บทที่ 237 ซื้อทันที

บทที่ 237 ซื้อทันที

“เขาอยู่ที่ไหน ฉันจะคุยกับเขาเอง” จางเหิงถามด้วยสีหน้าเศร้าหมอง

“เขากำลังมาที่นี่ อย่างช้าก็คงไม่เกินครึ่งชั่วโมง” ไป๋ไคตอบ

“งั้นก็รอเขา”

จางเหิงไม่ได้ขอให้คนงานหยุดทำงาน เขาคิดว่าเขาควรโทรหาหวงไห่เทา เพราะหวงไห่เทาเป็นคนแนะนำเจ้าของอาคารคนนี้มา ถ้าตกลงกันไม่ได้จริง ๆ หวงไห่เทาก็คงจะเป็นผู้แก้ปัญหานี้ร่วมกันกับเขา

ทว่าเมื่อเขาโทรหาหวงไห่เทา อีกฝ่ายกลับบอกว่าไม่มีเวลาจัดการกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ และขอให้เขาโทรไปหาโจวอี้เพื่อแก้ปัญหาโดยตรง

“เจ้านาย คุณหวงว่ายังไงบ้าง?” ไป๋ไคถามทันทีที่จางเหิงวางสาย

จางเหิงยิ้มอย่างขมขื่น เขาส่ายหัวและไม่ได้พูดอะไร

เขากำลังพิจารณาว่าจะบอกโจวอี้เกี่ยวกับเรื่องนี้ดีหรือไม่

เพราะโจวอี้ได้ให้อำนาจกับเขาเต็มที่ในการจัดตั้งบริษัทใหม่

หลังจากครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ เขาก็ตัดสินใจโทรหาโจวอี้ และได้รับคำตอบว่าโจวอี้จะมาที่นี่ด้วยตนเอง

ยี่สิบนาทีต่อมา รถเมอร์เซเดสเบนซ์คันหนึ่งก็หยุดลงที่บริเวณลานจอดรถใกล้ ๆ อาคาร จางเหิงและไป๋ไคที่รออยู่ได้เห็นชายอ้วนวัยกลางคนลงมาจากรถ

“ประธานเหมิง ผมต้องการคำอธิบาย!” จางเหิงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม

“ผมได้อธิบายชัดเจนไปแล้วทางโทรศัพท์ว่าบริษัทของผมกำลังเผชิญกับแรงกดดันทางการเงินอย่างรุนแรง ถ้าหากไม่ถูกบังคับ ผมคงไม่ต้องการขายอาคารหลังนี้หรอก” เหมิงไห่เผิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“แต่เราตกแต่งไปแล้วครึ่งหนึ่งและได้เซ็นสัญญากับบริษัทตกแต่งไปแล้ว ถ้าคุณให้เรายุติ เราจะสูญเสียไปมากนะ”

“เรื่องนี้ต้องขออภัยด้วยจริง ๆ”

แน่นอนว่าเหมิงไห่เผิงรู้ว่าจางเหิงรู้จักหวงไห่เทา แต่ตอนนี้เขาต้องการเงินอย่างมาก ดังนั้นต่อให้วันนี้หวงไห่เทาจะมาที่นี่ เขาก็จะยังตัดสินใจขายอาคารนี้อยู่ดี

จางเหิงเงียบไป

เขารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะขายอาคารนี้จริง ๆ

จางเหิงหรี่ตาลงและพูดว่า “ประธานเหมิง เรายินดีที่จะเพิ่มค่าเช่าห้าแสนหยวนให้คุณทุกปี”

“ประธานจาง นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับค่าเช่า สิ่งที่ผมขาดไม่ใช่ค่าเช่า แต่เป็นเงินทุนจำนวนมาก” เหมิงไห่เผิงยิ้มเจ้าเล่ห์

“เร่งด่วนขนาดนั้นเลย?”

