บทที่ 272 พ่ายแพ้อย่างง่ายดาย

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 272 พ่ายแพ้อย่างง่ายดาย

บทที่ 272 พ่ายแพ้อย่างง่ายดาย

“เธอเป็นผู้หญิง อย่างนั้นก็เลดี้เฟิร์สก็แล้วกัน” เหอเหลียงกล่าวคำอย่างมีน้ำใจ

เพียงสิ้นคำของเหอเหลียง หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็ถีบเท้าขวาลงกับพื้นเบา ๆ ก่อนที่ร่างกายจะ ‘โบยบิน’ อย่างเบาหวิว เธอใส่ชุดฝึกซ้อมสีขาว ตอนนี้จึงเกิดภาพประหนึ่งเซียนหญิงผู้งดงาม

เหอเหลียงตกใจ เขาไม่คิดว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์จะตอบรับอย่างดุดันขนาดนี้ เธอเคลื่อนที่ตอบสนองกับคำขอของเขาโดยไม่พูดอะไรสักคำ ทำให้เขาต้องเร่งร้อนต้านรับการโจมตี

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เคลื่อนไหวคล้ายเชื่องช้า แต่ในความเป็นจริงนั้นรวดเร็วอย่างยิ่ง ทันทีที่เหอเหลียงตั้งท่าป้องกัน เธอก็เข้าถึงตรงหน้าของอีกฝ่าย ทั้งพร้อมลงมือแล้ว หนึ่งฝ่ามือผลักออก แรงดังกล่าวจึงตรงเข้าปะทะกับใบหน้าของเหอเหลียง

เหอเหลียงไม่ได้ตื่นตระหนก เพราะเขาเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นจึงมั่นใจว่าจะสามารถต้านการโจมตีของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ได้

แต่สิ่งที่เหอเหลียงไม่คาดคิด คือตอนที่ฝ่ามือของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์กำลังจะใกล้ปะทะตนเอง เธอจะแปรเปลี่ยนทิศทางจากศีรษะลงสู่หน้าอกอย่างกะทันหัน อีกทั้งความเร็วนั้นยังเพิ่มขึ้นยิ่งกว่าตอนแรกที่ลงมือ

เหอเหลียงตกใจ ทั้งคิดต้านรับก็สายเกินไปแล้ว

“ตึง!”

วิชาของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ได้เน้นด้านกำลัง แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะนำไปเปรียบเทียบกับใคร แม้เหอเหลียงจะฝึกฝนคาราเต้ แต่ก็ยังเป็นเพียงแค่คนธรรมดา ดังนั้นฝ่ามือของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ จึงสามารถเล่นงานอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย

เหอเหลียงต้องก้าวเท้าถอยไปหลายก้าว

ทว่าก่อนที่เขาจะประคองตัวได้นั้น หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็บุกทะยานเข้าหาอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่เหอเหลียงจะทันได้ตอบสนอง ฝ่ามือก็ปะทะเข้ากับหน้าผากของเขา ชายหนุ่มถึงกับตาเหลือกมองเห็นดาวรายล้อม

เรื่องยังไม่ได้จบลงตรงนี้ หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ปล่อยเหอเหลียงไปง่าย ๆ เท้าของเธอเตะหน้าแข้งของเหอเหลียง ทำให้เขาไม่สามารถทรงตัวต่อได้ เข่าทรุดลงข้างหนึ่ง จนต้องคุกเข่าให้หญิงสาว ชายหนุ่มรู้สึกอับอายแทบอยากขุดรูมุดหนี เดิมใจที่เคยหลงใหลหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ กลับกลายเป็นความเกลียดชัง

เหอเหลียงอยากสู้กลับ แต่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่เปิดโอกาสให้ เขาที่เพิ่งถูกเล่นงานจนเข่าทรุดลงข้างหนึ่งถูกหญิงสาวเตะเสยเข้าที่คางอีกครั้ง ร่างลอยกระเด็นกลับไป ชายหนุ่มร้องเสียงดัง พร้อมกับซี่ฟันเปื้อนคราบเลือดที่หลุดออกมา

จู่ ๆ ที่แห่งนี้ก็เงียบงัน ฝูงชนที่รับชมต่างชะงักและแข็งค้างกับเรื่องที่เห็น พวกเขารู้ว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์แข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ได้คิดว่าเธอจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้! เหอเหลียงที่เป็นประธานชมรมคาราเต้ แข็งแกร่งระดับสายดำ กลับไร้ความสามารถจะสู้ตอบโต้ กระทั่งว่าเกือบจะถูกสังหารคาที่

