ตอนที่ 255 วิธีล้างความทรงจำ

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 255 วิธีล้างความทรงจำ

พวกเขาเดินเล่นอยู่แถวนั้นรอบหนึ่ง จากนั้นเฉิงอันนั่วก็ขับรถพาลู่หันซูกับพวกเหลียงจีกลับก่อน เพราะลู่หันซูยังต้องไปขอยืมรถอีกคันที่บรรทุกโถดอกท้อกลับไปได้

มู่เถาเยา ลู่จือฉิน และแม่ลู่ อยู่รอที่บ้านเก่าหลังนี้

“คุณน้าคะ คุณน้ายังจำได้ไหมว่าไปถึงป่าเซียนโหยวยังไง”

“ป่า…เสือมาแล้ว…เจ้าหญิงน้อยรีบหนีไป…”

สีหน้าแม่ลู่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว อยากดึงมู่เถาเยาหนี

“คุณน้าคะ ไม่เป็นไรนะคะ ตอนนี้พวกเราไม่ได้อยู่ในป่า ไม่มีเสือ”

สองมือของมู่เถาเยากดบ่าของแม่ลู่ เพื่อไม่ให้เธอขยับ

แม่ลู่แรงเยอะมาก เกรงว่าลู่หันซูกับย่าช่วยกันก็ยังเอาแม่ลู่ที่เป็นแบบนี้ไม่อยู่

แต่แม่ลู่ก็แค่ถูกพิษ ขอแค่ไม่พูดถึง ‘ป่า’ กับ ‘เจ้าหญิงน้อย’ ปกติเธอก็ค่อนข้างสงบ

เหมือนเด็กน้อย กระดาษขาว ไม่งอแง ย่าลู่คนเดียวก็เลยดูแลได้

“เจ้าหญิงน้อย…อันตราย…ป่าอันตราย…เสือ…”

แม่ลู่กระวนกระวายมาก แต่กลับขยับไม่ได้ เธอจึงร้องไห้ออกมา

“ไม่มีอันตราย เจ้าหญิงน้อยปลอดภัยมาก คุณน้าไม่ต้องกลัวนะคะ ดูสิ พวกเราอยู่ในบ้านกัน ไม่มีเสือ”

ลู่จือฉินยื่นมือไปทางศีรษะแม่ลู่แล้วกดจุดลมปราณของเธอเบาๆ

ทันใดนั้นมู่เถาเยาก็นึกได้ว่า ตอนนี้สมองของแม่ลู่มีความทรงจำเพียงส่วนเดียว ถ้าทำให้เธอลืมเป็นการชั่วคราว งั้นเธอก็จะเหมือนคนความจำเสื่อม…

ซึ่งก็หมายความว่า ใช้วิธีล้างความทรงจำระงับพิษฮ่วนเซี่ยงชั่วคราวได้

ขอแค่สมองว่างเปล่าเหมือนเด็กทารกก็จะระงับพิษฮ่วนเซี่ยงได้ระยะหนึ่ง

แต่พิษฮ่วนเซี่ยงแทรกซึมเข้าไปถึงระยะกลางค่อนปลายแล้ว ต่อให้อยากระงับก็คงไม่ได้นาน อย่างมากก็แค่เดือนเดียว

ช่วงสองสามวันนี้ค่อยหารือกับอาจารย์ถึงแผนการรักษาที่เป็นไปได้กับอาการหลงเหลือระยะยาว

หลังจากลู่จือฉินกดจุดลมปราณ แม่ลู่ก็สงบลง เพียงแต่ใบหน้าซีดเซียว แขนข้างที่สมบูรณ์กอดเอวบางของมู่เถาเยาไว้แน่น แรงเยอะจนแทบหักเอวของมู่เถาเยาได้

มู่เถาเยาก็ไม่ได้ขัดขืน คอยพูดปลอบ

เมื่อเฉิงอันนั่วขับรถบรรทุกขนาดเล็กที่ไม่มีหลังคาพาลู่หันซูมาถึงก็เห็นภาพเหตุการณ์นี้พอดี

ลู่หันซูขอบตาแดงเล็กน้อย

เวลานี้เธอหวังเหลือเกินว่ามู่เถาเยาจะเป็น ‘เจ้าหญิงน้อย’ ที่แม่เธอเรียก

ต่อให้สุดท้ายจะไม่ได้ยาถอนพิษ อย่างน้อย ‘เจ้าหญิงน้อย’ ที่แม่เธอเฝ้าคิดถึงก็ปกติสมบูรณ์ดี

