ตอนที่ 383 การปรากฏตัวของผู้อาวุโสสูงสุด (4) / ตอนที่ 384 การปรากฏตัวของผู้อาวุโสสูงสุด (5)
ตอนที่ 383 การปรากฏตัวของผู้อาวุโสสูงสุด (4)
“เกิดอะไรขึ้นหรือ” ฮวาเหยาจ้องไปที่เฉียวฉู่ด้วยใบหน้าตกใจ ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังเฟยเยียนและหรงรั่วด้วยท่าทางที่สับสนยุ่งเหยิงเล็กน้อย
เฉียวฉู่ตกใจมากจนพูดออก เขายกนิ้วขึ้นชี้ไปที่จวินอู๋เสีย นิ้วนั้นยังคงสั่นอย่างรุนแรง
หรงรั่วกระแอมและบอกกับฮวาเหยาว่า “น้องเสียบอกว่า…เม็ดยาที่พวกเราขายไปเมื่อสักครู่นั้นเป็นของจริง”
แม้แต่ฮวาเหยาที่ปกตินิ่งสงบ ก็ยังอึ้งไปหลังจากได้ยินคำพูดนี้
“จวินเสีย เม็ดยาพวกนั้น…เจ้าหลอมขึ้นมาเองหรือ” ฮวาเหยามองไปที่จวินอู๋เสีย ขณะที่ในหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงที่อธิบายไม่ได้ ย้อนกลับไปในตอนนั้นที่จวินอู๋เสียเสนอให้เขาปลอมตัวเป็น ‘มู่เฉิน’ แล้วยืมชื่อของสำนักชิงอวิ๋นเร่ขายเม็ดยา ความคิดของเขาก็เป็นเหมือนกับคนอื่นๆ ที่คิดว่าจวินอู๋เสียแค่จะเอาตาปลามาปลอมปนกับไข่มุก[1] แต่คิดไม่ถึง…
เจ้าตัวน้อยคนนี้ ดันเอาไข่มุกจริงๆ ออกมาขาย…แถมยังเป็นไข่มุกคุณภาพชั้นยอดอีกด้วย!
จวินอู๋เสียเพียงครางอืมเบาๆ ครั้งหนึ่ง แววตาของนางสงบไม่ได้มีร่องรอยของความปั่นป่วนใด นางไม่เข้าใจ ทำไมพวกเฉียวฉู่และคนอื่นๆ ต้องมีปฏิกิริยารุนแรงกับเม็ดยาเพียงไม่กี่เม็ดนี้ด้วย
แม้ฮวาเหยาจะเตรียมใจไว้ก่อนแล้ว แต่เมื่อได้รับคำตอบที่ ‘ตรงไปตรงมา’ ของจวินอู๋เสีย เขาก็ตัวแข็งค้างไป
ดวงตาของทั้งสี่คนมองไปที่จวินอู๋เสียอย่างแปลกประหลาด เด็กคนนี้เป็นคนของสามโลกเบื้องล่างจริงๆ ใช่หรือไม่ พวกเขาต่างหากไม่ใช่หรือที่มาจากสามโลกชั้นกลาง…แต่ทำไมเม็ดยาที่เด็กคนนี้นำออกมา พวกเขาถึงไม่เคยแม้แต่จะได้ยินชื่อของมันเลยเล่า!
จวินอู๋เสียกวาดมองสายตาประหลาดของทุกคนด้วยแววตาสงบและนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวออกมาจากถุงเอกภพที่ห้อยอยู่ข้างเอว
“พวกเจ้าต้องการมันหรือไม่”
ดวงตาของทั้งสี่คนก็สว่างวาบ!
พวกเขาค่อนข้างคุ้นเคยกับขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวอันนี้ เมื่อสักครู่จวินอู๋เสียก็เพิ่งให้ขวดแบบเดียวกันนี้กับฮวาเหยา!
สิ่งที่อยู่ข้างใน…ไม่จำเป็นต้องพูดออกมาพวกเขาก็รู้ว่ามันคืออะไร
“นี่…นี่ให้พวกเราได้จริงๆ หรือ” เฉียวฉู่กลืนน้ำลายอย่างแรง ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวในมือของจวินอู๋เสียตาไม่กะพริบ
จวินอู๋เสียยัดขวดบรรจุเม็ดยาใส่ไว้ในมือของเฉียวฉู่โดยตรง
เม็ดยาเหล่านี้ เป็นเพียงส่วนที่เกินมาของเม็ดยาที่นางหลอมให้กับกองทัพรุ่ยหลินเป็นพิเศษเท่านั้น ไม่ได้มีความหมายอะไรเลยสำหรับนาง
ย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้น จวินอู๋เสียได้หลอมพวกมันขึ้นมาทั้งสิ้นถึงหนึ่งแสนเม็ดเต็มๆ!
