ในบ้านพักของจิ่วเซียนทั้งเก้าบนยอดเขาพิชิตสวรรค์ ในขณะนี้ จิ่วอูรีบบินกลับและพุ่งเข้าไปในบ้านพักของเขาทันที เขาหยิบถุงเก็บสมบัติออกมาสองถุง แล้วหยิบขวดโอสถสองสามขวดออกมาจากถุงเก็บสมบัติใบหนึ่ง และหยิบม้วนภาพเหมือนที่วิจิตรงดงามกองหนึ่งออกมาจากถุงเก็บสมบัติอีกใบหนึ่ง จากนั้น คำแนะนำของหลี่ฉางโซ่วก็ผุดขึ้นมาในใจของนักพรตเต๋าร่างเตี้ย
“ท่านอาจารย์ลุง อย่าลืมดูม้วนกระดาษก่อนเพื่อจดจำภาพเหล่านั้น แล้วพยายามลืมภาพที่อยู่ในใจออกไป จากนั้นจึงลองกินโอสถปรารถนานี้อีกครั้งเพื่อดูว่าจะได้ผลหรือไม่ โปรดจำไว้ว่า ท่านกินโอสถมากเกินไปไม่ได้ เพียงเม็ดเดียวจะปลุกอารมณ์ท่านได้ สองเม็ดจะช่วยให้ท่านไม่เหนื่อย แต่หากสามเม็ดก็จะสร้างปัญหาได้ง่าย”
จิ่วอูสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วกระซิบว่า “ศิษย์หลานฉางโซ่ว อนาคตของข้าอยู่ในมือของเจ้าแล้ว!” กล่าวจบ เขาก็ค่อยๆ คลี่ม้วนภาพที่เขียนเอาไว้ว่า ‘หนึ่ง’ ออกอย่างสงบและเห็นบทกวีสองบรรทัด
“ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงจะสิ้นสุดเมื่อใด ท่านรู้เกี่ยวกับความฝันที่ยังคงวนเวียนอยู่ในใจข้ามากเพียงใด”
จากนั้น ม้วนภาพวาดก็ค่อยๆ คลี่ออกเผยให้เห็นภาพวาดงามวิจิตรสุดบรรยายที่ถูกวาดด้วยหมึกอย่างประณีตพิถีพิถัน…
ทันใดนั้น จิ่วอูก็ค่อยๆ รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ และค่อยๆ มองลงมาดู ก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา…
และครึ่งชั่วโมงต่อมา เขาก็คลี่เปิดม้วนภาพวาดทั้งหมดและกินโอสถอีกเม็ด ก่อนจะนั่งอยู่ในภวังค์อย่างงุนงงอยู่เงียบๆ
ในครั้งนี้ หลังจากผ่านไปไม่นาน จิ่วอูก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับร้องไห้
เขาร้องไห้จนลูกกระเดือกของเขาสั่นสะท้าน ขณะที่ดวงตาแดงก่ำ…
นี่คือ!
นี่คือความรู้สึกที่หายไปนานกว่าสิบปี!
“ซือซือ ซือซือ! ตอนนี้ข้าสบายดี!”