“ใช่ ด่วนมาก”

“งั้นก็ขอโทษด้วยก็แล้วกัน แต่ผมยังคงอยากยึดกับแผนเดิมของผม ถ้าหากคุณต้องการยกเลิกสัญญา เราก็ไปเจอกันในศาลจะดีกว่า ผมว่าพอผ่านกระบวนการทางกฎหมายแล้ว มันก็เป็นไปไม่ได้ที่คุณจะขายอาคารได้ในเวลาอันสั้นแบบนี้”

“คุณพูดว่าอะไรนะ?” รอยยิ้มของเหมิงไห่เผิงแข็งค้าง

เขาเป็นนักธุรกิจ หลังจากได้ยินคำพูดของจางเหิง เขาก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเองคงจะไม่สามารถขายอาคารได้ในเวลาอันสั้นแน่นอนหากเรื่องนี้บานปลายไปถึงการฟ้องร้องขึ้นศาล

ต่อให้จะมีคนรู้จักมาช่วยในการเร่งกระบวนการศาล ท้ายที่สุดกว่าจะขายตึกนี้ได้ก็น่าจะไม่ต่ำกว่าหนึ่งหรือสองเดือน

นอกจากนี้ แม้เขาจะมีคนรู้จัก แต่อีกฝ่ายก็รู้จักคนมากมายเหมือนกัน

ตระกูลหวงในจินหลิงนั้นมีอิทธิพลมาก หากหวงไห่เทาเข้าแทรกแซงสิ่งต่าง ๆ คงจะลำบากมากขึ้น

ควรทำอย่างไรดี?

แต่ยังไงก็ยังต้องการเงินด่วน!

และมันก็ไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ เลย

หากไม่สามารถหาเงินได้ภายในหนึ่งเดือน บริษัทของเขามีโอกาสมากถึง 80% ที่จะล้มละลาย และเมื่อล้มละลาย อาคารนี้ก็ถูกยึดไปอยู่ดี

“ถ้าผมขออาคารนี้คืน คุณจะสูญเสียไปเท่าไหร่ล่ะ” เหมิงไห่เผิงครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะถามเสียงเข้ม

“สิบล้าน!” จางเหิงตอบ

“เป็นไปไม่ได้ คุณยังตกแต่งไม่เสร็จเลย คุณจะใช้เงินมากมายไปกับการเพิ่งเริ่มตกแต่งขนาดนี้เนี่ยนะ” เหมิงไห่เผิงถามอย่างโกรธเคือง

“คุณคิดผิดแล้ว มาตรฐานการตกแต่งของเรานั้นสูงมาก เราเป็นบริษัทบันเทิง วัสดุตกแต่งจำนวนมากนำเข้าจากต่างประเทศ ถ้าหากคุณไม่เชื่อ คุณหาผู้รู้มาตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้!” จางเหิงกล่าวเสียงแข็ง

สีหน้าของเหมิงไห่เผิงเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กัดฟันและพูดว่า “ผมยินดีจ่ายให้คุณอีกห้าล้าน เราสูญเสียกันคนละครึ่งได้ไหม”

“ผม…”

แต่แล้วยังไม่ทันที่จางเหิงจะตอบอะไร เขาก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงรถเบรกกะทันหัน

พวกเขาเห็นโจวอี้ลงจากรถ

เหมิงไห่เผิงตกตะลึง

เขารู้จักรถคันนี้ เขารู้ป้ายทะเบียนรถคันนี้ นี่คือรถของเฉิงฮ่าว เจ้านายใหญ่ในโลกธุรกิจของจินหลิง!

