พูดตามตรงถ้า ตู้หลี่ซู่ คนนี้ไม่ใช่ผู้ใช้อาคมวิญญาณแต่เป็นนักรบคนนึงแทนแม้จะยอมจำนนอีกฝ่ายก็คงถูกฆ่าไปนานแล้ว

แต่ทว่า ตู้หลี่ซู่ มีความเชี่ยวชาญทางด้านอาคมวิญญาณ ซึ่งมันมีความสำคัญมาก

อาณาจักรหนานหยาน ไม่มีผู้เชี่ยวชาญอาคมวิญญาณ อาณาจักรซีหยาง ก็เช่นเดียวกัน แม้แต่ประเทศรอบ ๆ เองก็ไม่ต่างกัน

ถึงแม้ ซุนฮก และ เจี๋ยสวี่ จะ รู้จักอาคมวิญญาณ แต่พวกเขาก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างอาคมวิญญาณ นอกเหนือจากอาคมวิญญาณทางการทหารเล็กน้อยที่เหลือก็เป็นแค่อาคมวิญญาณธรรมดาเท่านั้น

หากคุณมีผู้เชี่ยวชาญด้านอาคมวิญญาณที่สามารถรับฟังคำสั่งของคุณได้ทุกเมื่อพวกเขาสามารถใช้อาคมวิญญาณวางผนึกบนกำแพงเพื่อเสริมพลังป้องกัน

ดังนั้น ลู่เฟิง จึงไม่ต้องการฆ่าชายคนนี้

ตามตำนานราชวงศ์บางราชวงศ์มีอำนาจมากกว่าอาณาจักรก็เพราะพวกเขามีอาคมวิญญาณที่ทรงพลัง พวกเขาสร้างแนวป้องกันบนกำแพงมันจึงเป็นเรื่องยากที่ศัตรูจะทลายกำแพงได้

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงแค่ข่าวลือ บทบาทของผู้ใช้อาคมวิญญาณเพียงอย่างเดียวไม่แข็งแกร่งพอที่จะเปลี่ยนรากฐานของราชวงศ์ได้

แต่นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าผู้ใช้อาคมวิญญาณมีความสำคัญอย่างไร

ตอนนี้ ตู้หลี่ซู่ อาจจะไม่ได้ช่วยวางอาคมบนกำแพงเมือง แต่นี่หาได้สำคัญ มีผู้คนมากมายในอาณาจักรหนานหยาน ดังนั้นเขาสามารถเลือกคนที่มีพรสวรรค์ที่โดดเด่น มาให้ ตู้หลี่ซู่ สอนได้

หากอีกฝ่าย ไม่จงใจสอนหรือวางแผนคิดร้ายเขาก็จะกำจัดอีกฝ่ายทันที

แม้จะมีความสามารถแต่ถ้าเย่อหยิ่งเกินไปก็ไม่ดี

“โจจู๋,ต่อไปนี้ ให้ ตู้หลี่ซู่ ติดตามท่านก็แล้วกัน”ลู่เฟิง มองไปที่ โจจู่ และตอบกลับ

โจจู๋ โค้งคำนับเล็กน้อยและตอบกลับ”ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย!”

ตู้หลี่ซู่ มองไปที่ โจจู๋ ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้อ่อนเเอ เขามีพลังขั้นปรมาจารย์แต่เขากลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่น่ากลัวจากโจจู๋ ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่เขาจัดการได้อย่างแน่นอน

เขายิ้มอย่างขมขื่นใจ ดูเหมือนว่า จักรพรรดิตรงหน้าเขาจะไม่ใช่คนโง่ เขาถูกส่งมอบให้กับผู้มีอำนาจเช่นนี้ หากเขาทำผิดเล็กน้อยบางทีเขาอาจจะถูกฆ่า

ดังนั้น เขาคงต้องมอบความซื่อสัตย์ให้อีกฝ่ายและทำตามคำสั่งไปก่อนจากนั้นค่อยดูว่ามีโอกาสที่เขาจะสามารถจากไปในอนาคตได้หรือไม่

หลังจากจัดการสถานที่แห่งนี้เสร็จแล้ว ลู่เฟิง ก็ไม่ลืมข้อตกลงกับ หนิงหยุนเอ๋อร์ เขาให้ เมิ่งเถียน ละเว้นญาติจำนวนน้อยนิดที่ หนิงหยุนเอ๋อร์ ขอไว้ ที่เหลือทุกคนได้ถูกสังหารทั้งหมด

