หยานชิงเจ๋อชะงักไปครู่หนึ่งถึงจะเข้าใจความหมายของหลานเสี่ยวถาง “พี่สะใภ้ พี่หมายความว่า……”
ถึงแม้ว่าหลานเสี่ยวถางจะเหนื่อยล้าจนถึงขีดสุดแล้ว แต่ทว่า ในตอนนั้นเอง ร่างทั้งร่างกลับยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยกำลัง ที่หางตามีแต่ความปีติก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “เมื่อครู่นี้ฉันยืนอยู่ที่ด้านหน้าของหน้าต่างก็รู้สึกว่าได้แรงบันดาลใจเหมือนกันค่ะ คุณดูสิคะ จำนวนไวรัสที่วิ่งเข้าไปในที่เก็บนี่แบ่งออกเป็นการไหลเวียนเล็กมาก ๆ เลยล่ะ ดูเหมือนกับพระอาทิตย์เลยค่ะ เป็นเพราะว่าเยอะมาก ก่อนหน้านี้พวกเราก็เลยไม่สามารถวิเคราะห์ได้เลยว่าที่ไหนกันแน่ที่เป็นแบบจำลอง ของเหล่านี้ถึงเป็นไวรัส แต่ทว่า พวกเรากลับต้องการให้ที่กักเก็บนั้นเปิดช่องว่างเล็ก ๆ ออกมาให้เราก่อนเสียก่อน ปิดสถานที่อื่น ๆ เอาไว้ให้หมด หลังจากนั้นก็ให้มันเข้าไปในช่องโหว่นั่น……”
เธอพูดมาจนถึงตรงนี้ นัยน์ตาของหยานชิงเจ๋อก็เป็นประกายขึ้นมาทันที เขาลุกขึ้นยืนจากที่นั่งในทันที ก่อนจะเดินเข้าไปหา แล้วสวมกอดหลานเสี่ยวถางเอาไว้แน่น “พี่สะใภ้ ทำไมเมื่อก่อนฉันคิดไม่ถึงเลยนะ?! ครั้งนี้ถือว่าเป็นเพราะพี่เลยนะครับเนี่ย!”
หลานเสี่ยวถางยิ้มอย่างวางตัวไม่ถูกเล็กน้อย “นิดหน่อยเองจ้ะ ฉันก็แค่พูดเหตุผลให้ฟังเฉย ๆ เองนะ รายละเอียดในการทำทั้งหมดนั้น ก็ยังคงต้องให้ทางฝั่ง DR เป็นคนจัดการ ความเป็นมืออาชีพของฉันเมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว ยังคงห่างชั้นกันอยู่มากเลยล่ะ……”
“ไม่ครับ ความเป็นมืออาชีพในเรื่องนี้มันก็มาจากการเรียนรู้สั่งสมมานั่นแหละครับ แต่ทว่าความคิดนั้นไม่อาจจะประเมินราคาได้” หยานชิงเจ๋อเอ่ย “พี่สะใภ้ครับ เมื่อก่อนมูเฉินเคยบอกเอาไว้ว่า พรสวรรค์ด้านนี้ของพี่ไม่เลวเลย ดูท่าแล้วนะครับ เขาไม่ได้โอ้อวดพี่หรอก แต่ทว่าพี่น่ะกลับใช่จริง ๆ เลยน่ะสิครับ!”
หลานเสี่ยวถางได้รับการยืนยัน ก็ตื่นเต้นดีใจมาเช่นกัน เธอนั่งลงตรงหน้าคอมพิวเตอร์อีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะจัดแจงแก้ไขรายละเอียดด้วย ID ของเธอ
หลังจากที่หยานชิงเจ๋อบอกกล่าวหลักการและเหตุผลต่อทางฝั่ง DR แล้วภายในตัวห้องก็เงียบสงบลงอีกครั้ง มีเพียงแค่เสียงดีดของแป้นพิมพ์ที่ไม่ขาดสายเท่านั้น จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงเที่ยงวัน
ในตอนสุดท้าย หลานเสี่ยวถางกำหนดคำสั่งสุดท้ายเสร็จแล้ว เดิมก็เลยนอนหลับอยู่หน้าคอมพิวเตอร์โดยไม่ตอบสนองอะไรเลย
ซูสือจิ่นเดินเข้ามาหา ก่อนจะห่มเสื้อเอาไว้บนร่างเธอตัวหนึ่ง
แต่ทว่ากลับไม่เห็นทางอินเทอร์เน็ตฝั่งนั้นเลย ในตอนที่ชายหนุ่มที่สวมใส่ตุ้มหูสีฟ้าแล้วพิมพ์คำสั่งเข้าไปนั้น เขาไม่อาจจับสังเกตได้ถึงสัญญาณเตือนนั่นได้เลย
ห้ามส่ง!
