บทที่ 271 สารภาพต่อหน้าสาธารณชน

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 271 สารภาพต่อหน้าสาธารณชน

บทที่ 271 สารภาพต่อหน้าสาธารณชน

ตอนที่อู๋ฝานและถังอวี่เฟยเร่งมาถึงยิมการต่อสู้ ก็พบว่าที่นี่มีคนรออยู่ไม่ใช่น้อยแล้ว

ถังอวี่เฟยที่เป็นที่รู้จักดีในฐานะโฉมงามแห่งมหาวิทยาลัย อู๋ฝานก็เป็นอาจารย์ดาวรุ่ง ทั้งสองจึงสามารถแหวกผ่านฝูงชนเข้าไปยังพื้นที่เปิดกว้างของยิมแห่งนี้ได้ ทางหลิ่วเหยียนเอ๋อร์นั้นกำลังพักอยู่ และรอให้เหอเหลียงเดินทางมาถึง

เมื่อเห็นอู๋ฝานกับถังอวี่เฟยเข้ามาใกล้ หลิ่วเหยียนเอ๋อร์จึงหันมองพวกเขาด้วยท่าทีเฉยชา

“ตอนออกกำลังกายเมื่อเช้าทำไมไม่บอกล่ะครับ?” อู๋ฝานถามขณะก้าวเข้ามาใกล้

“เพราะไม่ใช่เรื่องใหญ่ค่ะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบเสียงเบา

“เธอดูมั่นใจเต็มที่ดี ในตอนที่คนอื่นกำลังเป็นห่วง” ถังอวี่เฟยมองหลิ่วเหยียนเอ๋อร์พลางยิ้มบาง

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์หันหน้ามองอู๋ฝาน ชายหนุ่มรู้สึกเขินอายเล็กน้อย แต่ว่าไม่ได้อธิบายอะไร เมื่อเห็นเช่นนี้สายตาของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็อ่อนลง

“นี่ ถือว่าฉันถามเพื่อนร่วมชั้นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็แล้วกัน เหอเหลียงก็รูปร่างหน้าตาดีอยู่นะ ได้ยินว่าพื้นเพทางตระกูลก็ดี ทำไมไม่พิจารณาเขาหน่อยล่ะ?” ถังอวี่เฟยเอ่ยถาม

“ถ้าเธอชอบ ก็จีบเขาได้เลย” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบกลับ

“เขาไม่ใช่สเปคที่ฉันชอบเนี่ยสิ ที่ฉันชอบต้องเป็นอย่างอาจารย์อู๋ต่างหากล่ะ” ถังอวี่เฟยยิ้มตอบรับ “ฉันไม่เหมือนเธอหรอกนะ ที่จะบอกว่าต้องการผู้ชายที่แข็งแกร่งกว่าตัวเอง เธอเป็นผู้ฝึกตน พรสวรรค์ดีเยี่ยม ถ้าในอนาคตเธอประสบความสำเร็จยิ่งกว่าตอนนี้ อย่างนั้นจะหาใครในรุ่นเดียวกันที่ก้าวข้ามเธอไปได้? หรือจะบอกว่าเธอคิดหาตาเฒ่ามาแต่งงานด้วยงั้นเหรอ? น่าเสียดายแย่เลยนะ”

“คนที่ฉันชอบ ก็ต้องแข็งแกร่งจนเอาชนะฉันได้” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบ

ไม่ทราบว่าตาฝาดไปหรือเปล่า แต่อู๋ฝานรู้สึกว่าตอนที่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์พูด ราวกับเธอกำลังมองเขา และสายตาที่มองนั้นก็ไม่ได้เย็นชาเหมือนปกติด้วย

“ถือว่าฉันเข้าใจก็ได้” ถังอวี่เฟยตอบรับ “เธอกำลังจะบอกว่า ถ้าหมายตาใครสักคนแล้ว เธอจะปล่อยให้เขาชนะตัวเองงั้นสิ? ร้ายไม่เบา ไม่เหมาะกับนิสัยเธอสักนิด ก่อนหน้านี้เอาแต่บอกว่าต้องแข็งแกร่งกว่าไม่ใช่หรือไง? ตอนนี้จะยอมรับคนที่อ่อนแอกว่าด้วยตัวเองแล้วงั้นเหรอ?”