ตัวนางเองไม่ได้คาดหวังว่าเม็ดยานี้จะสามารถขายได้ราคาดีขนาดนี้ จวินอู๋เสียผู้ซึ่งไม่เคยประสบกับปัญหาเรื่องการเงินมาก่อน แทบไม่เคยรู้เลยว่าเม็ดยาของนางมีมูลค่าเท่าไร ก่อนหน้านี้ที่บอกตัวเลขฮวาเหยาไป ก็เป็นเพียงราคาคร่าวๆ ที่นางกะขึ้นมาเพื่อให้พอต่อจำนวนเงินที่พวกเขาต้องการใช้ในปัจจุบันก็เท่านั้น ถามว่ามันคุ้มค่าหรือไม่ นางไม่รู้จริงๆ
แต่ความวุ่นวายก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้นก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า
มันคุ้มค่า!
แม้ว่าจวินอู๋เสียจะขโมยชื่อของมู่เฉินมาใช้ แต่นางก็ไม่ได้มีความคิดที่จะทำลายชื่อเสียงของมู่เฉินให้เสื่อมเสีย อย่างไรเสียเวลานี้มู่เฉินก็อาจจะไปถึงจวนหลินอ๋องที่อยู่ในรัฐชีแล้ว
คิดถึงตรงนี้ ดวงตาของจวินอู๋เสียก็หลุบลงเล็กน้อย นางได้ขอให้เยี่ยซาส่งข้อความไปถึงจวินอู๋เย่าแล้ว เพื่อให้เขาบอกต่อกับสองพ่อลูกสกุลจวินว่าตอนนี้นางกำลังออกไปฝึกฝนกับท่านอาจารย์ ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงนาง
แต่การกระทำโดยไม่ได้ตั้งใจนี้ของจวินอู๋เสียเพื่อหาเงิน กลับส่งผลกระทบอย่างมากต่อมู่เฉิน
ถึงขนาดที่หลังจากนั้นเป็นเวลานาน ในสามโลกเบื้องล่างข่าวลือของมู่เฉินที่ว่าเขาสามารถหลอมเม็ดยาที่ท้าทายสวรรค์ได้ด้วยมือเดียว ก็แพร่กระจายไปทั่วจนหมู่คนที่กระหายอยากในเม็ดยาของเขา แห่ไปที่จวนหลินอ๋องหลังได้รู้ว่ามู่เฉินไปพำนักที่นั่นแล้ว ทำให้ช่วงเวลาหนึ่ง เขาตกใจมากจนไม่กล้าก้าวออกจากประตูจวนหลินอ๋องแม้เพียงครึ่งก้าว
แต่นี่ก็เป็นเรื่องในภายหลัง ซึ่งจะยังไม่พูดถึงมันในตอนนี้
ตอนนี้พวกเขาก็มีเงินแล้ว ทั้งห้าคนจึงไม่ต้องกังวลว่าพวกเขาจะไม่สามารถจ่ายค่าธรรมเนียมได้อีกต่อไป จวินอู๋เสียผู้ใจกว้าง โยนตั๋วเงินจำนวนห้าแสนตำลึงให้แต่ละคน ก่อนจะให้พวกเขาแยกย้ายกันไปเข้าแถวอย่างอิสระ
หลังจากความวุ่นวายเพราะ ‘มู่เฉิน’ สิ้นสุดลง แถวด้านนอกประตูของสำนักศึกษาเฟิงหัวก็กลับมาเรียบร้อยเป็นปกติอีกครั้ง
ตอนที่ 384 การปรากฏตัวของผู้อาวุโสสูงสุด (5)
อย่างไรก็ตาม…
หลังจากเข้าแถวมาทั้งวัน ทั้งห้าคนก็ยังไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้แตะโดนธรณีประตูของสำนักศึกษาเฟิงหัว ท่ามกลางผู้คนมากมาย จวินอู๋เสียก้าวออกจากแถวไปอย่างเด็ดขาดและถอยออกไปยืนรออยู่ด้านข้าง จวบจนเมื่อม่านราตรีเริ่มเข้าปกคลุมท้องฟ้า สำนักศึกษาเฟิงหัวก็หยุดการรับสมัครลงชั่วคราว รอจนถึงพรุ่งนี้เช้าแล้วค่อยให้เด็กหนุ่มสาวทุกคนมาเข้าแถวใหม่ มองดูพระอาทิตย์ค่อยๆ ลาลับขอบฟ้า จวินอู๋เสียก็เข้าใจดีว่าวันนี้พวกเขามีความหวังเพียงน้อยนิดเท่านั้น
