บทที่ 247 คำพูดและการกระทำมีหลักการของตน หญิงสาวบริสุทธิ์ฉลาดหลักแหลม

พลิกชะตาหมอยา

พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 247 คำพูดและการกระทำมีหลักการของตน หญิงสาวบริสุทธิ์ฉลาดหลักแหลม

ทันใดนั้นดวงตาของฮ่องเต้เซวียนถ่งก็หันไปยังเฮงเฮาที่ตลอดมาไม่รู้ถึงการมีอยู่ : “ว่ามา เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”

ฮองเฮาอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่รู้ว่าควรกล่าวอย่างไร ถึงแม้นางจะเห็นกับตาจริง ๆ แต่ในขั้นตอนนั้น นางก็แค่โกรธและตกใจเพียงเท่านั้น กลายเป็นพวกเดียวกันกับองค์หญิงซีหลันไปได้อย่างไรกัน

ในเวลานี้เฟิ่งชิงหัวกล่าวอย่างเอ้อระเหยอยู่ข้าง ๆ : “ฮองเฮาเหนียงเหนียง ท่านก็พูดเถอะ หรือว่า ท่าคิดจะรอจักรพรรดิประทานการแต่งงานจริง ๆ ให้องค์รัชทายาทแต่งงานกับคนเช่นนี้ ?”

“หุบปาก ใช่เรื่องที่เจ้าจะสอดปาก ? หวันเอ๋อร์ดีขนาดนี้ ช่วยไม่ได้ที่เจ้าจะใส่ร้าย”

“เหอะ ๆ” เฟิ่งชิงหัวหัวเราะ ถากถางอย่างมาก

ฮองเฮามองไปยังใบหน้าของไทเฮาที่ตัดสินใจจะให้เจียงหยูหวันเป็นพระชายาองค์รัชทายาท และมองไปยังจักรพรรดิที่ยังคงเตรียมคล้อยตามไทเฮา หากว่าลงพระราชโองการแล้วจริง ๆ เกรงว่าเรื่องราวจะยิ่งยาก

ครั้งก่อนองค์รัชทายาทเพราะงานที่ถอนหมั้นของตระกูลหนานกงจึงทำให้พระองค์ไม่พอใจ ตอนนี้ เมื่องานแต่งนี้ประทานแล้ว ก็จะไม่มีทางที่จะย้อนกลับได้

ฮองเฮามองลูกชายของตนเองอย่างลึกซึ้ง ในที่สุดก็รวบรวมความกล้า

“ดี ข้าจะพูด เรื่องเป็นเช่นนี้ วันนี้องค์หญิงซีหลันมาเยี่ยมเยือนข้า จากนั้นคุณหนูเจียงก็มา ทั้งสองเกิดการเสียดสีกันขึ้นเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองก็พนันกัน ให้ข้าเป็นพยาน…”

ฮองเอาเล่าทุกอย่างที่เฟิ่งชิงหัวพูดเกี่ยวกับเจียงหยูหวันที่เหยียบเรือสองแคม ในที่นี่นอกจากเฟิ่งชิงหัวและฮูหยินเฒ่าเจียงที่สลบไปไม่ได้แสดงออกอะไร ใบหน้าของคนอื่น ๆ ก็เปลี่ยนไปไม่มากก็น้อย

ความตกใจตั้งแต่แรกของฮ่องเต้เซวียนถ่ง ใบหน้าของเขาซีดเซียวในตอนท้าย โดยเฉพาะประโยคนั้นของเจียงหยูหวัน เพื่อที่จะไม่แต่งกับเจ้าเจ็ดของตนเอง คาดไม่ถึงว่าจะแกล้งป่วย ตามฮูหยินเฒ่าเจียงกลับบ้านเกิด

เรื่องนี้เขารู้ดี ในตอนนั้นเจ้าเจ็ดนอนไม่สบายอมทุกข์อยู่บนเตียงเพราะอาการบาดเจ็บ เขาจึงอยากประทานแต่งงานให้เขา เพื่อให้เขาสบายใจขึ้น ใครจะไปคิดเจียงหยูหวันผู้นั้นจู่ ๆ ก็ป่วยอย่างรุนแรง ในตอนนั้นเขาไม่ได้คิดอะไรมาก ในตอนนี้ทุกอย่างกลับปะติดปะต่อกันขึ้นมา

ไทเฮาเองก็คิดไม่ถึง ผู้หญิงที่นางบอกว่าน่ารักฉลาดหลักแหลม จะเป็นเช่นนี้

ถึงแม้นางไม่ชอบจ้านเป่ยเซียว แต่อย่างไรจ้านเป่ยเซียวก็เป็นหลานของตน จ้านเป่ยเซียวนั้นอัมพาตจริง แต่นั่นก็เป็นคนของราชวงศ์ เป็นคนที่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างนางกล้าเมินเฉยรึ ?

