ตอนที่ 254 เสียภาพลักษณ์เล็กน้อย

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 254 เสียภาพลักษณ์เล็กน้อย

ลู่หันซูล้วงกุญแจในกระเป๋าออกมาไขประตูแล้วหันไปบอกกับทุกคน “ข้างในฝุ่นหนามาก ทุกคนระวังหน่อยนะ เดี๋ยวเสื้อผ้าจะเลอะ”

ปาอินยิ้มพูด “สกปรกแค่ซักก็ได้แล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่”

ลู่หันซูพยักหน้า หันกลับไปเปิดประตูไม้บานเก่าสองบาน เดินข้ามคานประตูเข้าไป

ทุกคนเดินตาม

เนื่องจากไม่มีคนอยู่มานาน พอเข้าไปก็ได้กลิ่นฝุ่นคลุ้ง แม่ลู่ยังจาม

บ้านไม่ใหญ่ โถดอกท้ออยู่ที่มุมหนึ่งของบ้าน

นอกจากฝุ่นที่จับอยู่บางๆ แล้วมันยังมีร่องรอยสนิม แสดงให้เห็นถึงอายุของมัน

มู่เถาเยากับลู่จือฉินต่างตื่นเต้น ยื่นมือออกไปลูบลวดลายดอกท้อบนนั้นอย่างไม่รังเกียจที่มันสกปรกเลยสักนิด

ปาอิน “เอ๊ะ ตรงอื่นมีฝุ่นหนาจับ ทำไมฝุ่นบนโถใบนี้ถึงน้อยล่ะ”

ลู่หันซูยิ้มพูด “เมื่อหลายวันก่อนฉันถ่ายรูปส่งให้เสี่ยวมู่ดู ก็เลยทำความสะอาดมันไปด้วย”

“ที่แท้ก็แบบนี้”

“เสี่ยวมู่ โถใบนี้เหมือนของผู้อาวุโสบ้านเธอไหม”

มู่เถาเยาพยักหน้า “เหมือนมาก”

เหลียงจีถาม “นี่ดูเหมือนจะเป็นโถสัมฤทธิ์หรือเปล่า”

ลู่จือฉินพยักหน้า “มันคือโถสัมฤทธิ์”

“นี่มันของโบราณที่ล้ำค่ามากเลยนะ! เสี่ยวลู่ ทำไมครอบครัวเธอถึงกล้าเอาของแบบนี้ทิ้งไว้ที่บ้านหลังเก่าล่ะ” เฉิงอันนั่วตะลึงมาก

“คนในหมู่บ้านเราแทบทุกบ้านจะมีพวกหม้อยาโถยาที่ตกทอดกันมาหลายรุ่น ก็แค่ของบ้านฉันใหญ่ที่สุด”

คนในหมู่บ้านต่างคาดเดาว่าพวกเขาอาจเคยเป็นหมู่บ้านหมอเทวดาของสักราชวงศ์ จึงไม่เคยคิดเอาของตกทอดจากบรรพบุรุษไปขายเป็นเงินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ทุกคน “…”

หมู่บ้านนี้โคตรเท่ห์เลย! มีของโบราณอยู่ในบ้านทุกครอบครัว!

มู่เถาเยา “หันซู ฉันช่วยย้ายโถใบนี้ไปบ้านนู้นให้ดีไหม”

“เสี่ยวมู่ ฉันเดาว่าโถสัมฤทธิ์ใบนี้น่าจะหนักราวสองร้อยห้าสิบกิโล เธอยกไม่ไหวหรอก”

มู่เถาเยาบอกให้แม่ลู่ปล่อยก่อน จากนั้นก็ให้ทุกคนอยู่ห่างจากโถ เธอย่อตัวนั่งลง มือขาวนวลจับขาสองข้างของโถ ยกลอยขึ้นมาหนึ่งเมตรได้อย่างสบายๆ

ลู่หันซูตะลึงตาค้าง

ก่อนหน้านี้เธอยังคิดอยู่ว่าเสี่ยวมู่คุยโว ทำเสียภาพลักษณ์ในใจเธอไปบ้าง…

ที่แท้ก็พูดจริง!

เธอมันอ่อนประสบการณ์เอง!

ถึงแม้คนอื่นๆ จะเคยเห็นมู่เถาเยายกของหนักแล้ว แต่ก็ยังคงตกใจมากอยู่ดี

มีแค่ลู่จือฉินที่มองลูกศิษย์อย่างนิ่งๆ

มู่เถาเยาวางโถดอกท้อลง ปัดฝุ่นในมือ

“รถข้างนอกขนไปไม่ได้ ต้องหารถที่บรรทุกได้ ไว้ฉันค่อยมาช่วยเธอย้ายขึ้นรถ เอาลงจากรถ วางในบ้านที่มีคนอยู่จะดีกว่านะ”

“โถใบนี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไรสำหรับฉัน ถ้าเธอชอบฉันจะยกให้ ถือเป็นการตอบแทนที่ช่วยตามหาหญ้าร้อยรส”