เช่นเดียวกับที่พระอาทิตย์ใกล้จะลาลับไป กลุ่มคนที่สวมชุดผ้าไหมสีน้ำเงินตัดขอบสีขาวก็เดินออกมาจากประตูของสำนักศึกษาเฟิงหัว บุรุษในวัยสามสิบต้นๆ ที่เดินนำกลุ่มคนมา มีใบหน้าที่ซื่อตรงและดวงตาส่องประกายแวววาว ด้านหลังเขาทั้งหมดเป็นเด็กหนุ่มสาวในวัยสิบแปดหรือสิบเก้าปี แต่ละคนห้อยจี้หยกรูปดวงดาวไว้บนหน้าอกของพวกเขา
เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้เดินออกมาจากสำนักศึกษาเฟิงหัว กลุ่มคนรุ่นเยาว์ที่เข้าแถวรอมาเกือบทั้งวันก็ตื่นเต้นระริกระรี้ขึ้นมาทันที
“ท่านผู้อาวุโสสูงสุดมู่เฉินแห่งสำนักชิงอวิ๋นอยู่ที่ใด” บุรุษผู้เดินนำกลุ่มมาหันไปพูดกับยามที่ยืนเฝ้าประตูของสำนักศึกษาเฟิงหัวอยู่
ยามที่เฝ้าประตูอยู่ก็เดินเข้าไปกระซิบกระซาบกับเขาสองสามคำ เห็นเพียงแค่บุรุษผู้นั้นขมวดคิ้วมุ่น จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างหนักและเดินกลับเข้าไปในสำนักศึกษาเฟิงหัวอย่างผิดหวัง
เฟยเยียนเฝ้าดูสถานการณ์นี้อย่างลับๆ ใบหน้าเล็กๆ ที่แยกไม่ออกว่าเป็นบุรุษหรือสตรีนั้น แทรกตัวผ่านฝูงชนเข้าไป และในไม่ช้าเขาก็กลับไปรวมกลุ่มกับสหายอย่างจวินอู๋เสียและคนอื่นๆ ที่ยืนรออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
“ดูเหมือนว่าเบ็ดในครั้งนี้ที่น้องเสียต้องการจะตก จะไม่ใช่เพียงแค่เงินเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงปลาตัวใหญ่ด้วยสินะ” เฟยเยียนเอนหลังพิงลำต้นของต้นไม้และกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ได้ข่าวอะไรมาหรือไม่” เฉียวฉู่ถามอย่างอดใจไม่ไหว
เฟยเยียนเองก็ไม่ได้อุบไว้ เขาตอบไปตามตรงว่า “บุรุษที่เพิ่งออกมาเมื่อสักครู่นี้ เขาเป็นอาจารย์ของสาขาผู้ใช้อาวุธวิญญาณจากตึกรอง อาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาเฟิงหัวแห่งนี้มีบุตรชายอยู่หนึ่งคน ตั้งแต่ยังเด็กก็มีร่างกายอ่อนแอและป่วยกระเสาะกระแสะมาโดยตลอด ทุกวันเขาต้องแช่ตัวอยู่ในน้ำยาสมุนไพร ท่านอาจารย์ใหญ่ใช้สมบัติไปนับไม่ถ้วนเพื่อรักษาชีวิตเขาไว้จนถึงทุกวันนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ร่างกายของคุณชายท่านนั้นเปราะบางและอ่อนแอเกินไป ไม่อาจทนต่อการเดินทางไกลได้ อาจารย์ใหญ่จึงทำได้เพียงให้เขาอยู่แต่ที่บ้านเพื่อรักษาตัว ปัจจุบันร่างกายและกระดูกของเขาฟื้นตัวดีขึ้นเล็กน้อยและ ขณะที่กำลังเตรียมจะเดินทางไปยังสำนักชิงอวิ๋นเพื่อขอให้ฉินเย่ว์รักษาเขา สำนักชิงอวิ๋นดันมาถูกลบออกไปเสียก่อน! บุรุษผู้นั้นเพิ่งได้ยินข่าวเกี่ยวกับการปรากฏตัวของมู่เฉินแห่งสำนักชิงอวิ๋นจึงรีบรุดมาที่นี่ แต่น่าเสียดาย…”