ชั่วขณะนั้น นักพรตเต๋าร่างเตี้ยก็ รีบเก็บโอสถ และหยิบม้วนภาพวาด แล้วรีบออกจากบ้านพักเพื่อไปที่บ้านของคู่บำเพ็ญเต๋าของเขา
และหลังจากครึ่งเดือนต่อมา
ในเวลานี้ จิ่วอูและจิ่วซือจับมือกันและมุ่งหน้าไปยังยอดเขาหยกน้อยด้วยกันเพื่อขอบคุณหลี่ฉางโซ่ว แล้วกล่าวว่า หลี่ฉางโซวช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างยอดเยี่ยมและเป็นหมอชั้นสูงทรงคุณค่าอย่างยิ่ง…และอื่นๆ
หลังจากนั้นหลิงเอ๋อก็หัวเราะลั่นอย่างกลั้นไม่ไหว
และในขณะที่การแข่งขันกำลังใกล้เข้ามา จิ่วอูก็มอบสมบัติอมตะและอาวุธเวทคุณภาพระดับสูงสุดสองชิ้นเป็นของขวัญให้หลี่ฉางโซ่ว และหลี่ฉางโซ่วก็ไม่ปฏิเสธ เขารู้ว่าอาจารย์ลุงจิ่วอูทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลระดับบริหารมาตลอดทั้งปีและมีภูมิหลังตระกูลที่ร่ำรวย ดังนั้นเขาจึงยอมรับสมบัติทั้งสามชิ้นมาและมอบสุรามังกรพิษให้กับอาจารย์ลุงจิ่วอูไปสามไห
หลังจากรวบรวมผลกระทบและฟื้นฟูพลังต้นกำเนิดบรรพกาลแล้ว ก็ดูเหมือนว่า ท่าทางของอาจารย์ลุงจิ่วอูจะอ่อนแอกว่าเมื่อครึ่งเดือนก่อนเล็กน้อย
เดิมทีหลี่ฉางโซ่วคิดว่าเขาจะปล่อยเรื่องนั้นนิ่งเฉยไป…
สมบัติอมตะนั้นเป็นกระบี่สั้น ซึ่งหลี่ฉางโซ่วได้มอบมันให้หลิงเอ๋อร์ใช้ป้องกันตัวต่อไป
หลี่ฉางโซ่วเก็บอาวุธเวทคุณภาพระดับสูงสุดสองชิ้นเอาไว้เอง เขาคิดว่าจะใช้พวกมันเพื่อการวิจัยค้นคว้าหลังจากได้ศึกษากฎห้ามของการหลอมมันต่อไปได้อย่างไร
หลี่ฉางโซ่วตั้งเป้าหมายในการแข่งขันครั้งนี้ให้กับหลิงเอ๋อร์ แม้หลิงเอ๋อร์จะคิดเปิดเผยขอบเขตพลังการฝึกฝนที่แท้จริงของนาง แต่นางก็ต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อจะได้ครองอันดับภายในหนึ่งร้อยแปดอันดับแรก!
และด้วยเหตุนี้ หลังจากนั้น หลิงเอ๋อร์ก็จะได้รับความสนใจจากสำนักมากขึ้นเท่านั้น
ความจริงแล้ว ในขณะนี้ หลี่ฉางโซ่วเป็นไพ่ไม้ตายของยอดเขาหยกน้อย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นอีกต่อไป ไม่ว่าศิษย์น้องหญิงของเขาจะซ่อนขอบเขตพลังเอาไว้หรือไม่ก็ตาม
เพียงแค่ต้องใส่ใจกับการรักษาสามสัตย์สาบาน หากเพียงหลิงเอ๋อร์อยู่ข้างนอก และนางรักษาสัญญาของนาง และไม่สร้างปัญหาใดๆ ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย สำหรับตัวหลี่ฉางโซ่วเอง จริงๆ แล้วเขาไม่ได้คาดหวังอะไรมากสำหรับการแข่งขันภายในสำนัก เขาเพียงแค่ต้องการให้ได้อยู่ภายในสามสิบหก อันดับแรก จึงไม่มีประโยชน์ที่จะต่อสู้มากขึ้น
แต่ละวันผันผ่านไป บัดนี้ ต้นไม้วิญญาณเล็กๆ ที่ปลูกไว้ทางด้านหลังภูเขาก็กำลังเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง แล้วตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็จะมีเยื่อไม้สำรองอย่างต่อเนื่อง
ต้นไม้โบราณที่ทำงานหนักมากขึ้นเรื่อยๆ เหล่านั้นก็เช่นกัน…
ถูกหลี่ฉางโซ่วตัดเฉือนมันเหมือนตัดฟืน
ท้ายที่สุด พวกเขารู้มากเกินไป และหากฆ่าพวกมันอีกครั้ง หลังจากที่พวกมันกลายเป็นวิญญาณไปแล้ว มันก็จะเป็นเรื่องโหดร้ายมากเกินไป