บรรดาชายหนุ่มทั้งหลายที่เคยฝันถึงหลิ่วเหยียนเอ๋อร์กันมาก่อน หลังได้เห็นสภาพชวนสังเวชของเหอเหลียง พวกเขาต่างต้องลอบกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว มันเป็นการผลักความคิดของพวกเขากลับคืนไป อย่างที่ในอนาคตจะไม่มีทางกล้าคิดกันอีก

ขณะเดียวกัน พวกเขาก็รู้สึกยินดีอยู่เล็กน้อย ที่ได้เห็นโชคร้ายของเหอเหลียงกับตาตัวเอง อีกฝ่ายเป็นคนที่ทั้งหล่อและรวย ดังนั้นจึงมีโฉมงามมาให้โอบกอดไม่ขาด ทว่าตอนนี้กลับถูกเล่นงานจนมีสภาพอย่างที่เห็น นับว่าสมควรแล้ว

ส่วนทางด้านบรรดาหญิงสาว พวกเธอไม่กล้าที่จะซุบซิบเรื่องหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ออย่างโจ่งแจ้งเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว ในใจหวาดกลัวอีกฝ่าย หากหลิ่วเหยียนเอ๋อร์รู้ว่าพวกเธอเคยว่าอะไรลับหลัง คงไม่มีทางถูกละเว้นแน่!

ส่วนถังอวี่เฟย เธอมองหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ด้วยสายตาอิจฉา ก่อนจะพึมพำเสียงเบากับตัวเอง “ถึงไม่อยากยอมรับ แต่การเคลื่อนไหวเมื่อกี้ของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็ยอดเยี่ยม ร่างกายของเธอเบาแทบจะเหมือนเซียนโบยบิน”

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์คือผู้ฝึกตน ขณะที่ถังอวี่เฟยเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง เพียงแค่เรื่องนี้เธอก็อิจฉาอีกฝ่ายมากพอแล้ว!

“อาจารย์อู๋ มีวิชาอื่นที่เหมาะสมกับฉันหรือเปล่าคะ?” ถังอวี่เฟยมองอู๋ฝานพร้อมเอ่ยถาม “วิชาที่มอบให้ฉันเมื่อครั้งก่อนเยี่ยมแล้วก็จริง แต่ไม่ค่อยเหมาะให้ผู้หญิงฝึกฝนค่ะ ฉันไม่อยากมีกล้ามโต”

อู๋ฝานไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ตอนนี้จึงตอบ “ไม่มีครับ ผมมีแค่นั้น”

ที่อู๋ฝานตอบนั้นคือเรื่องจริง แต่ถังอวี่เฟยไม่เชื่อ หากมีวิชาฝึกฝนแค่อันหนึ่ง ยังจะสามารถมอบให้คนอื่นได้อีกงั้นเหรอ? อีกทั้งมันยังเป็นถึงวิชาฝึกฝนระดับลึกล้ำ ถ้าชายหนุ่มสามารถมอบวิชาฝึกฝนระดับลึกล้ำให้ได้ เบื้องหลังเขาก็ต้องมีกองกำลังที่เกี่ยวข้องกับการฝึกฝนอยู่ เป็นไปไม่ได้ที่กองกำลังดังกล่าวจะมีวิชาแค่อันเดียว

“ไม่มอบก็ไม่ว่าหรอกนะคะ แต่ทำไมต้องโกหกด้วย” ถังอวี่เฟยตอบกลับ “ฉันเองก็รู้ดีว่าวิชาที่ผู้ฝึกตนใช้เพื่อฝึกฝนนั้นมีความสำคัญยังไง ถึงคำขอของฉันอาจดูอุกอาจไปบ้างก็เถอะ”

ถังอวี่เฟยตระหนักว่าตนเองขอมากเกินไป ปกติแล้วเธอไม่ควรขออะไรมากเกินจากอู๋ฝาน แต่เธอที่เพิ่งได้เห็นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เอาชนะเหอเหลียงอย่างง่ายดายประหนึ่งเซียนผู้งดงาม ทำให้ในใจของเธอรู้สึกอิจฉา จนถามอีกฝ่ายออกไปโดยไม่รู้ตัว