“ฝ่าบาท ตระกูลหนิงเป็นตระกูลนักรบ ในหมู่พวกเขามีนักรบขั้นสร้างรากฐานพลังหยวนจำนวนมากหากเราปล่อยพวกเขาไปเกรงว่าจะมีผลกระทบในภายภาคหน้า”จางฮั่น ได้กล่าวพูดด้วยความเคารพ

ลู่เฟิง ได้ครุ่นคิดและตอบกลับ”ให้โจจู๋ ผนึกปราณแท้จริงของพวกเขา ถ้าพวกเขาทำตัวซื่อสัตย์ก็ปล่อยให้มีชีวิตต่อ ถ้าไม่ ก็ให้ทำลายตันเถียน และโยนทิ้งไปซะ”

แม้ว่า เขาจะให้สัญญากับหนิงหยุนเอ๋อร์ ว่าจะไม่ฆ่าคนเหล่านี้ เพื่อตอบแทนข้อมูลเรื่องอาคมเคลื่อนย้าย แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยเสี้ยนหนามในอนาคตไว้ได้

มันไม่ใช่เรื่องที่ดี

“ขอรับ ข้าน้อยจะให้ทหารเงาไปส่งคำสั่งให้ โจจู๋”

จางฮั่นได้ตอบกลับเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวถามอีกครั้ง”ฝ่าบาท ตระกูลขุนนางอื่น ๆ ในอาณาจักรซีหยาง ต้องการพบพระองค์ พระองค์ต้องการที่จะพบพวกเขาหรือไม่?”

“ไม่จำเป็น!”

ลู่เฟิง ได้ยิ้มออกมา”จางซุนหวูจี๋ ได้รับหน้าที่เป็นผู้จัดการมณฑลทั้ง 13 ในอนาคต ตอนนี้ให้คนเหล่านี้มีอะไรไปพบกับอีกฝ่ายแทน”

แน่นอนว่า ลู่เฟิง ต้องการดูทัศนคติของ จางซุนหวูจี๋ ที่มีต่อตระกูลขุนนางเหล่านี้

“ข้าน้อยรับคำสั่ง”จางฮั่น ได้ตอบกลับ

ขณะที่ ตระกูลขุนนางเหล่านี้ทราบข่าว พวกเขาก็ไปยังสถานที่ที่ จางซุนหวูจี๋ ทำงานอยู่ ในขณะนี้ ระหว่างรอ จางซุนหวูจี๋ มาถึง พวกเขาได้พูดปะพบกัน

“เท่าที่ข้าเห็น เจ้าเด็กน้อย ลู่เฟิง คนนี้ ไม่ได้เห็นเราอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย เขากลับกล้าให้ จางซุนหวูจี๋ ออกหน้าแทน อาณาจักรซีหยางของเราไม่ได้ดีไปกว่าอาณาจักรหนานหยานของเขา แม้ว่า อาณาจักรของเราจะพ่ายแพ้ แต่ตระกูลขุนนางของพวกเราก็นับว่ามีหน้ามีตา ถ้าพวกเขาไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของเราและเราก่อการกบฏดูสิว่าเขาจะทำอย่างไร?”

“เป็นความคิดที่ไม่เลว!”

ทันใดนั้น จางซุนหวูจี๋ ก็เดินมาพร้อมกับ จินยี่เหว่ยสองกอง

คนที่เห็น จางซุนหวูจี๋ เขาได้ลุกขึ้นยืนและตะคอกขึ้น”จางซุนหวูจี๋ อย่าทำให้พวกเราต้องเสียเวลา คนที่พวกเราต้องการพบก็คือ ลู่เฟิง ไม่ใช่เจ้า”

“ใช่คนที่เราอยากพบไม่ใช่เจ้าแต่เป็นลู่เฟิง!”

