บทที่ 270 เหตุผลของการท้าทาย

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 270 เหตุผลของการท้าทาย

บทที่ 270 เหตุผลของการท้าทาย

ถังอวี่เฟยมองอู๋ฝานตอบ จากนั้นจึงเอ่ย “มีคนอยากท้าทายหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ค่ะ”

“ใครครับ?” อู๋ฝานรู้ดีว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์คือประธานของชมรมการต่อสู้ แต่ก็ไม่ได้คาดคิดว่าจะมีใครกล้าท้าทายเธอ

“เหอเหลียง” ถังอวี่เฟยกล่าวตอบ “เขาเป็นประธานชมรมคาราเต้ค่ะ”

“โอ้” อู๋ฝานตอบรับ

“โอ้? ไม่ห่วงหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เลยเหรอคะ?” ถังอวี่เฟยเอ่ยถาม “รู้หรือเปล่าคะ ว่าเหอเหลียงฝึกฝนคาราเต้มาหลายปี ได้ยินว่าเขาเก่งระดับสายดำเลย คนทั่วไปเทียบเขาไม่ได้หรอกนะคะ”

“หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ใช่คนธรรมดานี่ครับ” อู๋ฝานตอบ “เธอเป็นผู้ฝึกตนนะ”

กล่าวถึงเรื่องการฝึกตน ถังอวี่เฟยก็เป็นผู้หญิงจากตระกูลถัง ดังนั้นย่อมทราบเรื่องนี้ดี มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อู๋ฝานจะสามารถพูดคุยกับเธอได้

ในฐานะผู้ฝึกตน ต่อให้เป็นขอบเขตสว่างขั้นต้น ก็ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะเทียบได้ แม้อู๋ฝานไม่ทราบแน่ชัดว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์แข็งแกร่งถึงระดับใด แต่คาดว่าอย่างน้อยหญิงสาวจะต้องเป็นขอบเขตสว่างระดับสูง ชายหนุ่มไม่กังวลว่าขอบเขตสว่างขั้นสูงจะรับมือกับนักคาราเต้สายดำได้อย่างไร

“งั้นคุณก็รู้ตัวตนผู้ฝึกตนของเธอแต่แรกอยู่แล้วนี่เองสินะคะ” ถังอวี่เฟยยิ้มตอบรับ “ไม่แปลกใจที่จะไม่กังวล แต่สถานการณ์วันนี้อาจแตกต่างไปบ้างนะคะ ได้ยินว่าเหอเหลียงเชิญปรมาจารย์คาราเต้ตัวจริงมาจากประเทศต้นกำเนิด เพื่อมาชี้แนะกิจกรรมชมรมโดยเฉพาะ คนทั่วไปทราบก็รู้แค่ว่านักคาราเต้แข็งแกร่งที่สุดคือสายดำเก้าดั้ง แต่เหนือไปกว่านั้นก็ยังมีระดับอื่นอยู่ ในสายตาของปรมาจารย์คาราเต้ สายดำเก้าดั้งเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น แล้วก็ไม่ใช่แม้แต่จุดเริ่มต้นจริง ๆ ที่จะต้องข้ามผ่านด้วยซ้ำ เหอเหลียงจงใจเลือกใช้โอกาสท้าทายหลิ่วเหยียนเอ๋อร์วันนี้ เชิญตัวยอดฝีมือคาราเต้ที่แท้จริงมาจากประเทศอาทิตย์อุทัย ฉันเกรงว่าเรื่องคงไม่เรียบง่ายเหมือนที่คิดเอาไว้แต่แรกหรอกค่ะ”

“ทำไมเหอเหลียงถึงท้าประลองกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์กันล่ะครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม

ด้วยตัวตนเช่นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ ที่ทั้งวันเอาแต่ขลุกตัวอยู่ในมหาวิทยาลัย แทบไม่ได้ออกไปทำอะไรเลย ก็ไม่น่าจะไปหาเรื่องใครเข้า อีกทั้งเธอยังสวยถึงขนาดนั้น ใครจะกล้าคิดท้าประลองกำลังกับสาวงาม? คิดอย่างไรก็ยากที่จะเข้าใจ

“ไม่ทราบเหรอคะ? หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ได้บอก?” ถังอวี่เฟยเอ่ยถาม

“ไม่ทราบครับ หรือว่าจะมีเรื่องลึกลับอะไรเบื้องหลัง?” อู๋ฝานเอ่ยถาม

“ไม่รู้หรอกนะคะว่าทุกเช้าที่วิ่งกับเธอ พวกคุณคุยอะไรกันบ้าง ถึงขนาดไม่รู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ” เป็นอีกครั้งที่ถังอวี่เฟยต้องเหม่อมองอู๋ฝาน “หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เป็นหนึ่งในสองดอกไม้ทองคำของสถานศึกษา ดังนั้นจึงต้องมีคนมากมายมาตามจีบ แน่นอนว่าดอกไม้ทองคำอีกคนหนึ่งนั้น… ก็มีหลายคนไล่ตามจีบเช่นเดียวกันค่ะ อยากรู้ไหมคะว่าเป็นใคร?”