ตอนนี้ยังคิดอยากจะแต่งงานกับองค์รัชทายาท ฝันลม ๆ แล้ง ๆ ไปเถอะ !

สีหน้าขององค์รัชทายาทเองก็ไม่ดีนัก ใบหน้าที่ปกติดุจดั่งอาบลมในฤดูใบไม้ผลิก็เต็มไปด้วยความหม่นหมอง

เดิมทีคิดว่าแต่งงานกับเจียงหยูหวันก็จะเป็นการกระทบกับจ้านเป่ยเซียว ใครจะไปรู้ ว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นสาวใจง่าย ด้านหนึ่งแบ่งให้ตนเอง อีกด้านแอบไปสารภาพที่ห้องของเจ้าเจ็ด แม้กระทั่งเมื่อวันก่อน ยังไปขวางรถม้าของจวนอ๋องเฉิน

ในเวลานี้ฮองเฮามองไปยังการแสดงออกของไทเฮากับจักรพรรดิ ก็รู้สึกสบายกายสบายใจ ทันใดนั้นก็รู้สึกยินดีหลังจากลำบากมานาน

โดยเฉพาะไทเฮา เจ้ามิใช่ว่าอยากให้จักรพรรดิประทานแต่งงานรึ ตอนนี้รู้ว่าคนที่ประจบประแจงเจ้าเป็นเช่นนี้ ข้าจะดูว่าเจ้ายังจะมีหน้าอะไร !

เจียงหยูหวันค่อนข้างห่างจากคนอื่น ๆ ในตอนที่ได้ยินฮองเฮาพูด นางก็รู้ ครั้งนี้ตนเอง กลับตัวไม่ได้แล้วจริง ๆ

ขณะนี้ท่านย่ายังไม่ได้สติ ถึงแม้ว่าฟื้นขึ้นมา ก็ไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้

นางในตอนนี้ไม่มีความรู้สึกตื่นตระหนกเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว เพียงแค่หันหลังให้คนมากมายด้วยสีหน้าแข็งทื่อ มองไปยังใบหน้าที่นอนสลบของท่านย่า

การเปลี่ยนแปลงของจ้านเป่ยเซียวเล็กน้อยมาก เพียงแค่ในตอนที่ได้ยินรายละเอียดรู้สึกไม่ค่อยพอใจ

ฮ่องเต้เซวียนถ่งกล่าวเสียงเย็น : “เจ้าเจ็ด ที่ฮองเฮาพูดเป็นเรื่องจริง คุณหนูตระกูลเจียง หากเคยสกัดพระชายาเจ็ดบอกว่าให้นางยอมยกตำแหน่งให้ และยังเคยบุกเข้าไปในห้องของเจ้าคนเดียว และยังเขียนจดหมายให้เจ้า ?”

หัวคิ้วของจ้านเป่ยเซียวขมวดแน่นเล็กน้อย ราวกับเลี่ยนเอียน กล่าว “อืม”

“เสด็จพ่อ เสด็จแม่ เสด็จย่า ข้าวิงวอนให้ยกเลิกคำสั่งที่ประกาศไปด้วย ลูกไม่อยากแต่งงานกับหญิงที่เป็นสาวใจง่ายเช่นนี้” จ้านถิงเฟิงดึงแขนเสื้อออก คุกเข่าลงอ้อนวอน

ฮ่องเต้เซวียนถ่งยกมือขึ้น “เจ้าลุกขึ้นก่อน เรื่องนี้เป็นอันยกเลิก ต่อไปนี้อย่าได้กล่าวถึงอีก”

คนสองรุ่นของตระกูลเจียงเป็นคนภักดี จึงไม่ได้ที่เขาจะประณามเพราะผู้หญิงคนเดียว หวาดกลัวใจของลูก ทว่าความน่าเกรงขามของราชนิกุลไม่สามารถก้าวล่วงได้

“เจียงหยูหวันฟังพระราชโองการ”

เจียงหยูหวันหันมาอย่างทื่อ ๆ เข่าทั้งสองคุกเข่าลง แตะศีรษะลงพื้น ไม่พูดอะไรสักคำ

“จากวันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าย่าหลาน ไม่อาจเข้ามาในวังได้อีก งานเลี้ยงพระราชวัง ก็ไม่ต้องเข้าร่วม !” ฮ่องเต้เซวียนถ่งกล่าวเสียงเย็น

“เจียงหยูหวัน รับพระนาชโองการ” เจียงหยูหวันกล่าวอย่างฝืนทำ

ไทเฮาได้ยินเช่นนี้ ก็กล่าวเสียงเบา : “เช่นนั้นองค์หญิงซีหลันเล่า ถึงเป็นเช่นนี้ นางก็ไม่ควรเหยียดหยามผู้อื่น”