เขาเบิกตากว้าง ก่อนจะใส่ลงไปอีกครั้ง!
แต่ทว่า ไม่ว่าเขาจะลองไปสักกี่ครั้ง สุดท้ายแล้วโปรแกรมก็ให้ผลลัพธ์เช่นเดิมแก่เขาเหมือนเดิม
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาหน้านิ่วคิ้วขมวดมากขึ้นหลายส่วน นัยน์ตาของเขาส่งประกายเย็นยะเยือกออกมา นิ้วมือเรียวยาวเริ่มพิมพ์คำสั่งอีกอย่างลงไป จนกระทั่ง หาต้นตอจนพบแล้ว——
ถูกเจาะได้แล้วอย่างนั้นหรือ?
หลังจากที่ฝั่งตรงข้ามต่อสู้จนเป็นเวลาสี่สิบแปดชั่วโมงแล้ว ในที่สุดก็สามารถเจาะระบบไวรัสที่เขาตั้งเอาไว้ได้แล้ว?!
อีกทั้งภายใต้การไม่มีอำนาจสูงสุดอย่างสือมูเฉินด้วยเนี่ยนะ?!
เขานั่งอยู่ทางด้านหน้าคอมพิวเตอร์ ตกอยู่ในภวังค์เล็กน้อย
หากเทียบกับสือมูเฉินแล้ว ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ในทุกครั้ง ก็แทบจะเป็นสือมูเฉินที่ได้รับชัยไป
อันที่จริงแล้ว ในตอนนั้นเขาเองก็รู้สึกว่าตนเองไม่เลวเลยทีเดียว
เป็นเพราะว่าสือมูเฉินมีกลุ่ม DR ทั้งกลุ่มอยู่ อีกทั้งยังมีหยานชิงเจ๋ออีกคนด้วย ส่วนเขา มีเพียงแค่ตัวคนเดียว เป็นเพียงแค่เพราะว่าเขามีจิตใจที่มุมานะอย่างบ้าคลั่ง ดังนั้นแล้ว จึงสามารถรับเอาความน่าเวทนาของการพ่ายแพ้ในทุกครั้งเอาไว้อยู่ตลอดในทุก ๆ ครั้ง
แต่ทว่าครั้งนี้ อาศัยจังหวะในตอนที่สือมูเฉินไม่อยู่ เขาก็รู้สึกว่าคงจะสามารถได้รับชัยทั้งหมดได้ เอาหลักฐานที่แท้จริงมาได้ นำเอาความลับที่สือมูเฉินปกปิดเอาไว้ในหลายปีมานี้ไปป่าวประกาศให้ทุกคนได้รับรู้
แต่ทว่า ในตอนที่กำลังจะสัมผัสเข้ากับชัยชนะได้นั้นเอง ทำไมถึงพ่ายแพ้ได้ล่ะ?
อันที่จริงแล้ว ชัยชนะและการพ่ายแพ้ ห่างกันเพียงแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น แต่ทว่า กลับห่างและต่างกันราวกับฟ้าแล้ว!
สีหน้าของเขาหดหู่ลงเล็กน้อย ภายในหัวใจมีความผิดหวังตีตื้นขึ้นมา หลังจากนั้น ในช่วงวินาทีเดียวก็กลับแผดเผาเป็นเปลวเพลิงอีกครั้งเสียแล้ว
ในครั้งนี้ฝั่งตรงข้ามป้องกันโดยการถอยทัพกลับไป ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนเลย หรือว่า ทางฝั่ง DR นั่นจะมีสมาชิกใหม่เข้ามา?
