ตอนที่ 62 ผู้ปกปักชาติ
บิวะที่อยู่ตรงหน้าของแอสทริดได้เปลี่ยนรูปร่างไปเป็นร่างผอมบางคล้ายกับร่างมนุษย์ หรือถ้าจะให้พูดมันกลายเป็นร่างของหญิงสาวผู้หนึ่ง
ที่มีลักษณะเช่นเดียวกับโรคุโรคุบิที่เล่าขานกันในนิทานพื้นบ้าน–โยไคสาวคอยาว
เมื่อชายชราค่อยๆ ลูบไปยังสายบิวะอย่างอ่อนโยน เสียงของหญิงสาวก็จะดังออกมาจากส่วนที่เหมือนปาก จากเขาพอเขาใช้แรงในการดีดสายเสียงกรีดร้องอันแหลมสูงก็จะดังออกมาแทน
ชายชราที่กำลังเล่นบิวะรูปร่างมนุษย์นี้อยู่นั้นมันได้สร้างความน่าสะพรึงกลัวเสียจนดยุกดรากูนอทและแอสทริดไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย
เวทมนตร์ธาตุ ดิน น้ำ ไฟ และลมนั้นต่างก็เป็นเวทพื้นฐานที่ความแข็งแกร่งสูงสุดของมันนั้นอยู่ที่ ระดับ 9
โดยลำดับที่ต่ำที่สุดจะอยู่ที่ 1 ซึ่งระดับมานาที่ต้องใช้ในการร่ายนั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างมากตามระดับที่สูงขึ้นไปและยากมากที่จะเชี่ยวชาญในมนตร์เหล่านั้น
โดยปกติแล้วเหล่าจอมเวทที่สามารถใช้เวทได้ถึงระดับ 9 นั้นจะถูกเรียกจอมปราชญ์ และชื่อของพวกเขาก็จะถูกจารึกเอาไว้ในหน้าของประวัติศาสตร์จอมเวท…แต่ก็มีน้อยคนนักที่จะไปถึงจุดนั้น
จำนวนของมันน้อยมากเสียจนต้องอาศัยโชคในการกำเนิดขึ้นมา หากจะให้พูดง่ายๆ ประมาณ2-3ชั่วอายุคน จอมเวทระดับนี้จะโผล่มาสักครั้ง
เวท กาโควไซ ที่ชายชราใช้นั้นก็เป็นเวทระดับ 8 สุดยอดแห่งเวทมนตร์ที่ใกล้เคียงกับระดับ 9 มากที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสามารถใช้งานมันได้โดยไม่จำเป็นต้องร่ายด้วยซ้ำ แอสทริดไม่เคยเห็นใครที่ใช้เวทระดับ 8 ได้โดยไม่ต้องร่ายมาก่อนด้วย
กระทั่งจอมเวทของวังหลวงในอาณาจักรคานาเรียก็ยังสามารถใช้เวทได้ถึงเพียงระดับ 6 เท่านั้น และจำเป็นต้องร่ายด้วย นอกจากนี้เธอยังไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าพวกเขาจะสามารถใช้เวทระดับ 5 ได้โดยละการร่าย
นั่นก็หมายความว่าที่คู่ต่อสู้ของเธอบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าตนเลเวลถึง 73 นั้นอาจจะเป็นเรื่องจริง
เหงื่อเริ่มปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเธอ
จากนั้นพ่อของเธอ ดยุกดรากูนอท ก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดูสงสัยข้างๆ เธอ