เวลานี้มันยังเป็นต้นไม้อยู่ ซึ่งคงจะดีกว่า หากตัดพวกมันออก พวกมันจะไม่เจ็บปวดและตายไปอย่างสงบ
ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา ท่านอาจารย์อาน้อยทำตัวค่อนข้างดี ดูเหมือนว่า นางจะกลัวรบกวนการฝึกฝนของหลี่ฉางโซ่ว และหลิงเอ๋อร์
และพวกเขาสองคนอาจเป็นศิษย์รุ่นเยาว์ที่มีจิตใจที่มั่นคงที่สุดในสำนัก ก่อนที่จะถึงการแข่งขันภายในสำนัก
เมื่อพวกเขาทั้งสองมีเวลาว่าง ก็จะคุยกันถึงวิธีที่จะช่วยอาจารย์ของพวกเขาให้เอาชนะความโศกเศร้าในใจของเขา คำแนะนำของหลิงเอ๋อร์ก็คือ การหาคู่บำเพ็ญเต๋าให้กับอาจารย์ของพวกเขา ซึ่งหลี่ฉางโซ่วก็เห็นด้วยเช่นกัน
แต่หลี่ฉางโซ่วยังกล่าวอีกว่า เรื่องนี้ต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ควรจะเร่งร้อนกับมัน
หลังจากนั้น เวลาอีกสองสามเดือนก็ผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว แล้วยอดเขาต่างๆ ของสำนักตู้เซียนก็ได้ปล่อยลำแสงออกมาอย่างต่อเนื่องทุกวัน และมีคนมากมายปรากฏกายขึ้นอย่างไม่สิ้นสุดเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันครั้งใหญ่นี้
บรรยากาศเช่นนี้คล้ายกับโลกมนุษย์ในช่วงแห่งการเฉลิมฉลองอย่างยิ่ง
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็เริ่มสั่งสอนวิธีป้องกันตัวเองให้กับหลิงเอ๋อร์ เขาแบ่งปันกลเม็ดง่ายๆ ให้กับศิษย์น้องหญิงของเขาเพื่อให้นางก้าวหน้าไปได้ง่ายขึ้น
ในบรรดาศิษย์เหล่านั้น หลิงเอ๋อร์เป็นคนสุดท้ายที่เข้ามาสู่สำนัก แต่ขอบเขตพลังการฝึกฝนของนางไม่ได้แย่ที่สุด
บัดนี้ ยังมีเวลาอีกครึ่งเดือนก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น และที่ยอดเขาพิชิตสวรรค์ก็ได้เริ่มจัดวางสถานที่แล้ว เหล่าผู้อาวุโสส่วนใหญ่ที่เข้าปิดด่านตลอดทั้งปีต่างก็ออกมาเพื่อเตรียมพร้อมที่จะชมงานอันยิ่งใหญ่ของสำนักตู้เซียนที่ถูกจัดขึ้นในทุกๆ รอบสองร้อยปี…
นอกจากนี้ สำนักตู้เซียนยังส่งเทียบเชิญไปยังโลกภายนอก เพื่อเชิญสำนักทั้งหลายในดินแดนเทวะบูรพา ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับสำนักตู้เซียน ตลอดจนกลุ่มอื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินอีกด้วย
บัดนี้ กลิ่นอายลมปราณเซียนจินของเจ้าสำนักตู้เซียนจะแผ่กระจายออกมาเป็นครั้งคราว สักครั้งหรือสองครั้ง
หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกกังวลถึงเขาเช่นกัน เวลานี้ ไม่รู้ว่าท่านเจ้าสำนักจะยังกระอักเลือดอยู่บ้างหรือไม่…
เดิมทีนั้น หลี่ฉางโซ่วคิดว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนการแข่งขัน
ดูเหมือนว่า ผู้คนในยอดเขาเซียนหลินจะลืมเรื่องเซียนเสิ่นไขว่ซือไปแล้วชั่วคราว และสภาพโดยรอบของสำนักตู้เซียนนั้นก็มั่นคงอยู่แล้ว ย่อมไม่มีผู้ใดคิดวางแผนทำร้าย
ในขณะที่ทางฝ่ายของสำนักเทพทะเล ในที่สุดการพัฒนาที่รุนแรงของพวกเขาก็มีเสถียรภาพแล้ว เผ่าพันธุ์มังกรได้ยังยับยั้งตัวเอง พวกเขาไม่ได้ไปประจันหน้ากับกลุ่มอื่น และทำเพียงแค่เก็บรักษาบุญที่ได้รับเอาไว้เท่านั้น