เมื่อคิดมาจนถึงตรงนี้แล้ว เขาเปิดอินเทอร์เน็ตเพื่อติดตาม ก่อนจะค้นหา ID นั้น
สุดท้ายแล้ว เขาก็ตามหารหัสของ ID นั้นเจอแล้วแต่ทว่ากลับใช้นามแฝงเอาไว้ว่า ผู้พิทักษ์
เจ้าผู้พิทักษ์นี้ เป็นใครกันแน่นะ?
เขาจะต้องตามหาให้ได้ หลังจากนั้น ภายใต้แผนการรบครั้งใหม่ จะกำจัดให้สิ้นซากเสีย!
หลานเสี่ยวถางเมื่อหลับไปก็หลับลึกมาก แม้กระทั่งหยานชิงเจ๋ออุ้มเธอไปนอนบนเตียงผู้ป่วยอีกเตียงแล้ว เดิมก็ไม่รู้สึกตัวเลย
ยุ่งมาทั้งวันแล้ว หยานชิงเจ๋อจึงละตัวออกมา เจียงซีหยู่จึงเอ่ยกับเขาว่า “ชิงเจ๋อ คุณกลับบ้านไปพักเถอะค่ะ ที่นี่มีฉันกับสือจิ่นก็พอแล้วล่ะ”
หยานชิงเจ๋อไม่ได้นอนมาสองวันสองคืนเลยแม้แต่นาทีเดียว ตอนนี้เองก็ได้รับการคะยั้นคะยอ เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วจึงหยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ครับผม มีเรื่องอะไร ให้โทรหาผมได้เลยนะครับ หรือว่า ให้ไปหาสือจิ่นหรือไม่ก็พี่สีเกอก็ได้”
เจียงซีหยู่พยักหน้าหงึกหงัก “ค่ะ”
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง ในตึกของ Times Group นั้นเอง สือมูชิงกำลังเรียกประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่แล้ว
เขานั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ รู้สึกเพียงแค่ว่าสองสามเดือนที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ได้รับแต่ความน่าเวทนา ในตอนนี้เองก็พลิกกลับกันแล้ว ดังนั้นจึงบันดาลโทสะจนแทบจะอ้วก!
“ทุกท่านครับ เป็นเพราะว่าสองวันมานี้มูเฉินสุขภาพไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นแล้ว ก็เลยไม่สามารถมาเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่ได้ชั่วคราวนะครับ” สือมูชิงเอ่ย “วันนี้ที่เชิญทุกท่านมา ก็เป็นเพราะว่าต้องการจะหารือเกี่ยวกับปัญหาของตำแหน่งประธานบริษัทครับ……”
เขาพูดไป ก่อนจะแจกเอกสารให้ทุกคนหนึ่งฉบับ
ที่นั่งกันอยู่ ใครไม่ได้เป็นพวกคนเก่าคนแก่บ้างล่ะ? เมื่อก่อนเกิดเรื่องอะไรขึ้นนั้น ทุกคนก็ย่อมต้องรู้ดีอยู่แก่ใจแล้ว
แต่ทว่า เมื่อหยิบเอกสารขึ้นมา ทุกคนก็ยังคงแสร้งมีท่าทางพลิกดูไปมาอยู่ครู่นึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ หันไปแสดงความยินดีแก่สือมูชิงกันทีละคน
เพียงแต่ ในนั้นเองก็มีพวกที่ภักดีต่อสือมูเฉินอยู่สองสามคนด้วย แต่ทว่าดูจากแนวโน้มแล้ว ถึงแม้ว่าตนเองจะยืนหยัดต่อไปนั้น เดิมก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแนวโน้มได้ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา
“เอาละครับ ไม่ทราบว่าหลังจากที่ทุกท่านได้อ่านเอกสารแล้ว มีความคิดเห็นกันอย่างไรบ้างครับ?” สือมูชิงเดินเข้ามาในบริเวณ
ทุกคนล้วนแล้วแต่เห็นด้วยกับการที่จะให้สือมูเฉินลงจากตำแหน่งประธานบริหารของบริษัท แล้วให้สือมูชิงเข้ารับตำแหน่งแทน
เมื่อได้ยินคำยินดีแล้ว ภายในหัวใจของสือมูชิงลิงโลด แต่ทว่า สีหน้าบนใบหน้ากลับไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมาเลย
เขาทั้งยังกล่าวอย่างเกรงอกเกรงใจอีกสองประโยค จนกระทั่งทุกคนมีความคิดเห็นไปในทางเดียวกันแล้ว จึงเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “เอาละครับ ในเมื่อทุกท่านเห็นความสำคัญของผมมากขนาดนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นแล้วผมยินดีตอบรับไม่สู้วัน……”
ในตอนที่กำลังจะพูดประโยคต่อไปนั้นเอง ในตอนนั้น ประตูของห้องทำงานก็ถูกเปิดออกเสียแล้ว
สือมูชิงมองเห็นบุตรชายของตนเองที่ไม่ได้พบกันมานาน อดไม่ได้ที่จะชะงักไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นจึงยิ้มออกมา “เพ่ยหลิน เข้ามานั่งสิ”
“คุณพ่อครับ ผมมีเรื่องจะคุยกับพ่อ พวกเราออกไปกันก่อน ไปที่ห้องทำงานของพ่อดีไหมครับ?” สือเพ่ยหลินแทบจะกลับมาเป็นอย่างเดิมแล้ว ร่างทั้งร่างราวกับว่าแฝงไปด้วยลมเล็กน้อย
“เพ่ยหลิน การประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่ยังไม่จบเลยนะ ถ้าหากว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร……” สือมูชิงกระวนกระวายเล็กน้อย ตำแหน่งของประธานบริหารของ Times Group นั้นกำลังจะได้มาอยู่แล้วเชียว ถ้าหากไม่ได้กลับคืนมาจริง ๆ เรื่องอื่นนอกจากนั้นก็คือเรื่องเล็กทั้งนั้น!
“พ่อครับ เป็นเรื่องที่สำคัญมาจริง ๆ นะครับ” สีหน้าของสือเพ่ยหลินเคร่งขรึมมากขึ้น “ไม่กี่นาทีเองครับ พ่อตามผมไปที่ห้องทำงานเถอะ”
“ก็ได้” สือมูชิงพยักหน้า ก่อนจะหันไปเอ่ยขอโทษแก่ผู้ถือหุ้นคนอื่น ๆ หลังจากนั้นก็เดินตามสือเพ่ยหลินเข้าไปในห้องทำงาน อีกทั้งยังปิดประตูอีกด้วย
“พูดมาสิ เรื่องอะไร?” สือมูชิงเอ่ย
สือเพ่ยหลินก็ไม่ได้อ้อมค้อม อีกทั้งยังเอ่ยขึ้นมาตามตรงอีกว่า “พ่อครับ ถ้าหากว่าตอนนี้พ่อถอนตำแหน่งของคุณอา ถ้าอย่างนั้นแล้ว ผมก็อาจจะไม่ได้รับการช่วยเหลือแล้วนะครับ”
“หมายความว่าอย่างไร?” สือมูชิงขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยขึ้น
“พ่อครับ โรคนั่นของผม พ่อก็ทราบดีครับ ก่อนหน้านี้คุณอาพาพวกเราไปที่อเมริกา……” คำพูดของสือเพ่ยหลินยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยจนจบ ก็ถูกสือมูชิงขัดเข้าให้เสียแล้ว
เขาเอ่ยปากขึ้นมาว่า “เพ่ยหลิน ตอนนี้แกยังไม่รู้สึกอีกหรือไง? อาของแกน่ะทั้งหมดก็แค่หยอกล้อแกเล่นเท่านั้นเอง! ทุก ๆ ครั้งต่างก็บอกว่ามีความหวัง สุดท้ายแล้วล่ะ? เขาก็แค่ให้ความหวังกับแกเล็กน้อยเท่านั้นเอง เพื่อที่จะมาควบคุมพวกเราเอาไว้เท่านั้น!”
“ครั้งนี้จริง ๆ นะครับ” สือเพ่ยหลินสบตามองดวงตาของสือมูชิงก่อนจะเอ่ยว่า “เป็นเพราะว่า ยาในครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่คุณอาฝั่งนั้น แต่ทว่าอยู่ในกำมือของเสี่ยวถางครับ เป็นเพราะว่าความบังเอิญก็เลยเกิดความผิดพลาดครับ ตอนนั้นที่อเมริกาเสี่ยวถางช่วยเหลือท่านผู้หนึ่งของออเนอร์คนหนึ่งเอาไว้ครับ ขอเพียงแค่เสี่ยวถางยินยอม ผมก็สามารถที่จะได้รับความช่วยเหลือได้ตลอดเวลาเลย ถ้าหากว่าเธอไม่ยินยอม ถ้าอย่างนั้นแล้ว……” เขาไม่ได้เอ่ยพูดต่อ
สือมูชิงชะงักไปครู่หนึ่งเลยจริง ๆ “แกบอกว่าเป็นเสี่ยวถางหรือ?”