“คุณน้าคะ ขยับไปอยู่กับหันซูก่อนนะคะ หนูจะยกโถดอกท้อออกไปค่ะ”

มู่เถาเยาประคองแม่ลู่ไปหาลู่หันซู

ลู่หันซูรีบประคองแม่ถอยหลัง

“เจ้าหญิงน้อย…”

“แม่คะ เจ้าหญิงน้อยจะช่วยเราย้ายของ พวกเราห้ามเกะกะนะคะ”

ลู่จือฉิน “เสี่ยวเยาเยา พวกเราช่วยกันยก”

เธอเคยให้โถใบนี้แก่มู่เถาเยา ย่อมรู้ว่ามันหนักเท่าไรกันแน่

มู่เถาเยายกขึ้นมาได้ง่ายก็จริง ย้ายออกไปก็ไม่ยาก แต่อย่างไรก็ต้องเปลืองแรงพอสมควร เธอสงสาร

“อาจารย์สาม หนูยกคนเดียวได้ค่ะ ยกสองคนเดินลำบาก”

“งั้นเธอยกไปที่ประตู อาจารย์ค่อยยกออกไปขึ้นรถ”

“ได้ค่ะ”

หลังจากเธอแปดขวบ เยี่ยนหังสามขวบ วรยุทธของเธอก็เรียนรู้มาจากอาจารย์ลู่ น้าชาย และคุณตา มู่เถาเยาย่อมรู้ว่าอาจารย์ตัวเองเก่งขนาดไหน จึงไม่ปฏิเสธ อย่างไรเสียรถก็จอดอยู่หน้าบ้าน เดินไม่กี่ก้าวก็ถึง

เฉิงอันนั่วเห็นเด็กสาวอายุสิบแปดยกโถสัมฤทธิ์ที่ใหญ่กว่าตัวเองหลายเท่าเดินไปทางประตู เขาทั้งปวดใจทั้งอิจฉา

เรื่องที่ผู้ชายอกสามศอกอย่างเขาทำไม่ได้ แต่เด็กสาวคนเดียวทำได้สบายๆ จะบอกว่าไม่สะเทือนใจคงเป็นไปไม่ได้

มู่เถาเยายกโถดอกท้อไปถึงประตูแล้ววางลง

มองความกว้างของประตู ดูเหมือนจะผ่านได้พอดี

“อาจารย์สามคะ คนเดียวยกผ่านลำบาก พวกเรายกกันคนละข้างออกไปดีกว่าค่ะ”

“ได้”

ลู่จือฉินก็สังเกตเห็นแล้ว

มู่เถาเยาอยู่ด้านหน้า ลู่จือฉินอยู่ด้านหลัง ทั้งสองคนยกขอบโถคนละด้านข้ามคานประตู จากนั้นลู่จือฉินคนเดียวก็ยกไปที่รถ สองคนช่วยกันยกขึ้นรถอีกครั้ง

ลู่จือฉินขึ้นรถ ขยับโถดอกท้อเข้าไปด้านใน

“เสี่ยวเยาเยา หันซู พวกเธอกับเหมียวเหมียวนั่งด้านหน้านะ อาจารย์จะอยู่ข้างหลังจับโถสัมฤทธิ์ไว้เอง”

มู่เถาเยาพยักหน้า

เธอกลับอยากอยู่ข้างหลัง ให้อาจารย์นั่งหน้า แต่แม่ลู่เกาะติดเธอตลอด

หลังจากทุกคนขึ้นรถเสร็จเฉิงอันนั่วก็ขับกลับ

ตอนนี้เป็นช่วง ‘บ่ายอ่อนเพลีย’ ชาวบ้านน่าจะกำลังนอนกลางวันอยู่ในบ้าน จึงไม่ค่อยเห็นใครบนถนน

กลับถึงบ้านครอบครัวลู่ ย่าลู่ ปาอิน เหลียงจี พ่อบ้านจง ก็เดินออกมาจากในบ้าน

เดิมทีย่าลู่ยังไม่เชื่อว่าพวกเขาจะย้ายโถดอกท้อกลับมาได้ ตอนนี้พอเห็นของที่อยู่บนรถก็อดตะลึงไม่ได้

ลู่จือฉินขยับโถดอกท้อไปที่ขอบรถ คนอื่นรีบเข้าไปจะช่วยทันที

“ยกกันไม่ไหวหรอก รีบถอยไปดีกว่า”

ทุกคน “…”

ก็จริง พวกเขารวมแรงกันก็ยังไม่ขยับ!