นี่เป็นโถสัมฤทธิ์ที่ตกทอดมาในตระกูลของเธอ ยกให้คนอื่นได้

เดิมทีเธออยากให้โสมพันปีที่เก็บรักษาไว้ในบ้านเป็นสิ่งตอบแทน แต่ดูเหมือนพวกมู่เถาเยาจะสนใจโถใบนี้มากเป็นพิเศษ

สิ่งตอบแทนไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคา ขึ้นอยู่กับว่าอีกฝ่ายชอบหรือไม่ชอบ

มู่เถาเยาส่ายหน้า “หันซู ฉันเป็นหมอ ควรช่วยคนอยู่แล้ว รับของมีค่าแบบนี้ไว้ไม่ได้”

“สำหรับฉันไม่มีอะไรแทนที่แม่ได้ จะโถสัมฤทธิ์สิบใบร้อยใบก็เทียบกันไม่ได้”

ลู่หันซูมองแม่ลู่แล้วยิ้มอย่างมีความสุข

ไม่เพียงแต่ทุกคนจะนับถือในความใจกว้างของลู่หันซู ยังประทับใจในความกตัญญูของเธอด้วย

ถึงแม้แม่ลู่จะจำลูกสาวไม่ได้แล้ว แต่ลูกสาวก็ยังคงรักเธอเหมือนเดิม

“หันซู พวกเราไม่รับปากว่าจะหาหญ้าร้อยรสเจอไหม”

“หาไม่เจอก็ช่วยไม่ได้ ฉันไม่มีทางตำหนิเธอกับอาจารย์ลู่หรอก”

ก็เหมือนกับทำธุรกิจ ทำไปแล้วอาจขาดทุน แต่ถ้าไม่ทำก็ไม่มีความหวังอะไรเลย

กำไรก็ดีใจ ขาดทุนก็แค่ยอมรับมัน

ลู่จือฉินยิ้มพูด “เรื่องนี้ค่อยว่ากันก่อนพวกเรากลับ ไม่รีบ”

พวกเขาเรียนแพทย์เพื่อช่วยชีวิตรักษาความเจ็บป่วย สิ่งตอบแทนแค่เรื่องรอง ยิ่งไม่มีทางแย่งชิงหาผลประโยชน์จากคนอื่น

แต่โถใบนี้ของครอบครัวลู่ถูกวางทิ้งไว้ที่นี่ก็แสดงว่ามีก็เหมือนไม่มีแล้ว

พูดได้ไม่เต็มปากว่าคนหมู่บ้านนี้ไม่เคยเห็นโลกภายนอก ไม่มีทางไม่รู้ว่าเครื่องสัมฤทธิ์เป็นของโบราณมีค่า แต่ไม่ได้ขายออกไปตามกฎหมายก็แสดงให้เห็นแล้วว่าคนในหมู่บ้านไม่ใช่คนโลภมากที่เห็นแก่เงินทองของนอกกาย

เธอเคยไปมาหลายหมู่บ้าน นอกจากหมู่บ้านเถาหยวนแล้ว หมู่บ้านที่ดีที่สุดก็คือหมู่บ้านตงจี๋แห่งนี้

ไม่เหมือนบ้านเกิดของเธอ เรียกได้เต็มปากว่าความยากจนเป็นบ่อเกิดแห่งคนเลวสารพัด

และก็ไม่เหมือนหมู่บ้านทางเหนือ ร่ำรวย แต่ก็ยังมองกันแค่ผลประโยชน์

มู่เถาเยากับลู่หันซูต่างพยักหน้า

เรื่องนี้ยังไม่รีบจริงๆ

ลู่หันซู “ฉันพาทุกคนไปเดินเที่ยวรอบๆ ดีกว่า ทางนี้ติดภูเขา ทิวทัศน์ใช้ได้”

“ได้”

ทุกคนออกจากบ้าน ลู่หันซูล็อกประตูแล้วพาทุกคนเดินไปทางภูเขา

ระหว่างทางพบคนที่ลงมาจากเขา ต่างยิ้มทักทายทุกคน

มู่เถาเยา “หันซู พวกเธอขึ้นเขาต้องมาทางนี้เหรอ”

“ใช่ มีเส้นทางอื่นอีกนะ แต่เข้ามาทางนี้เส้นทางดีกว่า คนส่วนใหญ่ก็เลยชอบมาทางนี้ ดูจากด้านนอกภูเขาลูกนี้ไม่สูงไม่ใหญ่ แต่พอเข้าไปแล้วมันมีหลายลูกติดกัน ยาวเป็นเทือกเขา ภูเขาที่อยู่ด้านนอกจะมีแต่สมุนไพรที่ถูกปลูก ถ้าอยากได้สมุนไพรป่าต้องเดินเข้าไปอีก”

เฉิงอันนั่ว “ตอนพวกเรานั่งรถมาเห็นทุ่งสมุนไพรเต็มไปหมด เติบโตได้ดีมาก”