“เสด็จแม่ พอเถอะ นางเป็นคนทำตนเองให้อับอาย นางคิดว่าสามารถซ่อนความจริงได้ จะไทโทษนางไม่ได้ หากนางไม่ใช่ผู้หญิง วันนี้ข้าคงให้นางตายอยู่ที่นี่เป็นแน่ ! หน้าเทียนหลิงของข้า โดนนางทำลายสิ้นแล้ว !” ฮ่องเต้เซวียนถ่งม้วนตัวกลับกล่าวด้วยความโมโห

ไทเฮาเห็นเช่นนี้ ก็หดคอ ขณะนี้ไม่กล้าพูดอะไรอีก ขาดความมั่นใจเป็นอย่างมาก

ฮ่องเต้เซวียนถ่งพูดจบ ก็สะบัดแขนเสื้อและจากไป

จ้านถิงเฟิงประคองฮองเฮาขึ้น พูดที่ข้างหูนางสองสามประโยค และก็จากตามไป

จ้านเป่ยเซียวยืนขึ้นอย่างอ้อยส้อย มองเฟิ่งชิงหัวอย่างลึกซึ้ง

จ้านเป่ยเซียวเพิ่งจะจากไป ทันใดนั้นเฟิ่งชิงหัวก็ลุกขึ้นกล่าวลา เพิ่งจะออกจากประตูตำหนัก ฮูหยินเฒ่าเจียงที่เดิมทีนอนอยู่บนตั่งนุ่มก็ตื่นขึ้นหันมาอย่างเอ้อระเหย

“ไทเฮาเหนียงเหนียง ท่านฟื้นแล้ว ?” ฮูหยินเฒ่าเจียงลุกขึ้นจากตั่งนุ่ม มองตรงไปยังไทเฮา กลับไม่เห็นคนในห้อง โดยเฉพาะองค์หญิงซีหลัน

เห็นสีหน้ามืดครึ้มของไทเฮา ฮูหยินเฒ่าเจียงยิ้มกล่าว : “ไทเฮาเหนียงเหนียงอย่าได้โกรธเลยเพคะ เพื่อคนที่ไม่รู้จักละอายคนเดียวไม่คุ้มพ่ะย่ะค่ะ”

นางเข้าใจว่า องค์หญิงซีหลันโดนลงโทษและถูกลากออกไปแล้ว ถึงอย่างไรนิสัยของไทเฮา ถ้าไม่เอาคนคนนั้นมาลอกผิวหนังทรมานก็ไม่สามารถเลิกราได้

ใครจะรู้ จู่ ๆ ไทเฮากลับเดือดดาลขึ้นมาทันที : “เจ้านั่นแหละไม่รู้จักละอาย เจ้ากับหลานของเจ้ามันไม่รู้จักละอายเช่นเดียวกัน ใครก็ได้ โยนเจ้าสองคนนี้ออกไปที ข้าไม่อยากจะเห็นสองคนนี้อีกแล้ว !”

พูดจบไทเฮาก็ลุกขึ้น โดยที่แม่นมพยุงเดิน

ในตอนที่ฮูหยินเฒ่าเจียงถูกลากออกไปก็ตะโกนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ดึงดูดคนมาจำนวนไม่น้อย จนกระทั่งเจียงหยูหวันกระซิบข้างหูนาง ทั่วทั้งตัวนางก็ราวกับว่ามีคนมาแตะจุดฝังเข็ม ทุกข์ใจไม่ส่งเสียง โดยคนลากออกมาอย่างเงียบ ๆ

ในตอนที่เฟิ่งชิงหัวเดินออกมาจากหอนอนของฮองเฮา คนรับใช้ข้าง ๆ ก็ตามไปอย่างฉลาด : “องค์หญิงไม่เกิดอะไรขึ้นใช่ไหมเพคะ ?”

“เจ้าเป็นคนไปเรียก ?” เฟิ่งชิงหัวเลิกคิ้ว

“บ่าวเห็นองค์หญิงถูกคนรุม เป็นห่วงองค์หญิง จึงได้ไปหาจักรพรรดิเทียนหลิง”

“เจ้าฉลาดมาก”

“องค์หญิงมักจะเหลียนซินนั้นขี้ระแวง”

เฟิ่งชิงหัวได้ยินเช่นนั้นก็เลิกคิ้ว ฟังยังไงก็ไม่รู้สึกว่าประโยคนี้เป็นคำที่ดีอย่างไร

“เจ้าไม่ใช่ขี้ระแวง เรียกว่าเฉลียวฉลาด คำพูดและการกระทำมีหลักการของตนโดยไม่ด้รับผลจากสภาพแวดล้อม หญิงสาวบริสุทธิ์ฉลาดหลักแหลม ไม่เลวเลย” เฟิ่งชิงหัวตบไหล่ของนาง เอามือไขว้หลังละเดินไปข้างหน้า

เหลียนซินมองไปยังแผ่นหลังของคนตรงหน้า สีหน้ามืดหม่นเล็กน้อย จากนั้นไม่นาน ก็ก้มหัว เดินตามเจ้านายตระกูลตนเองอย่างระมัดระวัง