“ถ้าลู่เฟิง ไม่มา เราจะทำลายเหมืองหลายแห่งในอาณาจักรซีหยาง แล้วมาดูกันว่า ลู่เฟิงจะทำอย่างไร”

จางซุนหวูจี๋ ไม่ได้ตื่นตระหนกเขาได้ตอบกลับทันที”ก่อนอื่นข้าต้องขอเตือนพวกท่านถึงเรื่องนึง ตอนนี้ อาณาจักรซีหยางได้ตายไปแล้ว ต่อไปนี้จะไม่มีอาณาจักรซีหยาง จะมีก็แต่มณฑลซีหยางทั้ง 13 เท่านั้น”

“แล้วอีกอย่าง…”

จางซุนหวูจี๋ จ้องมองไปที่ คนที่พูดว่าจะทำลายเหมือง”ข้ารู้จักท่าน,หยานหยุนหนาน ตระกูลขุนนางลำดับที่สองของอาณาจักรซีหยางเดิมมีอำนาจอย่างมาก!”

“ถ้าเจ้ารู้ก็ดีแล้ว รีบไปบอก ลู่เฟิงซะว่า ข้า หยานหยุนหนาน ต้องการพบเขาไม่ใช่นั้นก็รอให้อาณาจักรซีหยางไม่เหลือเหมืองอีกต่อไป!”หยานหยุนหนานได้ส่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา

จางซุนหวูจี๋ ได้ยิ้มออกมา”ข้าอยากจะขอบคุณท่าน!”

หยานหยุนหนาน ขมวดคิ้วและกล่าวถาม”ขอบคุณอะไร?”

“ฝ่าบาทได้ขอให้ข้าเป็นผู้จัดการมณฑลทั้ง 13 ของอาณาจักรซีหยาง เดิมข้าคิดอยู่ว่าจะจัดการอย่างไร แต่หลังจากได้ยินคำพูดของท่านข้าก็คิดได้ทันที”จางซุนหวูจี๋ ได้ยิ้มออกมา

“คิดอะไร?”หยานหยุนหนาน รู้สึกแย่อย่างมาก

จางซุนหวูจี๋ ได้มองไปที่เขา”หยานหยุนหนาน ผู้นำตระกูล หยาน ตระกูลขุนนางลำดับที่สองแห่งมณฑลซีหยางทั้ง 13 ตั้งใจจะก่อการกบฏโดยการทำลายเหมืองที่เปรียบเสมือนเส้นชีวิตของมณฑล ความผิดเช่นนี้มีโทษฐานกบฏ ตามกฏหมาย ต้องลงโทษฆ่าล้างทั้งตระกูล!”

“ส่งคำสั่งให้ จินยี่เหว่ย ไปจัดการสังหารสมาชิกตระกูลหยานทั้งหมด ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับตระกูลหยาน ฆ่าหมดไม่มีเว้น!”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ใบหน้าที่ เงียบสงบของ จางซุนหวูจี๋ ได้หายไป มันถูกแทนที่ด้วยใบหน้าที่เย็นชาแทน

“จางซุนหวูจี๋ เจ้ากล้าทำลายตระกูลหยานของข้า…”

ฟวั่บ!

ก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบ จินยี่เหว่ย ด้านหลัง จางวุนหวูจี๋ ก็เคลื่อนไหวและตัดศีรษะของ หยานหยุนหนาน

ร่างที่ไร้ศีรษะได้ถูกพ่นไปด้วยโลหิตทำให้ผู้นำตระกูลขุนนางคนอื่น ๆ กลัวจนตัวสั่น

จางซุนหวูจี๋ ได้กล่าวพูดต่อ”โอกาสเดียวที่จะรอดของพวกเจ้าคือส่งมออบทหารส่วนตัวและไม่เคลื่อนไหวทรัพย์สินของพวกเจ้า ถ้าประพฤติตัวดี แน่นอนว่า ย่อมมีโอกาสรอด แต่ถ้าไม่ ในฐานะที่ข้าได้รับหน้าที่เป็นผู้ดูแลจัดการ ข้าคงต้องล่วงเกินพวกท่านแล้ว”

จางซุนหวูจี๋ กล่าวพูดและมองไปที่ ผู้นำตระกูลขุนนางคนอื่น ๆ “ในเมื่อข้าลงโทษตระกูลหยาน ไปแล้ว ถ้ามีใครกล้าที่จะมีความคิดเช่นการทำลายเส้นชีวิตของมณฑลเหล่านี้อีก ข้าก็จะยินดีลงโทษมันและตระกูลผู้นั้นให้สิ้นซาก”

“นี่…”

ตระกูลขุนนางเหล่านี้ มองไปที่ จางซุนหวูจี๋ ด้วยความโกรธ คำพูดของอีกฝ่าย ทำให้พวกเขาแทบจะไม่มีทางเลือกในการตัดสินใจ