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ตอบ

อาศัยที่อู๋ฝานเข้าใจเธอ หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เป็นหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งจริง ๆ หญิงสาวไม่น่าจะมีแนวคิดอะไรอย่างหาผู้ชายที่อ่อนแอกว่าตนเอง แต่หากเป็นอย่างนั้นเพราะเธอชอบผู้ชายคนนั้นจริง ส่วนลึกในใจของเธออาจจะเกิดความรู้สึกเสียดายตกค้างอยู่ไปอีกนานก็เป็นได้

“การแข่งขันหลังจากนี้ มั่นใจไหมครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์พยักหน้าตอบรับ

“ได้ยินมาว่าเหอเหลียงจ้างยอดฝีมือมาฝึกสอนดูแล รู้เรื่องนี้ใช่ไหมครับ?” อู๋ฝานยังคงเอ่ยถาม

“จะใครก็เหมือนกันค่ะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบเสียงเบา น้ำเสียงนี้ไม่ได้ดังอะไรมากนัก แต่แฝงไปด้วยความเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตนเอง

“ยังไงระวังไว้ก่อนก็ดีนะครับ อีกฝ่ายเป็นคนจากประเทศอาทิตย์อุทัย ไม่ใช่ทุกคนในประเทศนั้นจะขาวสะอาดและยึดมั่นในเกียรติกันทุกคน” อู๋ฝานกล่าวเตือน

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์พยักหน้าตอบรับ

ตอนนี้เองที่มีเสียงดังมาจากภายนอก เป็นเสียงตะโกนร้องเชียร์

“เหอเหลียงน่าจะมาถึงแล้ว” ถังอวี่เฟยเอ่ยคำขึ้น

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เดินตรงออกไป ทั้งอู๋ฝานและถังอวี่เฟยต่างก็เดินตามติด

ขณะคนทั้งสามออกมานอกห้องพัก ที่กลางยิมการต่อสู้แห่งนี้ ก็มีกลุ่มคนในชุดคาราเต้ยืนเรียงราย และมีคนหนึ่งที่กำลังยืนกอดอกอยู่หน้ากลุ่มคนทั้งหมด สายตามองข้ามคนของชมรมการต่อสู้ด้วยสีหน้าอหังการ

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าคนของชมรมการต่อสู้ เผชิญหน้ากับคนของชมรมคาราเต้ ขณะทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน อู๋ฝานและถังอวี่เฟยยังคงยืนอยู่กับกลุ่มคนของชมรมการต่อสู้

ตอนที่เหอเหลียงได้เห็นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ปรากฏตัว สายตาของเขาราวกับเผยประกายส่องสว่างบางอย่าง ความสนใจทั้งหมดของเขามุ่งตรงไปยังหญิงสาว

“เหยียนเอ๋อร์” เหอเหลียงมองหลิ่วเหยียนเอ๋อร์พร้อมพูดด้วยความรู้สึกอันลึกล้ำ แต่ก่อนเขาจะเอ่ยจบ เขากลับถูกหญิงสาวขัดเอาไว้ก่อน

“หยุดเรียกฉันว่าเหยียนเอ๋อร์ นายไม่คู่ควร” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบคำ

เหอเหลียงเผยสีหน้าแข็งค้าง กระดากอายเล็กน้อย แต่ราวกับเขาเข้าใจตัวตนของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เป็นอย่างดี หรือบางทีอาจเพราะมีผิวหน้าที่หนา ไม่นานจึงกลับมาสงบดังเดิมได้ สายตาลุ่มหลงเช่นก่อนหน้านี้ปรากฏอีกครั้ง และเริ่มที่จะเอ่ยต่อไป

“เพื่อนร่วมชั้นเรียนหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ นับตั้งแต่ฉันได้พบเธอครั้งแรก ฉันก็ชอบเธอมาก หัวใจของฉันร้องบอกว่าเธอคือคนที่ฉันคนนี้ตามหามาโดยตลอด ถ้าฉันไม่สามารถคว้าหัวใจเธอเอาไว้ได้ ก็เป็นเรื่องที่ฉันจะต้องเสียดายไปชั่วชีวิต …มาเป็นแฟนฉันเถอะ ฉันจะใช้ทั้งชีวิตดูแลเธออย่างดีที่สุด ทุ่มเทมอบความรักให้ ทำให้เธอมีความสุขเท่าที่จะสุขได้!”

“รับเลย!”

“รับเลย!”

ตอนนี้เองที่คนจากทางฝั่งชมรมคาราเต้ ต่างตะโกนเสียงดังออกมาพร้อมกัน

อู๋ฝานขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะที่ถังอวี่เฟยเผยสีหน้านึกรังเกียจอยู่ข้างใน

“ฉันขอถอนคำพูด ไอ้หมอนี่ปลอมสิ้นดี! ไม่คู่ควรกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์แม้แต่นิดเดียว” ถังอวี่เฟยพูดกับอู๋ฝาน

“หายากนะครับ ผมเห็นคุณเห็นต่างกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์บ่อย แต่ตอนนี้เห็นคุณคิดแบบเดียวกับเธอแล้ว” อู๋ฝานบอกกับถังอวี่เฟย