“ผมไม่ได้โกหกครับ ตอนนี้ผมไม่มีวิชาฝึกฝนอื่นเลย” อู๋ฝานตอบกลับ “ในอนาคตผมรับปากว่าถ้าได้วิชาฝึกฝนที่เหมาะสมมา ผมจะมอบมันให้อย่างแน่นอนครับ”

วิชาฝึกฝนที่คนอื่นมองว่าสุดแสนจะล้ำค่า แต่อู๋ฝานไม่ได้คิดเช่นนั้น เขาก็ไม่ใช่คนที่เกี่ยวข้องกับโลกแห่งการฝึกตนตั้งแต่แรก เบื้องหลังไม่ได้มีสำนักหรือว่าอะไรทั้งสิ้น ดังนั้นจึงไม่คิดใส่ใจเรื่องวิชาฝึกฝนเหล่านั้น หลังได้เรียนรู้ด้วยตัวเองและไม่ต้องการแล้ว เขาก็สามารถมอบให้คนอื่นที่ต้องการได้ เพราะเหตุนั้นชายหนุ่มจึงมอบวิชายอดศัสตราวุธให้ถังอวี่เฟยไปก่อนหน้านี้

“จริงนะคะ?” อู๋ฝานไม่ได้ใส่ใจ ส่วนถังอวี่เฟยที่ได้ยินตื่นเต้นยินดีขึ้นมา น้ำเสียงของหญิงสาวราวกับว่าหลุดการควบคุมตามปกติไปบ้าง เพราะเธอตื่นเต้น จนถึงขั้นกอดชายหนุ่มพร้อมกับจูบที่แก้ม แม้จะว่องไวมากแต่อู๋ฝานก็ยังไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ทัน

“อู๋ฝาน คุณรับปากฉันแล้ว ต้องรักษาคำพูดด้วยนะคะ ห้ามกลืนคำพูดตัวเองเด็ดขาด!” ถังอวี่เฟยบอกกับอู๋ฝาน เธอตื่นเต้นจนเรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อเต็ม ไม่ใช่อาจารย์อู๋อย่างที่เคยเรียก

“ครับ ผมทราบดี” อู๋ฝานตอบรับอย่างเขินอาย เขาไม่คาดมาก่อนว่าตนเองจะถูกหญิงสาวจู่โจมเช่นนี้

แต่ความรู้สึกที่ได้รับนั้นเหมือนจะดีไม่น้อย

แม้ว่าความรู้สึกหลังเกิดเรื่องไปแล้วจะดี แต่อย่างไรเขาก็เป็นอาจารย์ ส่วนถังอวี่เฟยเป็นนักศึกษา และที่นี่ก็เป็นสถาบันการศึกษา หากคนอื่นเห็นย่อมไม่ใช่เรื่องดี นับเป็นโชคดีที่ตอนนี้ความสนใจของผู้คนจับจ้องไปที่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์และเหอเหลียง ทำให้ไม่ได้สนใจมองทางอื่น ดังนั้นอู๋ฝานจึงพอโล่งใจอยู่บ้าง

แต่ที่อู๋ฝานไม่ทราบ คือหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ได้สนใจคู่ต่อสู้อย่างเหอเหลียง กระทั่งตอนต่อสู้กันอยู่นั้น หญิงสาวก็ไม่ได้ทุ่มเทเรี่ยวแรงแต่อย่างใด ดังนั้นความสนใจของเธอจึงไม่จำเป็นต้องจับจ้องที่อีกฝ่าย แต่จ้องมาที่เขาต่างหาก

ดังนั้น ตอนที่ถังอวี่เฟยจูบแก้มอู๋ฝาน แม้คนอื่นไม่เห็น แต่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เห็น

ร่างของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนสีหน้าของเธอจะปรากฏหมอกอันเย็นเยือกปกคลุม ทั้งร่างเปรียบดังก้อนน้ำแข็งพันปี บรรดาสมาชิกชมรมคาราเต้ที่อยู่ใกล้เคียง ต่างรับรู้ถึงความหนาวเย็นที่เธอแผ่ซ่านออกมา พวกเขาถึงขั้นต้องก้าวเท้าถอยไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว พร้อมมองหญิงสาวด้วยความหวาดเกรง

ขณะหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เดินเข้าหาเหอเหลียง ความเย็นยะเยือกก็ฟุ้งกระจายรอบตัวของเธอแล้ว

เหอเหลียงจบสิ้นแล้ว!

หลายคนต่างมีความคิดดังกล่าวปรากฏขึ้นในใจพร้อมกัน