ่นกับข้าวก็รู้ว่าวัตถุดิบสดใหม่ขนาดไหน

มู่เถาเยายิ้มพูด “หันซู เธอตักออกมาให้คุณน้าก่อนพวกเราค่อยกิน คุณน้าจะหลับอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง”

“ได้เลย”

ลู่หันซูเข้าไปหยิบจานในครัว แบ่งกับข้าวออกมาอย่างละหน่อยแล้วยกไปวางในครัวถึงกลับมา

ย่าลู่ยิ้มพลางเรียกให้ทุกคนกินข้าว

ในบรรดาคนที่นั่งอยู่ ย่าลู่อายุเยอะที่สุด ทุกคนจึงรอเธอคีบอาหารก่อนค่อยเริ่มกินข้าว

อาหารมื้อนี้ทุกคนกินกันอย่างเอร็ดอร่อย ทั้งยังชมไม่หยุดว่าย่าลู่ฝีมือดี วัตถุดิบก็ดี

ย่าลู่ดีใจมาก

เด็กๆ เหล่านี้ดูก็รู้ว่าเกิดในครอบครัวที่มีอันจะกิน แต่กลับไม่รังเกียจอาหารบ้านๆ ของพวกเขาแม้แต่น้อย ทั้งยังไม่รังเกียจที่ชามตะเกียบของพวกเขาไม่ได้ผ่านตู้ฆ่าเชื้อมาก่อน…

หลานสาวเคยพาเพื่อนมาเหมือนกัน แต่เด็กๆ เหล่านั้นไม่เพียงแต่จะทำสีหน้ารังเกียจ ยังดูถูกแม่ของเสี่ยวซูด้วย…ทำร้ายจิตใจหลานสาวของเธออย่างรุนแรง ทำให้เธอที่อายุหกสิบกว่าแล้วอดโมโหไม่ได้…

นับแต่นั้นเป็นต้นมาหลานสาวก็ไม่เคยพาใครกลับมาด้วยอีกเลย

กินข้าวเสร็จ พ่อบ้านจง เฉิงอันนั่ว และคนอื่นๆ ก็ช่วยเก็บล้างจานชาม ทำความสะอาดห้องครัว เสร็จแล้วลู่หันซูก็ชงชาดอกเก๊กฮวยที่เก็บมาจากในเขาให้ทุกคนดื่ม

มู่เถาเยาได้ยินเสียงกุกกักจากชั้นบนจึงบอกลู่หันซูว่าแม่ตื่นแล้ว

ลู่หันซูขึ้นชั้นบน รอแม่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จถึงลงมาพร้อมกัน

“เจ้าหญิงน้อย…”

แม่ลู่สะบัดลูกสาว รีบวิ่งเข้าไปหามู่เถาเยา

ปาอินสละที่นั่งข้างมู่เถาเยาให้แม่ลู่

ย่าลู่ “เหมียวเหมียว อย่าทำแขกตกใจสิ”

“เจ้าหญิงน้อย…เจ้าหญิงน้อยของฉัน…”

ย่าลู่พูดด้วยความเกรงใจ “เสี่ยวมู่ ขอโทษทีนะ แม่ของเสี่ยวซูอาจมีเรื่องในใจ แต่เธอเป็นแบบนี้ก็เล่าอะไรไม่ได้ พวกเราอยากช่วยก็ช่วยไม่ได้…”

มู่เถาเยายิ้มพยักหน้า

“ไม่เป็นไรค่ะย่าลู่ ถูกพิษฮ่วนเซี่ยงก็มีอาการแบบนี้อยู่แล้ว”

“แล้ว…ถอนพิษนี้ได้ไหม ตอนนี้เธอไม่รู้จักแม้กระทั่งย่ากับเสี่ยวซูแล้ว เหมือนจะจำได้แค่ ‘เจ้าหญิงน้อย’”

ย่าลู่รู้สึกจนปัญญา

เธออายุตั้งหกสิบกว่าแล้ว ยังจะดูแลลูกสะใภ้ได้อีกนานแค่ไหน

ชีวิตของหลานสาวเพิ่งเริ่มต้น จะต้องหยุดอยู่แค่นี้เหรอ

“ถอนพิษไม่ยากค่ะ หลักๆ คือหาสมุนไพรที่ถอนพิษได้ยากมาก พวกเราจะพยายามเต็มที่ค่ะย่าลู่”