“อืม สภาพอากาศทางนี้เหมาะแก่การปลูกสมุนไพรหลายชนิด ตอนนี้ทุกบ้านปลูกสมุนไพรกันหมด พวกธัญพืชกับผักจะปลูกแค่พอกิน”

ปาอิน “งั้นบ้านเธอล่ะ”

“เมื่อก่อนบ้านฉันก็ปลูก แต่พอพ่อเสียก็เลิกปลูก เวลาฉันไปเรียนย่าต้องดูแลแม่ กลัวแม่จะหนีออกจากหมู่บ้าน”

อันตรายมากสำหรับคนที่ไม่ปกติ

“งั้น…เธอเรียนหนังสือ…” ปาอินถามด้วยความระมัดระวัง กลัวจะทำร้ายจิตใจลู่หันซู

“เมื่อก่อนพ่อฉันเป็นหมอเดินเท้าที่มีชื่อเสียงในหมู่บ้าน คนในหมู่บ้านเจ็บป่วยก็ชอบมาหาพ่อฉันไม่ชอบไปโรงพยาบาล ขอแค่ไม่ใช่พวกโรคที่ต้องผ่าตัด พ่อฉันก็รักษาได้หมด ก็เลยพอมีเงินเก็บกับพวกสมุนไพร”

“ที่แท้ก็แบบนี้”

เหลียงจีถอนหายใจเบาๆ “ครอบครัวเธอไม่ง่ายเลยนะ”

“พอไหวค่ะ ถ้ามีเรื่องอะไรคนในหมู่บ้านก็คอยช่วยเหลือค่ะ”

ปู่กับพ่อของเธอมีชื่อเสียงดีมาก เคยมีบุญคุณกับคนในหมู่บ้านมากน้อยแตกต่างกันไป ดังนั้นถ้ามีเรื่องอะไรทุกคนก็ยินดียื่นมือเข้าช่วย

อันที่จริงครอบครัวเธอก็ไม่เคยขอให้คนในหมู่บ้านช่วยเหลืออะไรมาก มีแค่ระยะหนึ่งที่แม่ของเธอชอบวิ่งเข้าไปในหุบเขา ทุกคนก็ช่วยกันตามหาให้

ปาอินถามด้วยความเป็นห่วง “เธอไปเรียนไม่ติดขัดอะไรใช่ไหม”

อยากช่วยจัง แต่ช่วยไม่ได้ ทำได้เพียงถามด้วยความเป็นห่วง

ลู่หันซูยิ้มพูด “ฉันเป็นนักศึกษาที่ถูกรับเข้าพิเศษ มีทุนการศึกษา พอฉันเรียนจบก็หาเงินได้แล้ว ชีวิตความเป็นอยู่ไม่ได้มีปัญหาอะไร ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงนะ”

ปาอินถามด้วยความตกใจ “เธอไม่เรียนต่อปริญญาโทกับเอกเหรอ เรียนหมอจบแค่ปริญญาตรีอาจหางานไม่ราบรื่น…”

“ไว้ค่อยดูอีกที ถ้าแม่ยังไม่หาย…ย่าฉันอายุมากแล้ว อยู่บ้านคนเดียวฉันไม่วางใจ”

ถ้าแม่เธอหาย ดูแลย่าได้ แบบนั้นเธอจะเรียนต่อแน่นอน

ลู่จือฉิน “ต้องหาทางได้แน่นอน”

“นั่นสิคะ ขอแค่ยังมีชีวิตอยู่ เรื่องแค่นี้มันเล็กน้อย”

ทุกคนพยักหน้า

มู่เถาเยา “หันซู เธอเคยเข้าไปในเขาไหม ในนั้นมีสมุนไพรอะไรมากที่สุด”

“อืม ในภูเขาลูกนี้มีสมุนไพรป่ามากกว่าสี่พันชนิด มีสมุนไพรหายากสามสิบกว่าชนิด เช่น กล้วยไม้ ชวีจิงสือหู หญ้าเหยียนหลิง หญ้าสุริยัน…ถ้าจะให้บอกสมุนไพรที่มีเยอะสุด อาจเป็นพวกหญ้าทั่วไปอย่างหญ้าเชอเฉียน หญ้าอ้าย หญ้าหูเอ่อร์ ดอกจินอิ๋ง หลงขุย เป็นต้น”

คนอื่นๆ สนใจกันมาก ตั้งใจฟังเป็นพิเศษ ยกเว้นเหลียงจีกับแม่ลู่

มู่เถาเยา “หันซู คุณน้าเคยเข้าไปในเขาไหม”

“ตอนพ่อยังอยู่เคยพาแม่เข้าไป แต่ก็ไม่กี่ครั้ง เพราะพอแม่เข้าไปจะมีท่าทีตอบสนองที่รุนแรงมาก…”

ทุกคนรู้แล้วว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้แม่ลู่เป็นแบบนั้น จึงไม่พูดเรื่องนี้ต่อ