「….เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอาภรณ์วิญญาณสินะ? นี่เจ้าเป็นผู้ใช้วิชามายาดาบเดียวงั้นหรือ? 」
「ฮิฮิฮิ ถูกต้องแล้ว ดูเหมือนเจ้าจะรู้เกี่ยวกับพวกเราด้วยสินะ」
「ผู้พิทักษ์ประตูปีศาจมากว่า 300 ปีแห่งเกาะอสูรยักษ์ ทำไมข้าจะไม่รู้จักเล่า แต่สิ่งที่ข้าไม่เข้าใจคือทำไมต้องมาโจมตีประเทศของพวกข้าด้วย?!」
มายาดาบเดียวเป็นศาสตร์การต่อสู้ที่สร้างขึ้นมาโดยนักบุญดาบผู้ปิดผนึกเทพปีศาจเมื่อ 300 ปีก่อน
มันเป็นพลังที่แสนดุดันและจักรวรรดิ แอด แอสเทอร่าก็เป็นผู้ครอบครองมันเอาไว้ ก่อนจะขยายอาณาเขตของตนและก่อตั้งประเทศขึ้นมา
ดยุกเคยเห็นรูปแบบการต่อสู้ของพวกเขามาก่อนแล้วในช่วงวัยหนุ่ม เขาจึงทราบดีว่าพลังของมายาดาบเดียวนั้นมากมายเพียงใด
หากผู้ใช้มายาดาบเดียวทำหน้าที่เป็นแนวหน้าของจักรวรรดิในการสู้รบ คงไม่พ้นจักรวรรดิจะได้กลายเป็นจ้าวทวีป
แต่อย่างน้อยดยุกดรากูนอทก็ทราบดีว่า นั่นเป็นสิ่งที่จะไม่มีวันเกิดขึ้น
นั่นก็เป็นเพราะตระกูลมิตสึรุกิผู้นำแห่งสำนักมายาดาบเดียวนั้นมีหลักการที่ว่า “จะไม่โจมตี หากไม่ถูกโจมตี” โดยหากมองในมุมระดับประเทศก็หมายความว่าพวกเขาจะไม่รุกรานประเทศอื่นก่อนหากตนไม่ถูกรุกราน และพวกเขาก็ไม่เคยใช้ดาบในการเข่นฆ่ามนุษย์ด้วยกัน
ถึงจะเป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิก็ตาม เขาก็ไม่สามารถใช้งานตระกูลมิตสึรุกิเพื่อบุกรุกประเทศอื่นได้ตามใจชอบ พลังของมายาดาบเดียวที่พวกเขามีนั้นจะใช้เพียงแค่ต่อสู้กับมอนสเตอร์และสัตว์อสูร
นอกจากนี้ ถ้าหากศัตรูเขาเป็นมอนสเตอร์แล้วละก็ พวกเขาก็ไม่ลังเลที่จะให้นานาประเทศยืมพลังของตน ครั้งหนึ่งที่อาณาจักรคานาเรียแห่งนี้ก็เคยมีการยืมพลังของพวกเขาในการกวาดล้างพวกคิจินมาก่อน
และก็เป็นครั้งนั้นเองที่ดยุกดรากูนอทได้เห็นถึงพลังของวิชามายาดาบเดียว
ทำให้ปัจจุบันทางอาณาจักรคานาเรียไม่มีความคิดที่จะรุกรานจักรวรรดิอีกเลย
กระทั่งตัวดยุกดรากูนอทที่เห็นถึงความทะเยอทะยานของจักรวรรดิซึ่งอาจเป็นภัยคุกคามแก่พวกตน เขาก็ยังไม่มีความคิดที่จะโจมตีเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้น เพราะเหตุใดกันพลังแห่งมายาดาบเดียวถึงได้แยกเขี้ยวใส่อาณาจักรคานาเรียแห่งนี้?