เมื่อเห็นสือเพ่ยหลินพยักหน้าแล้ว ใบหน้าของสือมูชิงก็เริ่มซีดเผือด เขารู้สึกว่าร่างทั้งร่างของตนเองมีเหงื่อผุดขึ้นมาเสียแล้ว “ก่อนหน้านี้พระสงฆ์รูปนั้นเคยบอกว่า เสี่ยวถางเป็นคนที่มีความสำคัญมากต่อแก สามารถช่วยแกผ่านพ้นด่านเคราะห์ภัยได้……ดังนั้นฉันก็เลยให้แกตามหาเธอมาโดยตลอด ให้เธอเปลี่ยนใจกลับมา ที่แท้แล้ว ในเรื่องราวทุกอย่างของทุกอย่าง ในความเป็นจริงแล้วก็ถูกกำหนดเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วอย่างนั้นหรือ?”
นัยน์ตาของสือเพ่ยหลินฉายประกายความเศร้าโศกออกมา “ครับผม ถ้าหากว่าผมไม่หย่ากับเธอ บางทีเรื่องราวทุกอย่างอาจจะราบรื่นกว่านี้…….”
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้……” จู่ ๆ สือมูชิงก็สัมผัสได้ถึงอะไรที่สำคัญบางอย่างได้ขึ้นมาทันที
ในเมื่อ ถึงแม้ว่าเขาจะเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัทอีกครั้งหนึ่ง ก็ไม่สามารถแลกมาด้วย—ชีวิตที่สำคัญของบุตรชายของตนเอง
ตาชั่งนี้ เดิมก็ไม่จำเป็นที่จะต้องตรงเท่านั้น ก็เอนไปทางสือเพ่ยหลินทางนั้นแล้ว!
“พ่อครับ ถ้าหากว่าพ่อประกาศถอดตำแหน่งของคุณอาไป ถ้าอย่างนั้นแล้ว ผมเชื่อว่าเสี่ยวถางจะไม่ช่วยผมอีกแล้วแน่เลยครับ” น้ำเสียงของสือเพ่ยหลินแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมในทันที “เพราะว่าผมดูออก ว่าเธอแคร์เขามากครับ”
“ยังดีนะ——” สือมูชิงรู้สึกราวกับว่าหัวใจของตนเองกำลังนั่งรถผ่านภูเขา ขึ้น ๆ ลง ๆ ทำให้เลือดในกายของเขาพุ่งขึ้นลงตาม เขาพยุงเข้ากับโต๊ะทำงาน “ยังดีที่เมื่อครู่นี้ฉันยังไม่ได้ให้ทนายความทำเรื่องอย่างเป็นทางการ ดังนั้นแล้ว ทุกยังอย่างคงทันเวลาอยู่”
สือเพ่ยหลินพยักหน้า “ตอนนี้ควรที่จะให้สื่อที่ใส่สีตีไข่ด้านนอกหุบปากก่อนครับ เพื่อป้องกันให้ไม่กระทบต่อคุณอาและเสี่ยวถาง รอให้ผมหาโอกาสที่จะตามหาเสี่ยวถางพบก่อน แล้วอธิบายเรื่องนี้กับเธอดี ๆ หลังจากนั้น ก็จะเอ่ยถึงเรื่องยาของผม……”
“ได้สิ เรื่องผู้ถือหุ้นน่ะ พ่อกับแกจะเข้าไปด้วยกัน” สือมูชิงกัดฟันไปมาแล้วเอ่ยว่า “ถ้าหากว่าหลังจากที่เธอให้ยามาแล้ว พวกเราก็ค่อยฮุบตำแหน่งประธานของมูเฉินอีกครั้งหนึ่ง ไม่ได้มากอะไรเลย ฉันจะให้ย่าของแกนำหุ้นของฉันไปให้กับเธอด้วย ตำแหน่งประธานบริษัทนี้ ชั่วชีวิตนี้ฉันก็ไม่เอาแล้วล่ะ!”
