ตอนที่ 256 คำปฏิญาณของสำนักแพทย์เทวดา
ย่าลู่ฟังลู่จือฉินพูดแล้วก็พยักหน้า “ได้ ไว้ค่อยว่ากันนะ ย้ายโถดอกท้อไปที่ห้องเก็บอุปกรณ์ก่อน มาทางนี้เสี่ยวมู่”
มู่เถาเยาย่อตัวยกโถสัมฤทธิ์ขึ้น เดินตามหลังย่าลู่
คนอื่นๆ ก็เดินตาม
วางโถดอกท้อเสร็จ ลู่หันซูก็เอาผ้าขนหนูให้มู่เถาเยากับลู่จือฉินเช็ดเสื้อผ้าที่สกปรก
เฉิงอันนั่วเอารถไปคืนเพื่อนบ้านคนเดียว พอกลับมาก็นั่งดื่มชาพูดคุยกับทุกคนที่ห้องรับแขก
มู่เถาเยาเห็นมากันครบแล้วจึงเล่าวิธีรักษาแบบล้างความทรงจำที่เธอคิดได้ให้ทุกคนฟัง
คนอื่นๆ ต่างกำลังคำนึงถึงความเป็นไปได้ยกเว้นย่าลู่ เหลียงจี และพ่อบ้านจง
“เสี่ยวมู่ มันคือการสะกดจิตเหรอ ถ้าไม่มีความทรงจำส่วนนี้ งั้นแม่ฉันจะหายเลยไหม”
มู่เถาเยาส่ายหน้า “ต้องใช้หญ้าร้อยรสถอนพิษ ต่อให้เป็นการสะกดจิตที่สุดยอดแค่ไหนก็ไม่มีทางกดพิษฮ่วนเซี่ยงได้หมด อย่างมากก็ได้แค่เดือนเดียว”
ลู่จือฉินพยักหน้า “ถึงแม้การสะกดจิตจะเป็นพลังที่ลึกลับ แต่ตราบใดที่คนถูกสะกดจิตมีจิตที่แข็ง ก็ยากที่จะถูกสะกดได้ ไม่เหมือนพิษที่ออกฤทธิ์อยู่ในร่างกายคนอย่างแท้จริง ไม่ว่าจิตจะแข็งขนาดไหนหรือร่างกายแข็งแรงแค่ไหนก็ตาม”
ต่อให้เป็นคนที่ไม่รู้เรื่องการแพทย์อย่างเหลียงจี พ่อบ้านจง และย่าลู่ ก็เข้าใจคำพูดของลู่จือฉิน
ลู่หันซู “แต่จะไปหานักสะกดจิตมาจากไหน”
มู่เถาเยา “ฉันทำเป็น ไม่ต้องไปหา ไม่ใช่แค่ใช้การสะกดจิต ยังต้องฝังเข็มช่วยด้วย มิฉะนั้นครึ่งเดือนก็เอาไม่อยู่”
ทุกคนมีสีหน้างุนงง
แม้แต่ปาอินกับเหลียงจีก็ยังไม่รู้ว่ามู่เถาเยาสะกดจิตเป็น ยกเว้นลู่จือฉินกับเฉิงอันนั่ว
ลู่หันซูไม่รู้ว่าตัวเองจะอิจฉาดีไหม
เสี่ยวมู่มีเรื่องให้น่าตื่นตกใจไม่หยุดหย่อน!
ย่าลู่ “เสี่ยวมู่ หลังจากแม่ของเสี่ยวซูถูกล้างความทรงจำส่วนนั้นแล้ว งั้นไม่เท่ากับว่าไม่เหลืออะไรแล้วเหรอ แล้วจะเป็นยังไงต่อ”
“ค่ะ ไม่เหลืออะไรแล้ว เหมือนเด็กทารก กินข้าวอาบน้ำก็ต้องสอน แต่ก็ไม่เหมือนเด็กทารกไปเสียทีเดียว เพราะมีกระบวนการคิด สอนรอบเดียวก็เป็นค่ะ ไม่มีทางยุ่งยากไปกว่าตอนนี้”
ลู่หันซูพูดด้วยความร้อนใจ “งั้นจะมีอาการหลงเหลืออะไรไหม”
“ตอนนี้ยังนึกไม่ออก ช่วงสองสามวันนี้พวกเราค่อยหารือกัน ต่อให้ไม่ล้างความทรงจำก็เหมือนกัน สรุปคือต้องหาหญ้าร้อยรสให้ได้ในครึ่งปี”
ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรมาก แต่ก็ทำให้สองย่าหลานสบายใจขึ้นมาหน่อย
“อืม ฉันกับย่าขอคิดดูก่อน ขอบใจนะเสี่ยวมู่”
“ไม่เป็นไร อันที่จริงฉันทำเป็นหลายอย่าง นอกจากอาจารย์สองคนที่สอนแล้วก็ยังมีอาจารย์สามอีกคน อาจารย์สามของฉันฝีมือสูสีกับอาจารย์ใหญ่อาจารย์รองไม่ว่าจะวิชาการแพทย์หรือวรยุทธ เสี่ยวลู่ อาจารย์สามก็อยากรับเธอเป็นศิษย์นะ”