คำอธิบายที่เขาคิดขึ้นมาได้ตอนนี้ก็มีเพียงแค่–
「หรือจะเป็นเพราะพวกเราปกป้องคิจินสาวคนนั้นกัน? 」
ในอดีตการกวาดล้างหมู่บ้านพวกคิจินซึ่งใช้ชีวิตกันอย่างสงบมาโดยตลอดถือเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้หัวใจของเขาต้องเจ็บปวด
ในครั้งนั้นตัวดยุกยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่ไม่มีพลังพอจะหยุดประเทศของตนได้และก็ไม่มีพลังพอจะช่วยเหลือพวกคิจินด้วย
แต่ในครั้งนี้มันต่างกัน เพื่อตอบแทนบุญคุณอย่างเรื่องผลจิไรอาโอคุส เขาก็มีเหตุผลเพียงพอแล้วที่จะปกป้องคิจินสาวที่ชื่อว่าซูซูเมะ
ดยุกก็พอจะเข้าใจได้หากจักรวรรดิจะโกรธเพราะเรื่องดังกล่าว แต่ชายชรากลับตอบคำถามเขาด้วยเหตุผลที่ง่ายกว่านั้นมากนัก
「ฮิฮิฮิ ไอ้นั่นมันก็มีส่วนหรอก พวกที่นับถือเทพปีศาจต้องถูกกำจัดให้สิ้น แต่หลักๆ ในครั้งนี้ พวกข้ามีเป้าหมายเพียงแค่ตัวของคลอเดีย ดรากูนอทเท่านั้น」
「นี่หมายความว่าที่เจ้าโจมตีเมืองหลวงก็เพียงแค่ต้องการฆ่าคลอเดียงั้นหรือ?!」
「หากนางตายไปด้วยเวทของข้า ข้าก็คงไม่ต้องลงมือถึงเพียงนี้หรอก ก็ไม่รู้หรอกว่าพวกเจ้าทำลายคำสาปลงได้เช่นไร แต่ในเมื่อความพยายามในการยกเลิกการหมั้นหมายกว่า 1 ปี ต้องล้มลงไป พวกข้าก็แค่ต้องกลับไปยังจุดเริ่มต้นใหม่เท่านั้นเอง ฮิฮิ」
ชายชรายิ้มโชวฟันเหลืองของเขาจากนั้นจึงพูดต่อ
「การแต่งงานระหว่างมกุฎราชกุมารของอาณาจักรเจ้ากับท่านซากุยะจะต้องเกิดขึ้นในอีกสองเดือนข้างหน้าซึ่งตรงกับพิธีบรรลุนิติภาวะของท่าน ดังนั้นข้าคงจะไม่เหลือเวลามาสร้างคำสาปอีกแล้ว ด้วยเหตุนี้พวกข้าจึงต้องเลือกหนทางแห่งการใช้กำลังแทน และการจะซ่อนต้นไม้ก็จำเป็นต้องซ่อนในป่า ดังนั้นศพของนางก็จำเป็นต้องถูกซ่อนไปพร้อมกับโศกนาฏกรรมนี้ หากเมืองหลวงเต็มไปด้วยเหล่าคนตาย แล้วมันจะมีใครมามีเวลาสนใจการตายของบุตรสาวดยุกกันเล่า」
「เพื่อไม่ให้มีความเชื่อมโยงถึงจักรวรรดิ เจ้าจึงได้สาปลูกสาวของข้ามาถึง 1 ปี แต่พอมันไม่ได้ผลตอนนี้เจ้าก็ลากพลเมืองของอาณาจักรมาเกี่ยวข้องเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจแทน นี่น่ะหรือคือสิ่งที่เหล่าผู้บานตนว่าจะปกป้องประเทศและโลกใบนี้ไว้ควรทำ? 」
「ฮิฮิฮิ! ประเทศที่พวกข้าต้องปกป้องก็คือจักรวรรดิแอด แอสเทอร่าและเมื่อโลกใบนี้อยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิ เมื่อนั้นเหล่าผู้คนก็จะได้รับการคุ้มครอง นั่นแหละคือความหมายแห่งการปกป้องประเทศและโลกใบนี้เอาไว้ แมลงและหย่อมหญ้าย่อมถูกเหยียบตายอยู่แล้วเมื่อมีผู้คนเดินผ่าน ไม่ต่างอะไรกับช้างที่เดินไปตามทางของตนและเหยียบมดหนอนตาย เจ้าก็คงไม่สามารถกล่าวว่าช้างตัวนั้นได้หรอก」