หลี่ฉางโซ่วได้สะสมบุญจากเครื่องสักการะบูชาเอาไว้มากมายแล้ว บัดนี้เขาเกือบจะสร้าง…ส่วนเล็กๆ ของร่างทองออกมาจากบุญ…
แต่สิ่งที่หลี่ฉางโซ่วคิดไม่ถึงก็คือ อาจารย์ลุงจิ่วอูขับเคลื่อนเมฆมาที่ยอดเขาหยกน้อยพร้อมกับของขวัญมากมาย
เมื่อเห็นหลี่ฉางโซ่ว นักพรตเต๋าร่างเตี้ยก็เผยรอยยิ้มแฝงนัยออกมาแล้วกล่าวว่า “ฉางโซ่ว เจ้ายังมีโอสถปรารถนาอยู่อีกหรือไม่”
หลี่ฉางโซ่วพลันขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ลุง ท่านยังไม่ควรใช้ยาเหล่านั้นจนหมด…”
“จริงๆ แล้วยังไม่หมดหรอก” สีหน้าของจิ่วอูรู้สึกกระดากเล็กน้อย จากนั้นเขาจึงตั้งม่านพลังกันเสียงแล้วเอ่ยว่า “อืม ไม่รู้ว่าเหตุใดท่านอาจารย์ถึงรู้เรื่องระหว่างข้ากับซือซือแล้ว”
เขากล่าวต่ออีกว่า “ท่านอาจารย์ถามข้าว่าเกิดอันใดขึ้น ข้าจึงอธิบายสั้นๆ โดยไม่ได้พูดอะไรถึงเจ้าเลย ข้ายังจำคำปฏิญาณได้ เพียงแต่ว่าในครานั้น เมื่ออาจารย์ถามเรื่องนี้กับข้า ก็มีผู้อาวุโสอีกสองคนอยู่ที่นั่น แล้วผู้อาวุโสคนหนึ่งก็มาหาข้า…”
“ฉางโซ่ว เจ้าควรรู้ว่าหากฝึกฝนนานเกินไป สภาพจิตใจของเจ้าจะเฉยชา ผู้อาวุโสก็มีคู่บำเพ็ญเต๋าด้วย จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะกังวลเกี่ยวกับเรื่องเช่นนี้ ข้าจึงปฏิเสธพวกเขาไม่ได้ เมื่อต้องหยิบโอสถปรารถนาออกมา…แล้วเดาสิว่าเป็นอย่างไร เฮ้! มันได้ผลจริงๆ!”
ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วอดจะเอามือก่ายหน้าผากของเขาไม่ได้…เขาช้าเกินไปจริงๆ
เขาฝึกฝนในสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินเพื่อหาผู้สนับสนุนในการปกป้องตัวเองเพื่อที่เขาจะได้เก็บเกี่ยวผลอายุยืนได้สำเร็จ!
ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อเปิดหอโอสถและขายโอสถปรารถนา และข้าก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อร่วมมือกับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่เชื่อใจไม่ได้และยังสร้างปัญหา!
จิ่วอูยิ้มและกล่าวว่า “ฉางโซ่ว เจ้ายังหลอมโอสถปรารถนาได้อีกหรือไม่ เจ้าต้องการวัสดุอะไร ข้าจะเอามาให้เจ้าที่นี่ทันที!”
“ไม่มีแล้วขอรับ” หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะอย่างยืนยันหนักแน่นและกล่าวว่า “ยากมากที่จะหลอมเม็ดโอสถเหล่านี้ขึ้นมาได้ และมันจะไม่มีอีกแล้วขอรับ”
ทันใดนั้น อาจารย์ลุงจิ่วอูดูผิดหวังอย่างยิ่งก่อนจะเอ่ยถามเบาๆ ว่า “จริงหรือ เช่นนั้น ข้าจะกลับไปบอกพวกผู้อาวุโส เฮ้อ เสียดาย พวกเขาเตรียมของขวัญเอาไว้มากมายเพื่อขอบคุณเจ้า และยังสัญญาว่าเมื่อเจ้าบรรลุสู่เซียนแล้ว พวกเขาจะให้พระสูตรนิรกรรมเล่มต่อไปกับเจ้าเพื่อเป็นรางวัล…”
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วพลันแย้มยิ้มและคิดว่า ข้าเป็นคนที่สั่นคลอนได้เพราะมีของล่อใจหรือ
ใช่สิ
บัดนั้น หลี่ฉางโซ่วจึงหยิบขวดกระเบื้องหกขวดออกมาจากแขนเสื้อแล้วกล่าวว่า “ข้าจะให้ผู้อาวุโสแต่ละคนแค่เพียงส่วนเดียวเท่านั้น ข้าไม่มีอีกแล้วจริงๆ”
และนอกจากนี้ เขายังต้องเหลือบางส่วนเอาไว้สำหรับสัตว์วิญญาณในกรงสัตว์วิญญาณของเขาอีกด้วย…