“รบกวนอาจารย์ลู่กับเสี่ยวมู่ด้วยนะ”

“ย่าลู่ไม่ต้องเกรงใจค่ะ”

ลู่หันซูอุ่นอาหารเสร็จก็ยกมาให้แม่กิน จากนั้นก็พูดกับย่า “ย่าคะ หนูจะพาอาจารย์ลู่กับพวกเสี่ยวมู่ไปดูโถยาที่บ้านเก่าหน่อยนะคะ”

“ไปเถอะ ย่าจะดูแม่เราให้”

“ค่ะ”

พวกมู่เถาเยาลุกขึ้น

แม่ลู่วางตะเกียบไปจับมู่เถาเยาทันที

“เจ้าหญิงน้อย…”

มู่เถาเยาจับมือแม่ลู่ พูดเสียงเบา “คุณน้าคะ เดี๋ยวหนูก็กลับมาค่ะ คุณน้ากินข้าวให้เสร็จก่อนนะคะ”

แม่ลู่ไม่ปล่อยมือ เอาแต่เรียก ‘เจ้าหญิงน้อย’ ไม่หยุด

ย่าลู่อยากดึงลูกสะใภ้ออก แต่กลับถูกขัดขืนอย่างหนัก

แม่ลู่สะบัดแขนข้างที่ด้วนจนเกือบโดนตัวแม่สามี

ลู่หันซูประคองย่า ถามด้วยความร้อนใจ “ย่าคะ โดนตรงไหนหรือเปล่า”

ย่าลู่ตบมือหลานสาวเบาๆ “เปล่า ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”

มู่เถาเยาดึงแม่ลู่นั่งลงอีกครั้ง ให้เธอกินข้าว

“รอคุณน้ากินข้าวเสร็จค่อยไปด้วยกันดีกว่า”

ทุกคนไม่ว่าอะไร กลับเป็นลู่หันซูกับย่าลู่ที่รู้สึกเกรงใจ

“ย่าลู่คะ แขนของคุณน้าถูกสัตว์ป่ากัดขาดเหรอคะ”

“ใช่จ้ะ ตอนที่พ่อเสี่ยวซูเก็บแม่ของเสี่ยวซูกลับมา ถึงแม้พ่อเสี่ยวซูจะช่วยทำแผลแล้ว แต่ก็ยังดูสดอยู่ มองออกเลยว่าถูกสัตว์ป่ากัดมา”

“คุณอาเก็บคุณน้าได้ที่ไหนเหรอคะ ป่าในประเทศเราที่มีสัตว์ร้ายกินคนมีอยู่หลายแห่ง”

ย่าลู่ส่ายหน้า “ไม่รู้เหมือนกันว่าพ่อเสี่ยวซูเก็บได้จากไหน เขาไม่ได้บอกพวกเรา แต่ตอนพ่อเสี่ยวซูออกไปได้บอกพ่อของเขาว่าจะไปทางใต้”

พวกมู่เถาเยาต่างตะลึง

“ทางใต้มีป่าดงดิบที่ใหญ่ที่สุดในโลก…ย่ากับพ่อของเขาเดาว่าคงเก็บได้จากที่นั่น ตอนแม่เสี่ยวซูกลับมาก็สติไม่ค่อยดีแล้ว…พวกเรายังพาไปสถานีตำรวจด้วย แต่ก็ไม่พบข้อมูลของเธอ…เลยต้องพากลับมาบ้านอีก”

“ตอนเธอมาที่นี่ยังจำชื่อตัวเองได้ไหมคะ ตอนนั้นพิษยังไม่หนักขนาดนี้”

“พวกเราเคยถาม เธอบอกว่าเหมียวเหมียว ช่วงแรกๆ เธอชอบหนีไปข้างนอก คนในหมู่บ้านต้องช่วยจับกลับมาบ่อยๆ…คนไม่รู้ยังคิดว่าพวกเราลักพาตัวคนมา…”