น่ากระอักกระอ่วน

มู่เถาเยายิ้ม เข้าไปอุ้มโถดอกท้อลงจากรถ

ย่าลู่ยืนตัวแข็งทันที

เด็กสาวที่รูปร่างบอบบางน่ารักแบบนี้ทำไมถึงได้มีแรงเยอะขนาดนี้!

ได้ยินหลานสาวบอกว่า เสี่ยวมู่เป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของหมอเทวดาหยวน นึกไม่ถึงว่าไม่เพียงแต่จะมีฝีมือการรักษาที่ล้ำเลิศ ยังมีพละกำลังเป็นเลิศอีกด้วย!

หากไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ชีวิตนี้เธอไม่มีทางจินตนาการออกว่าบนโลกนี้ยังมีคนที่แรงเยอะขนาดนี้ด้วย! แถมยังเป็นแค่เด็กสาว!

หลังจากยกโถดอกท้อลงจากรถเสร็จ มู่เถาเยาก็ถาม “ย่าลู่จะให้เอาโถสัมฤทธิ์วางตรงไหนดีคะ”

ย่าลู่ถูกหลานสาวโบกมือตรงหน้า เหมือนตื่นจากฝัน

“ย่าคะ พวกเรายกโถดอกท้อใบนี้ให้เสี่ยวมู่กับอาจารย์ลู่ได้ไหมคะ ถือเป็นสิ่งตอบแทนที่ช่วยหาสมุนไพรมารักษาแม่”

ย่าลู่ย่อมรู้มูลค่าของโถสัมฤทธิ์ใบนี้ จึงครุ่นคิดอยู่นาน จากนั้นถึงถอนหายใจเบาๆ พูดกับหลานสาวที่ทำสีหน้ามีความหวัง “เสี่ยวซู ปู่ยกให้หลานแล้ว งั้นมันก็เป็นของหลาน หลานอยากยกให้ใครก็ตามใจ”

เธอเสียดายเพราะโถสัมฤทธิ์ใบนี้เป็นของตกทอดมาในตระกูล อีกทั้งมีมูลค่าสะสม ต่อให้ลำบากแค่ไหนก็ไม่เคยคิดเอาไปขายแลกเงิน

แต่ต่อให้พวกเธอไม่ยกให้คนอื่นก็คงวางทิ้งไว้ได้อีกไม่นาน เพราะไม่ช้าก็เร็วคนข้างนอกต้องรู้แน่ว่าหมู่บ้านตงจี๋มีของล้ำค่าพวกนี้ พอถึงตอนนั้น…

พวกเธอสามคนเรี่ยวแรงน้อยนิด จะปกป้องได้อย่างไร ไม่สู้ใช้โอกาสนี้ยกให้คนอื่นดีกว่า

ต่อให้เธอจะไม่ชอบลูกสะใภ้ยังไง แต่นั่นก็แม่ของหลานสาวเพียงคนเดียวของเธอ

ของต่อให้แพงแค่ไหนก็เท่านั้น เทียบกับชีวิตคนไม่ได้

ลู่จือฉินยิ้มพูด “คุณน้าคะ พวกเราเอามันไปวางก่อนดีกว่า เรื่องนี้ไว้ค่อยว่ากัน”

ต่อให้เธอกับลูกศิษย์อยากได้ก็ต้องซื้อกลับมาในราคาท้องตลาดที่ถูกกฎหมาย

เรื่องอยากเอาสมบัติตกทอดของคนอื่นโดยอ้างเรื่องบุญคุณ พวกเธอไม่มีทางทำเด็ดขาด

แล้วนับประสาอะไรกับที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะช่วยรักษาให้หายได้หรือเปล่า

ต่อให้ช่วยได้ มันก็คนละเรื่องกัน

พวกเธอสงสารลู่หันซู กลัวว่าเด็กคนนี้จะหยุดอนาคต เสียดายพรสวรรค์ อยากช่วยเหลือจากใจจริง ไม่ได้คิดอยากได้สิ่งตอบแทน

แต่มุมมองของครอบครัวลู่ไม่เหมือนกัน ต่อให้สุดท้ายรักษาไม่ได้ แต่หมอก็ทุ่มเทไปแล้ว

ดังนั้นการให้สิ่งตอบแทนจึงเป็นเรื่องที่สมควร