“เข้าเรื่องเถอะครับ”

“นี่แหละประเด็นค่ะ” ถังอวี่เฟยตอบกลับ เพียงแต่เธอก็ยังเปลี่ยนหัวข้อกลับมายังหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ “มีหลายคนที่ตามจีบหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ค่ะ รู้ ๆ กันอยู่ว่านิสัยของเธอเป็นยังไง เธอไม่ชอบปัญหาอะไรพวกนี้ ดังนั้นตอนที่เข้ามหาวิทยาลัยครั้งแรก เธอเลยประกาศชัดว่าไม่ชอบผู้ชายอ่อนแอ ผู้ชายของเธอจะต้องแข็งแกร่งกว่าเธอ ตอนแรกก็ไม่มีใครรู้เบื้องหลัง คิดว่าเธอเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง หลายคนเลยท้าเธอประลอง แต่พวกที่ท้าประลองก็แพ้ให้กับเธอกันทั้งนั้น แถมยังถูกเล่นงานจนยับ หลัง ๆ มานี้คนกล้าท้าทายเธอก็ลดจำนวนน้อยลง จนกระทั่งช่วงปีที่สอง หลังเธอได้เป็นประธานชมรมการต่อสู้ พวกที่กล้าท้าทายเธอก็ยิ่งน้อยลงไปอีก และครั้งนี้ ตอนที่เหอเหลียงกล้าท้า หมายความว่าเขาจะต้องเตรียมการมาแล้วอย่างแน่นอนค่ะ”

“ก็เลยจะบอกว่า ที่เหอเหลียงท้าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ ก็เพราะต้องการจีบเธอเหรอครับ?” อู๋ฝานถามกลับ

“แล้วคิดว่ายังไงคะ?” ถังอวี่เฟยเอ่ยถาม “หรือว่ารู้สึกไม่สบายใจ?”

เห็นรอยยิ้มของถังอวี่เฟย อู๋ฝานก็เขินอายไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบ “ก็ไม่มีอะไรนี่ครับ อย่าพูดอะไรไร้สาระสิ”

“ถ้าเธอได้ยินแบบนี้ คงเสียใจไม่น้อยเลยนะคะ” ถังอวี่เฟยหัวเราะ

ทำไมหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ถึงต้องเสียใจ? เรื่องนี้อู๋ฝานไม่ทราบ

แม้ทั้งสองคนจะออกกำลังกายด้วยกันทุกเช้าแทบทุกวัน แต่การแลกเปลี่ยนบทสนทนาก็ไม่ได้มีมากมายอะไร คนทั้งสองราวกับเข้าใจกันไปเอง อู๋ฝานไม่ได้ถาม หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็ไม่ได้พูดอะไรมากความ

“รู้หรือเปล่าคะว่าทำไมคุณถึงมาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยได้?” ถังอวี่เฟยเอ่ยถามขึ้นมา

“ครับ? รู้เหรอครับ?” อู๋ฝานถามกลับ

แท้จริงเรื่องนี้เป็นประเด็นที่อู๋ฝานคาใจมาโดยตลอด ตอนนั้นเขาเล่นบาสที่สนาม แต่แล้วเยวี่ยหลินซานกลับใช้แค่การเล่นบาสในช่วงไม่ถึงหนึ่งรอบการแข่งขันดีด้วยซ้ำก็ยอมรับในตัวเขาแล้ว กระทั่งเป็นคนแนะนำเชื้อเชิญ ไม่ถามประวัติ ไม่ถามคุณสมบัติ ไม่ถามอะไรทั้งนั้น เรียกได้ว่าดูไม่รอบคอบเลยแม้แต่น้อย หากเป็นโรงเรียนประถมที่กำลังหาครูสอนวิชาพละ ก็อาจจะตามสบายไม่ได้คิดอะไรมาก ทว่าที่นี่คือมหาวิทยาลัยเจียงโจว เป็นสถาบันการศึกษาแนวหน้าระดับประเทศ ต่อให้เปิดรับสมัครอาจารย์พละ ก็ไม่ใช่ว่าจะมองข้ามอะไรหลายอย่างขนาดนี้ได้