“ไม่ใช่ฉันไปตกลงอะไรกับเธอไว้หรอกค่ะ แต่ฉันไม่ยากให้คนอย่างเหอเหลียงอะไรนี่มาตามรังควานเธอต่างหาก” ถังอวี่เฟยมองอู๋ฝานพลางตอบ “อันที่จริง ตราบใดที่เธอไม่แย่งอาจารย์อู๋ไปจากฉัน ในอนาคตฉันจะยิ่งสุภาพกับเธอด้วยซ้ำไปค่ะ”

“กลับมาเรื่องนี้อีกเสียแล้วนะครับ” อู๋ฝานถึงขั้นพูดไม่ออก

อู๋ฝานและถังอวี่เฟยกำลังมองเหอเหลียงที่แสร้งทำเป็นลุ่มหลง พวกเขาไม่อยากดูต่อ แต่หลายคนที่มาดูเรื่องครั้งนี้ ก็มีบางคนที่ดื่มด่ำไปกับความรู้สึกรักอันลึกล้ำของเหอเหลียง โดยเฉพาะเหล่าหญิงสาวที่แทบไม่อาจอดใจรอ หวังให้ชายหนุ่มสารภาพเช่นนั้นกับตนเอง หลายคนนึกอิจฉาหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ด้วยซ้ำ ที่มีคนดีเช่นเหอเหลียงมาคอยตามจีบ

เหอเหลียงก็เป็นคนหล่อ รวย และยังเป็นประธานชมรมคาราเต้ ไม่แปลกถ้าเขาจะสามารถคว้าใจหญิงสาวทั้งหลายได้

“รุ่นพี่เหอเหลียงหล่อมากค่า!”

“ถ้าคนที่รุ่นพี่เหอเหลียงสารภาพรักเป็นฉันนะ คงตกปากรับคำตั้งแต่แรกแล้ว!”

“หลิ่วเหยียนเอ๋อร์มีอะไรดีกัน เย็นชาไม่ต่างกับก้อนน้ำแข็งเดินได้ ไม่รู้เลยว่ารุ่นพี่เหอเหลียงไปชอบอะไรในตัวเธอ ก็แค่สวยนิดหน่อย บางทีอาจไปทำมาจากประเทศกิมจิก็ได้!”

ผู้หญิงหลายคนในที่นี้ต่างพึมพำกันออกมาด้วยความอิจฉาริษยา

ได้ยินคำเหล่านั้น เหอเหลียงก็ยิ่งนึกชอบใจ แต่เมื่อเขามองหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ คนที่ได้รับคำถามไปแล้วนั้น กลับพบว่ามันไม่มีร่องรอยความเปลี่ยนแปลงใดทางสีหน้าหรือสายตา ได้ยินคำพูดของเขาไปขนาดนั้นแล้ว ทว่ากลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงสักนิด ความอิ่มเอมที่พลุ่งพล่านในใจเขาเมื่อครู่ก็พลันมลายหายไป

“พูดจบหรือยัง?” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ถามด้วยสีหน้าเฉยชา น้ำเสียงคล้ายจะเย็นเยือกกว่าก่อนหน้านี้

“พร้อม” เหอเหลียงเหม่อมองขณะพยักหน้าตอบรับ

“งั้นก็เริ่มกันได้แล้ว” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบกลับโดยไม่มีร่องรอยความรู้สึกใดทั้งสิ้น

สายตาของเหอเหลียงมองหม่นลง ดวงตาราวกับถูกเมฆหมอกปกคลุม เขาสารภาพรักหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ต่อหน้าสาธารณชน แต่เธอกลับแสดงท่าทีแบบนี้ตอบรับ เป็นการแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย

เหอเหลียงมีความมั่นใจในฝีมือตนเอง แต่อีกส่วนหนึ่งก็หวาดเกรงฝีมือของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ เห็นได้ชัดจากการที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยมีใครเอาชนะหญิงสาวได้มาก่อน แม้เขาจะไม่ชอบท่าทีที่อีกฝ่ายปฏิบัติกับตนเอง ทว่าก็ไม่กล้าถึงขนาดจะคลายความระมัดระวัง

คนทั้งสองยืนเผชิญหน้ากัน เหอเหลียงเข้าประจำที่ เขาเผยสายตาเย็นยะเยือกมองมาทางหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ เขาทราบดีว่าหากตนเองต้องการจะจีบหญิงสาว ก็ต้องเริ่มจากเอาชนะเธอให้ได้ก่อน ละลายพฤติกรรมเย็นชาอหังการของเธอ ถึงตอนนั้นเขาก็อยากจะเห็นว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์จะยังกล้าวางตัวอวดดีและสูงส่งต่อหน้าตนอีกหรือไม่