รอยยิ้มของเฟยเยียนนั้นเจิดจ้าเป็นพิเศษ ทุกคนที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับเขา ไม่ว่าจะเพียงแค่เพิ่งพบหน้าหรือไม่คุ้นหน้าค่าตากันเลย เฟยเยียนก็สามารถขุดค้นข้อมูลที่เขาต้องการได้เสมอตราบเท่าที่เขาต้องการ
“คิกๆ! เจ้าว่าถ้าท่านอาจารย์ใหญ่แห่งสำนักศึกษาเฟิงหัวผู้นั้นรู้ว่าผู้ร้ายที่ทำลายสำนักชิงอวิ๋นจนราบคาบกำลังวางแผนที่จะเข้าศึกษาในสำนักศึกษาของเขา ไม่รู้ว่าเขาจะส่งคนมาทุบตีเราจนตายหรือไม่” เฉียวฉู่กล่าวพร้อมกับปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
สำนักชิงอวิ๋นไม่ใช่สถานที่ที่ดีอันใด หากเจ้าต้องการขอให้ฉินเย่ว์ช่วยรักษาอาการป่วย อย่างน้อยๆ ก็ต้องลอกหนังของตัวเองออกสักชั้นก่อนเพราะค่ารักษานั้นช่างแพงมหาศาลเหลือเกิน
“ข้าคิดว่ามีความเป็นไปได้ แต่เสี่ยวรั่วและข้าย่อมปลอดภัยดี แต่พวกเจ้า…” เฟยเยียนยิ้มอย่างชั่วร้ายมาก
จะว่าไปแล้วดวงชะตาของคุณชาย บุตรชายของท่านอาจารย์ใหญ่ผู้นี้จะโชคร้ายเกินไปหน่อยหรือไม่ อุตส่าห์พักรักษาตัวมานานปี ไม่ง่ายเลยกว่าที่ร่างกายจะแข็งแรงขึ้นเล็กน้อยพอจะเดินทางไกลได้ แต่สำนักชิงอวิ๋นที่เป็นจุดหมายปลายทางกลับถูกทำลายไปเสียก่อน!
น่าเสียดายที่มันสายเกินไป…
“ข้ายังได้ยินมาว่าท่านอาจารย์ใหญ่ตอนนี้กำลังเชิญตัวหมอเทวดามาที่สำนักศึกษาเฟิงหัวเพื่อมารักษาอาการป่วยให้กับบุตรชายของเขา ไม่รู้ว่าเขาจะหาตัวอีกฝ่ายเจอหรือไม่” เฟยเยียนถูคางของเขาเบาๆ
หลังจากที่เฟยเยียนพูดจบ สายตาของทั้งสามคนที่เหลือก็หันไปมองจวินอู๋เสียพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
หมอเทวดาหรือ
คนข้างๆ พวกเขานี้ไม่ใช่ว่าก็เป็นหมอเทวดาที่มีฝีมือล้ำลึกเกินหยั่งหรืออย่างไร!
หลังจากที่ได้เห็นจวินอู๋เสียรักษาเฉียวฉู่และฮวาเหยา พวกเขาทุกคนก็นับถือทักษะทางการแพทย์ของจวินอู๋เสียอย่างหมดหัวใจ
จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้น เมินเฉยต่อสายตาของทุกคนโดยสิ้นเชิง นางหันหลังและเดินไปยังโรงเตี๊ยมที่พวกเขาจองไว้เมื่อตอนที่เพิ่งมาถึง
“กลับกันเถอะ”
เอาเถอะ ดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะไม่เคยมีความคิดแบบนั้นเลย!
————————–
[1] เอาตาปลามาปลอมปนกับไข่มุก หมายถึงเอาของปลอมมาปะปนกับของจริง