คลอเดียที่เงียบมาตลอด ได้พูดออกมาเป็นครั้งแรก เพื่อตอบสนองเสียงหัวเราะของชายชรา
「–ท่านผู้เฒ่า เรื่องที่ท่านบอกกับฉันตอนอยู่ที่สุสานเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเลยเหรอคะ? 」
สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินเสียงของคลอเดีย
ท่าที่ของเขาที่มักจะเอาแต่เย้ยหยันก่อนหน้านี้ได้แตกต่างออกไปอย่างชัดเจน
「ไม่หรอก สิ่งนั้นเป็นความจริง ตัวข้าได้คอยสวดส่งพวกวิญญาณที่ไม่สามารถนอนหลับได้อย่างสงบ คลอเดีย ดรากูนอท อันที่จริงข้าก็ประทับใจในตัวเจ้าเสียด้วยซ้ำ」
ชายชราพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
「ตัวข้าที่ต้องรับมือกับเทพเจ้าแห่งความชั่วร้ายและชำระล้างเหล่าวิญญาณร้ายที่ทำร้ายมนุษย์ ทั้งหมดนั้นไม่ใช่เรื่องโกหก แต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมดของข้าเช่นเดียวกัน ตัวข้านั้นเป็นข้ารับใช้แห่งตระกูลมิตสึรุกิ ตระกูลที่เป็นดาบแห่งจักรพรรดิ ข้าจำเป็นต้องทำตามคำสั่งที่ได้รับมา แม้ว่ามันจะบิดเบี้ยวเพียงใดก็ตาม กระทั่งข้าจำเป็นต้องสาปเด็กสาวด้วยคำสาป ข้าก็ต้องทำ」
「…ท่าน…」
「――ใช่แล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะข้าเอง」
ชายชราพูดขัดคลอเดียที่เหมือนพยายามจะพูดอะไรต่อเอาไว้ จากนั้นเขาจึงเปิดปากขึ้นมาอีกครั้ง
แต่ในครั้งนี้ใบหน้าของเขากลับยิ้มออกมาด้วยความสุขอันเหลือล้นแทน
「ตามคำสั่งที่ข้าได้รับมาก็คือการยกเลิกการหมั้นหมายของมกุฎราชกุมาร โดยต้องไม่ให้สาวไปถึงตัวจักรวรรดิได้ ส่วนเรื่องวิธีการอยู่ที่ข้าจะตัดสินเอง!」
「……น่ะ? 」
「หรือก็คือ ความคิดในเรื่องที่ข้าต้องสาปเจ้าให้ทรมานมาแรมปี หรือเรื่องการโจมตีเมืองหลวงในค่ำคืนนี้ ทั้งหมดมันก็คือความคิดของข้าเอง นี่แหละประสงค์จากทวยเทพ!!」
「……!!」
「ช่างน่ารื่นรมย์และความสุขเสียจริง! ชีวิตที่เปล่งประกายแม้จะแขวนอยู่บนเส้นด้าย เจ้าต้องปวดร้าว ทุกข์ทรมาน สิ้นหวัง แต่สุดท้ายก็ยังฝืนไม่คิดจะร้องไห้ออกมา ตั้งแต่วันที่ข้าได้บีบคือเมียของตัวเองให้ตายคามือ เสียงกรีดร้องของเธอนั้นไม่มีหญิงสาวนางไหนเลยที่จะสามารถทำให้ข้ามีความสุขได้เช่นนั้นอีก จนกระทั่งได้มาพบเจ้า คลอเดีย ดรากูนอท ข้าจะทำให้เจ้ากรีดร้องออกมาให้มากกว่านี้!」
จากนั้นชายชราก็เริ่มเล่นบิวะที่แปรเปลี่ยนไปเป็นอาภรณ์วิญญาณของเขาอย่างุรุนแรง