ลู่จือฉินยิ้มพลางพยักหน้า
ลู่หันซูมีพรสวรรค์มาก จิตใจก็สูงส่ง เธอเสียดายความสามารถ
ย่าลู่ดีใจมาก แทบอยากรับปากแทนหลานสาว
หมอลู่ไม่ถือเป็นคนแปลกหน้าสำหรับคนหมู่บ้านตงจี๋ จึงรู้ความสามารถของเธอดี
ลู่หันซูเม้มริมฝีปากเงียบไปสักพักแล้วถึงตอบ “ขอบคุณค่ะอาจารย์ลู่ แต่หนูยังไม่อยากไปจากเมืองตงตู”
ย่าลู่ร้อนใจ “เด็กคนนี้นี่! ย่าช่วยดูแลแม่ให้ได้ หลานไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ย่าเพิ่งจะอายุหกสิบกว่า ร่างกายแข็งแรงดีจะตาย”
แม้เธอจะไม่ได้ปลูกสมุนไพร แต่ก็สามารถปลูกธัญพืชกับผักได้ในขอบเขตความสามารถที่ตัวเองมี เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ ไม่ว่างแต่ก็ไม่เหนื่อย ถือเป็นการออกกำลังกายพอดี
ย่าลู่พอใจกับสุขภาพของตัวเองมาก
หลานสาวเพิ่งอายุสิบแปด เธอไม่วางใจ จึงไม่กล้าตาย เธอให้ความสำคัญกับสุขภาพของตัวเองมาก
ถ้าเธอไม่แข็งแรง หลานสาวจะไปเรียนข้างนอกอย่างสบายใจได้ยังไง
“คุณน้าไม่ต้องรีบร้อนค่ะ เสี่ยวซูเป็นเด็กกตัญญู เธอไม่วางใจเรื่องครอบครัวก็เป็นเรื่องปกติ ขอแค่เสี่ยวซูไม่เดินทางผิด มาเป็นลูกศิษย์เมื่อไรก็ได้ค่ะ”
ย่าลู่สบายใจแล้ว
หลานสาวของเธอเป็นเด็กดี ไม่มีทางเกเรแน่นอน
ใบหน้าของลู่หันซูก็มีรอยยิ้ม
ปาอินพูดขึ้น “หนูก็อยากฝากตัวเป็นศิษย์ของอาจารย์สามเหมือนกัน”
มู่เถาเยา “เสี่ยวอิน เธอต้องถามคนในครอบครัวก่อนนะ”
ตระกูลปาเคยเป็นหมอสายเวทย์ มีกฎระเบียบในตระกูล
ปาอินเหม่อไปชั่วครู่
ลู่จือฉินยิ้มพูด “ขอแค่เธออยากเรียน ไม่ต้องฝากตัวเป็นศิษย์ก็ได้จ้ะ”
วิชาการแพทย์เอาไว้ช่วยชีวิตคน ใครช่วยก็เหมือนกัน เธอคนเดียวทำอะไรไม่ได้มาก ต้องพึ่งบุคลากรทางการแพทย์ร่วมแรงร่วมใจ
ลู่จือฉินไม่เคยลืมคำปฏิญาณที่เคยให้ไว้กับอาจารย์
‘…ข้าพเจ้าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในขอบเขตวิจารณญาณของตน ปฏิบัติตามหลักศีลธรรมในการแสวงหาประโยชน์ให้แก่ผู้ป่วย หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสื่อมทรามและเป็นอันตรายทั้งหลาย…ไม่ว่าอยู่ที่ใด ไม่ว่าผู้ป่วยที่ต้องการรับการรักษาจะเป็นชายหรือหญิง อิสรชนหรือทาส ข้าพเจ้าจะปฏิบัติต่อพวกเขาทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน การแสวงหาความสุขให้พวกเขาเป็นจุดประสงค์เดียวของข้าพเจ้า…ข้าพเจ้าจะตรวจสอบพฤติกรรมของตนเอง และงดเว้นจากการทำสิ่งเลวร้ายทุกชนิดที่เป็นอันตรายต่อผู้อื่น…’
นี่เป็นคำปฏิญาณตนที่อาจารย์ของเธอส่งต่อ
แม้เสี่ยวเยาเยาจะเป็นลูกศิษย์ของเธอ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นศิษย์ของสำนักแพทย์โบราณด้วย ดังนั้นเธอต้องหาลูกศิษย์ที่จะมาสืบทอด ‘สำนักแพทย์เทวดา’ ของเธอ