อู๋ฝานเดาว่ามันน่าจะต้องมีเหตุผลอื่นที่เขาไม่ทราบอยู่

และตอนนี้มองจากคำพูดของถังอวี่เฟย ก็เหมือนกับว่าเธอจะพอรู้อะไรมา

แต่ตอนนี้เองก็ได้เวลาคาบเรียนถัดไปแล้ว ถังอวี่เฟยลุกขึ้น พลางบอกกับอู๋ฝาน “ถ้าอยากรู้ ลองถามหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ดูค่ะ เรื่องนี้เกี่ยวกับเธอ ไม่ใช่อะไรที่ฉันสะดวกพูดนักหรอกค่ะ”

เกี่ยวข้องกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์?

อู๋ฝานยิ่งนึกก็ยิ่งสับสนและสงสัย

ก่อนหน้านี้ครั้งแรกที่เยวี่ยหลินซานได้เจอกับตัวเขา เขาแทบไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์อะไรกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ ถ้าอย่างนั้นมันจะเกี่ยวข้องกับเธอได้ยังไง?

แต่ดูจากท่าทีของถังอวี่เฟย เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวคงไม่คิดพูดออกมา ดังนั้นอู๋ฝานคงไม่อาจถามอะไรจากเธอได้ ถ้าอยากทราบก็ต้องถามจากหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เอง

เมื่อจบคาบเรียนพละ อู๋ฝานและถังอวี่เฟยก็มุ่งหน้าไปยิมการต่อสู้ ระหว่างทาง ชายหนุ่มตระหนักว่ามีหลายคนที่กำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกัน

“เร็วเข้า! การแข่งใกล้จะเริ่มแล้ว ถ้าไปช้าเดี๋ยวไม่มีแม้ที่ยืนแน่”

“สงสัยจริง ๆ ว่าครั้งนี้ใครจะชนะ”

“ให้เดาก็คงหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ เธอแข็งแกร่งขนาดนั้น ไม่เคยเห็นมีใครอยู่รอดได้เกินหนึ่งนาทีมาก่อน”

“ก็อาจไม่ใช่เสมอไป เหอเหลียงเป็นคาราเต้สายดำ เขาอาจจะชนะหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ได้ก็ได้นะ”

“ไม่รู้เลยว่าใครจะชนะหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ แล้วก็จะได้ควงหญิงงามขนาดนั้น”

“ไม่ใช่ทั้งฉันและนายแน่นอน!”

ระหว่างทาง ฝูงชนต่างพูดคุยกันไปพลาง เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้เบื้องหลังของการแข่งขั้นในครั้งนี้เป็นอย่างดี พวกเขาที่ไม่ได้เห็นใครท้าทายหลิ่วเหยียนเอ๋อร์มานาน ตอนนี้เหอเหลียงท้าประลองแล้ว ไม่แปลกหากจะมีคนไม่น้อยมารวมตัวเพื่อรับชม

หลายคนสนับสนุนหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ แต่อีกหลายคนก็สนับสนุนเหอเหลียง แต่โดยทั่วไปแล้วฝ่ายที่สนับสนุนหลิ่วเหยียนเอ๋อร์จะมีจำนวนมากกว่า เพราะไม่เพียงแต่ฝีมือที่หญิงสาวเคยแสดงให้เห็น แต่ยังมีเรื่องสำคัญยิ่งกว่าคือการที่ไม่มีใครอยากเห็นโฉมงามระดับนั้นมีคู่ควง พวกเขาไม่ได้หวังให้มีใครก็ตามคว้าเอาไป ไม่อย่างงั้นแล้วใจของพวกเขาคงเกิดความรู้สึกหวานอมเปรี้ยวขึ้นมา

ระหว่างทางถังอวี่เฟยยังคงดึงความสนใจคนไม่น้อยให้หันมามอง ด้วยฐานะหนึ่งในสองดอกไม้ทองคำของสถาบัน คนที่ตามจีบหญิงสาวก็ไม่ได้มีน้อยไปกว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ อีกทั้ง หากเทียบกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ผู้มีท่าทีเย็นชา คนร่าเริงอย่างถังอวี่เฟยนั้นเข้าหาได้ง่ายกว่า

แต่ผ่านมาก็หลายปีแล้ว กลับไม่มีการพูดถึงว่ามีใครที่สามารถตามจีบถังอวี่เฟยได้สำเร็จ