พอเขาทำเช่นนั้น บิวะก็เกิดการสั่นอย่างรุนแรง มันไม่ใช่แค่เสียงธรรมดาที่ดังออกมา แต่มันเป็นเสียงแห่งคำสาปที่เข้าไปโจมตีสองพ่อลูกดรากูนอทในทันที การโจมตีนั้นมันทะลวงเข้าไปถึงยังส่วนสมองของทั้งคู่จนสร้างความเจ็บปวดอย่างรุนแรงออกมา
ขณะที่ชายชรามองไปยังสองพ่อลูกดรากูนอทที่ล้มลงไปกับพื้นด้วยความเจ็บปวด น้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นน้ำเสียงที่สงบและถามกับพวกเขา
「ก่อนที่ข้าจะฆ่าพวกเจ้า ข้าอยากจะถามอะไรเสียหน่อย พวกเจ้าทำลายคำสาปของข้าลงได้อย่างไรกัน? นั่นมันคือผลงานอันยิ่งใหญ่ของอาภรณ์วิญญาณข้าเชียวนะ ข้ามั่นใจว่าถึงพวกเจ้าจะมี โอชิมิสึ (จันทราอมตะ) อยู่ก็ตามที」
「นี่เจ้าไม่รู้อย่างงั้นหรือตาแก่? คำสาปของเจ้าหญิงก็ต้องถูกปัดเป่าด้วยจุมพิตจากเจ้าชายสิ」
「ฮิฮิฮิ! คำสาปที่ถูกแก้ด้วยการจูบเพียงครั้งเดียว ทุกคนบนโลกนี้ก็เป็นจอมเวทได้กันหมดแล้ว เอาเถอะถ้าเจ้าไม่คิดจะบอกข้า ข้าก็แค่ต้องใช้เวลาทรมานเจ้าจนกว่าจะพูดออกมา เพราะสิทธิพิเศษในการเล่นกับเหยื่อคือสิทธิของผู้ที่แข็ง-」
ขณะที่ชายชรากำลังพูดออกมาและหัวเราะไปด้วยอย่างสนุกสนาน
ก็มีบางสิ่งที่เหมือนกับทนฟังสิ่งที่เขาพูดไม่ได้แล้วอีกต่อไปปรากฏขึ้น-
–มันเป็นประกายแสงสีดำ
เกิดแรงกระแทกจนกลายเป็นหลุมระเบิดขึ้น โดยมีทิศทางมาจากคฤหาสน์ของดยุก ความรุนแรงของมันมากพอที่จะทำให้กำแพงสีดำจากกาโควไซได้รับผลกระทบไปด้วย
「……อะไรกัน? 」
ชายชราหยุดพูดและเริ่มหรี่ตาที่มืดบอดของเขา
บรรยากาศที่ชวนน่าขนลุกได้คืบคลานเข้ามาหาเขา มันสร้างความกดดันจนทำให้คอของเขาแห้งผาก
เขารู้สึกได้ถึงภัยคุกคามที่ไม่เคยสัมผัสได้มาก่อนจากคฤหาสน์นั้น
ด้วยเหตุนี้เอง ชายชราที่กำลังจะเล่นสนุกกับการเริ่มฆ่าดยุกดรากูนอทและลูกสาวของเขา ก็หยุดชะงักไปในทันที เขารู้ตัวแล้วว่าตอนนี้จำเป็นต้องให้ความสำคัญไปยังศัตรูคนใหม่แทน
ไม่นานนักก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากทางคฤหาสน์
แน่นอนว่ารูปลักษณ์ของชายหนุ่มไม่ได้สะท้อนออกมาจากสายตาที่มืดบอดของเขา แต่เขาจำเสียงฝีเท้านั้นได้ดี
เขาคือชายหนุ่มที่เขาเจอบริเวณสุสานวันก่อน เหมือนกับคลอเดีย ดรากูนอท เขารู้สึกประทับใจชายหนุ่มคนนี้ที่ไม่ปฏิบัติกับเขาด้วยท่าที่ที่เหยียดหยามเพียงเพราะตนเหมือนขอทาน
และก็มีอีกสิ่งที่เขาได้ยินเมื่อชายผู้นี้มาถึง
「คุณโซระ!」
ชื่อที่คลอเดียพูดขึ้นมาเองตามสัญชาตญาณ
แต่สำหรับคนของตระกูลมิตสึรุกิแล้ว ชื่อดังกล่าวนั้นเป็นชื่อที่มิอาจจะลืมเลือนไปได้เลยในหลายๆ ความหมาย
———
Note 1 : จะได้ใส่กันสักที ว่าแต่เวลพี่แก ลดไม่ใช่เหรอจะไหวไหมน้อ
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code