ต่อให้โลกนี้จะไม่มีป้ายของ ‘สำนักแพทย์เทวดา’ แต่มีลูกศิษย์ให้สืบทอดคำสั่งสอนของอาจารย์ได้ก็ถือเป็นการสืบทอดแล้ว อย่ายึดติดกับวิธีการ
ลู่หันซูเป็นคนที่เธอเล็งไว้
สาวน้อยที่ชีวิตประสบความยากลำบากขนาดนี้ แต่ในดวงตากลับยังคงเปล่งประกาย จิตใจดี อีกทั้งยังมีจิตใจที่แน่วแน่
จิตใจที่สูงส่งของเธอใช่ว่าคนทั่วไปจะเทียบได้
ปาอิน “ได้เลยค่ะ งั้นหนูจะเรียนกับอาจารย์สามไปพร้อมเสี่ยวเยาเยา”
ลู่จือฉินพยักหน้า “ฉันถนัดฝังเข็ม เธออ่อนเรื่องการฝังเข็มมากกว่าด้านอื่นพอดี งั้นก็ตั้งใจเรียนนะ”
นี่ก็เป็นเด็กที่มีพรสวรรค์สูงเหมือนกัน
น่าเสียดายที่หมอเทวดาปาถิงจากไปเร็ว สอนปาอินได้ไม่กี่ปี มิฉะนั้นปาอินคงรับช่วงต่อจากเขาได้ กลายเป็นหมอเทวดารุ่นใหม่
ปาอินพยักหน้า “ค่ะ หนูจะตั้งใจเรียนรู้จากอาจารย์สามกับเสี่ยวเยาเยาค่ะ”
ทุกคนมีสีหน้าพอใจ
มู่เถาเยามองท้องฟ้าด้านนอก “ตอนนี้ดวงอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้ว พวกเราไปด้านนอกฝังเข็มรับแสงอาทิตย์อัสดงกันค่ะ”
เฉิงอันนั่วไปช่วยหิ้วกล่องยาของอาจารย์อาเล็กอย่างรู้งาน
ตรงลานบ้านมีโต๊ะเก้าอี้ที่ทำจากไม้ชุดหนึ่ง ปกติย่าลู่ชอบนั่งเด็ดผักตรงนี้
หลังจากทุกคนออกไปหน้าบ้านก็ไม่มีใครนั่งที่เก้าอี้ หลีกทางให้มู่เถาเยากับแม่ลู่
ย่าลู่ยิ้มพูด “งั้นย่าไปทำอาหารก่อนนะ”
เหลียงจีกับพ่อบ้านจงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าขอไปช่วย
พวกเขาไม่รู้เรื่องการแพทย์ ดูไปก็เท่านั้น ไม่สู้ไปทำเรื่องที่ตัวเองทำได้
ย่าลู่ก็ไม่ปฏิเสธ
พวกเด็กๆ กว่าจะกลับถึงโรงแรมต้องนั่งรถหนึ่งชั่วโมง รีบทำอาหารให้เสร็จรีบกินจะได้กลับกันเร็วๆ
ลู่หันซูมองสามคนที่เดินไปทางห้องครัว จากนั้นก็หันกลับมามองมู่เถาเยากับแม่ตัวเอง
ลู่จือฉินมองลูกศิษย์ฝังเข็มอยู่ตรงด้านข้าง แค่ยิ้มไม่พูดอะไร
ตอนนี้ฝีมือการฝังเข็มของลูกศิษย์เธอพัฒนากว่าเมื่อชาติก่อน
ไม่ใช่แค่เพราะหมอเทวดาหยวนสอนให้มากมาย ยังเป็นเพราะเสี่ยวเยาเยารู้จักคิดวิเคราะห์เองด้วย พลิกแพลงประยุกต์ใช้ ถึงพัฒนาไปได้เร็ว
ถ้าไม่ติดว่าตอนเธอมาโลกนี้อายุสามสิบกว่าแล้ว ติดเงื่อนไข ไม่เหมือนเสี่ยวเยาเยาที่อยู่ในร่างของเด็กทารก เพราะฉะนั้นแม้แต่เธอก็สู้ลูกศิษย์ไม่ได้
พวกฝีมือต่อสู้ถอยหลังไปแล้ว
อย่างไรเสียร่างกายของคนอายุสามสิบกว่าต่อให้ฝึกยังไงก็สู้เสี่ยวเยาเยาที่ฝึกแต่เด็กไม่ได้
เธอกินบุญเก่าจากชาติที่แล้ว แต่เสี่ยวเยาเยายังมียอดฝีมืออันดับหนึ่งของโลกนี้เป็นอาจารย์ ถ้าแบบนี้แล้วยังเก่งเกินเธอไม่ได้ คนคนนั้นคงไม่ใช่เสี่ยวเยาเยาแล้ว