“พ่อครับ——” นัยน์ตาของสือเพ่ยหลินเคล้าไปด้วยน้ำตา “ขอโทษนะครับ เป็นผมที่ทำลายความฝันของพ่อเอง”
“ไม่หรอก” สือมูชิงยื่นมือไปตบเบา ๆ เข้าที่หัวไหล่ของสือเพ่ยหลิน “เพ่ยหลิน แกนั่นแหละเป็นความฝันของพ่อ รอให้แกรักษาโรคจนหายแล้ว ก็จะไม่ทำอย่างนี้ต่อไปแล้วล่ะ แกก็ช่วยทำความฝันของพ่อให้เป็นจริงแทนเข้าล่ะ!”
“ครับ”สือเพ่ยหลินพยักหน้า
ที่ทำให้ผู้ถือหุ้นไม่เข้าใจเลยก็คือ ไม่รู้ว่าสือเพ่ยหลินพูดอะไรไป จู่ ๆ สือมูชิงก็ยกเลิกการประชุม ไม่มีการประชุมผู้ถือหุ้นชั่วคราว อีกทั้งตำแหน่งประธานบริษัท ด้านหน้าก็ยังคงเป็นสือมูเฉินอีกด้วย!
แต่ทว่า ไม่เพียงแค่ในตอนนี้เท่านั้น แม้กระทั่งสื่อที่อยู่ด้านนอกในตอนนี้ก็สามารถคาดเดาได้แล้วว่าหลังจากที่สือมูชิงเข้ารับตำแหน่งใหม่อีกครั้งหนึ่งแล้ว ข่าวสงครามของ Times Group ก็ถูกหิมะกลบไปเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังตามหาร่องรอยไม่พบอีกด้วย
ในตอนนั้นเอง หลานเสี่ยงถางขยับร่างไปมา ลืมตาขึ้น
อันที่จริงแล้วเธอยังคงง่วงมาก เปลือกตายังคงหนักอึ้ง แต่ทว่า เป็นเพราะว่าหิวมากแล้ว ก็เลยหิวจนตื่นขึ้นมาเสียแล้ว
เธอลุกขึ้นนั่ง สับสนงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง ถึงจะรู้สึกตัวว่าตอนนี้ตนเองอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลแล้ว
เธอหย่อนตัวลงจากเตียง ขยับตัวไปพลางก่อนจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่บริเวณลำคอไปพลาง หลังจากที่ออกมาถึงค้นพบว่า ท้องฟ้าในตอนนี้เป็นสีดำเรียบร้อยแล้ว
ผ่านไปวันหนึ่งแล้วหรือ?
“พี่สะใภ้ พี่ตื่นแล้วหรือคะ?” ซูสือจิ่นลุกขึ้นก่อนจะเอ่ยต่อว่า “หิวหรือเปล่าคะ ฉันสั่งอาหารให้พี่ดีไหม”
“อืม หิวจะตายอยู่แล้วล่ะ!” หลานเสี่ยวถางหัวเราะ “ฝากสั่งก๋วยเตี๋ยวผัดเนื้อวัวด้วยอีกอย่างหนึ่งก็พอจ้ะ”
พูดไป เธอก็เดินเข้าไปหาสือมูเฉิน เอ่ยว่า “มูเฉินยังไม่ตื่นหรือ?”
ซูสือจิ่นอธิบายว่า “ค่ะ หมอบอกว่า พี่เฉินไม่ได้มีปัญหาอะไรแล้วล่ะ แต่ทว่าเป็นเพราะว่าการให้น้ำเกลือยังแบ่งตัวกันไม่เสร็จ ดังนั้นก็เลยยังไม่ตื่นค่ะ”
ในตอนนั้นเอง เจียงซีหยู่กลับเข้ามาจากด้านนอกพอดี ก่อนจะเอ่ยกับหลานเสี่ยวถางว่า “พี่สะใภ้คะ มีคนสองคนมาหาพี่ค่ะ ดูเหมือนว่าจะเป็นรองประธานบริษัทของ Times Group ค่ะ……”