แม่ลู่แทบจะกินข้าวคำ เงยหน้ามองมู่เถาเยาที แล้วเรียก ‘เจ้าหญิงน้อย’

ลู่หันซูกับย่าลู่จนปัญญา

เมื่อก่อนคิดแต่จะแย่งเด็กทารก ตอนนี้แม้แต่เด็กสาวก็อยากได้เหรอ

หลังจากแม่ลู่กินข้าวเสร็จ พักอีกครึ่งชั่วโมง พวกมู่เถาเยาก็พอทราบเหตุการณ์โดยรวมแล้ว

ตอนนี้แน่ใจแล้วว่าเหมียวอวี้อุ้มเด็กทารกไปโผล่ในป่าเซียนโหยว ก็แค่ไม่รู้ว่าทำไมถึงวางเด็กเอาไว้ใต้ต้นไม้ จากนั้นตัวเองก็หายไป

คำถามนี้ต้องรอจนกว่าเธอจะคืนสติกลับมาถึงจะได้คำตอบหรือเปล่า

มู่เถาเยา “ย่าลู่คะ พวกเราขอไปดูโถยาก่อนแล้วค่อยกลับมานะคะ”

“จ้ะ ไม่ต้องรีบร้อน ให้เสี่ยวซูพาไปเที่ยวตรงอื่นด้วยเลยนะ”

“ได้ค่ะ”

ลู่หันซูพาทุกคนออกไป

แม่ลู่จับมู่เถาเยาไว้ตลอด ลู่หันซูเกลี้ยกล่อมยังไงก็ไม่ยอมปล่อย

“ไม่เป็นไรหันซู ปล่อยคุณน้าจับไปเถอะ”

มู่เถาเยาไม่คัดค้านที่แม่ลู่จะเกาะติดเธอหลายวัน แต่เป็นห่วงว่าหลังจากพวกเธอกลับไปจะอาละวาดหรือเปล่า

“เสี่ยวมู่ บ้านเก่าของพวกเราค่อนข้างไกล ถ้าเดินก็หนึ่งชั่วโมง ไม่งั้นฉันไปยืมรถเพื่อนบ้านดีไหม”

“หนึ่งชั่วโมงก็ไม่ถือว่าไกล ก็แค่อากาศร้อนแดดแรง กลัวคุณน้าจะไม่ไหว เธอไปยืมรถก็ดีเหมือนกัน”

พวกเขาสวมเสื้อแขนยาวกางเกงขายาว มีหมวก แต่ลู่หันซูกับแม่ใส่เสื้อแขนสั้นกางเกงขาสั้น

เฉิงอันนั่ว “เสี่ยวลู่มีใบขับขี่ไหม ไม่งั้นผมตามไปด้วยจะได้ขับมาให้”

“งั้นก็รบกวนด้วยนะ”

“ไม่เป็นไร”

ไม่กี่นาทีต่อมาทั้งสองคนก็ขับรถตู้ที่ไปรับพวกเขาเมื่อครู่มาจอดตรงหน้า

ปาอิน เหลียงจี พ่อบ้านจง นั่งด้านหลัง ลู่จือฉินถึงขึ้นรถ สุดท้ายเป็นมู่เถาเยากับแม่ลู่

ใช้เวลาประมาณสิบนาทีรถก็มาจอดที่บ้านหลังเก่าของครอบครัวลู่

พื้นที่ทางนี้ติดภูเขา นอกจากบ้านของครอบครัวลู่แล้วยังมีบ้านหลังเก่าของอีกหลายครอบครัวก็อยู่ที่นี่

พอมีถนน ทุกคนก็ย้ายไปปลูกบ้านที่ใกล้ทางหลวง ตอนนี้ไม่ค่อยมีใครอยู่ทางนี้แล้ว

สำหรับคนในเมืองแล้ว แน่นอนว่าทิวทัศน์ทางนี้ดีกว่า แต่คนในหมู่บ้านกลางเขากลับชินแล้ว ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก จึงชอบอาศัยบ้านที่อยู่ใกล้กับโลกภายนอกมากกว่า