สิ่งที่ทำให้เขางงก็คือไม่ใช่เฉิงฮ่าวที่ลงจากรถ แต่เป็นชายหนุ่มอายุราวยี่สิบกว่า

“เจ้านาย!” จางเหิงและไป๋ไคกล่าวทักทายโจวอี้ ทั้งสองมีสีหน้าละอายอย่างมาก

“เล่ารายละเอียดมา” โจวอี้พูดขึ้นมาทันที

“อีกฝ่ายตั้งใจที่จะผิดสัญญาและนำอาคารกลับไปขาย เรากำลังคุยกับเขา แต่ผลลัพธ์ไม่เป็นอย่างที่เราต้องการ” จางเหิงเล่าออกมา

โจวอี้เลิกคิ้วและมองไปที่เหมิงไห่เผิง

“คุณเป็นเจ้าของตึกนี้เหรอ?” โจวอี้ถาม

“ใช่ แล้วคุณคือ…” เหมิงไห่เผิงดูลังเล

“แซ่ของผมคือโจว” โจวอี้ตอบกลับ และสายตาของเขาก็หันไปทางอาคารที่กำลังตกแต่ง

นี่คืออาคารห้าชั้น แม้ว่าความสูงของมันจะไม่มากนัก แต่ช่วงฐานของมันกว้างมาก แต่ละชั้นมีห้องอย่างน้อยหนึ่งโหล ทั้งอาคารมีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่

นอกจากนี้ ทำเลของตึกนี้ยังดีมาก การคมนาคมสะดวก ดังนั้นจึงเหมาะสมที่จะตั้งบริษัทที่นี่

“เท่าไหร่?” โจวอี้ถามขณะมองไปที่อาคารอันงดงามนี้

“ฮะ?” เหมิงไห่เผิงดูงุนงง

“ผมหมายถึงว่าคุณจะขายตึกนี้ราคาเท่าไหร่” โจวอี้ถาม

“นี่…” เหมิงไห่เผิงลังเล

“ทำไม? คุณไม่ได้บอกว่าคุณต้องการขายตึกนี้เหรอ แล้วทำไมตอนนี้กลับบอกราคาที่ต้องการขายไม่ได้” โจวอี้หันไปมองอีกฝ่ายแล้วถามอย่างเฉยเมย

“320 ล้าน นี่เป็นราคาที่ผมต่อรองกับผู้ซื้อเจ้านั้น” เหมิงไห่เผิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ท้ายสุดก็ยอมพูดราคาออกมา

ไม่ว่าชายหนุ่มแซ่โจวจะคิดอย่างไร เขาก็จะต้องขายตึกนี้ให้ได้ ถ้าหากอีกฝ่ายสามารถซื้อได้ เขาก็ยินดีที่จะขายมัน ตราบใดที่อีกฝ่ายจ่ายเงินได้อย่างรวดเร็ว

“ได้ ถ้างั้นมาทำสัญญาซื้อขายกัน ฉันจะซื้อตึกนี้ทันที”

“คุณ… คุณจะซื้อมันเหรอ?” เหมิงไห่เผิงถามด้วยความประหลาดใจ

เขาไม่เชื่อ เขาไม่ได้สงสัยสถานะทางการเงินของอีกฝ่าย แต่เขาแค่รู้สึกแปลกใจที่อีกฝ่ายไม่ได้ต่อรองเลยสักนิด อีกฝ่ายมาที่นี่เพื่อรับทราบสถานการณ์ ถามราคา และเต็มใจที่จะซื้อมันทันทีเนี่ยนะ!

ถึงมันจะแปลก แต่เขาก็มีความสุข!

จริงอยู่ที่ราคาของตึกนี้คือ 320 ล้าน!

ถึงแม้เขาจะไม่ได้โก่งราคา แต่การที่อีกฝ่ายตกลงที่จะซื้อบางอย่างที่มีมูลค่ามากกว่าสามร้อยล้านหยวนโดยไม่ได้คิดมากแบบนี้มันน่าทึ่งเกินไป คนคนนี้เป็นใครกัน?

อีกด้านหนึ่ง จางเหิงและไป๋ไคต่างพากันเผยสีหน้าโง่งม

พวกเขาจ้องไปที่โจวอี้ด้วยสายตาว่างเปล่า หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็มองหน้ากันอย่างรวดเร็ว

บ้าไปแล้วหรือไงที่ซื้อตึกมูลค่า 320 ล้านเพื่อตั้งบริษัทบันเทิง? ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเงินลงทุนทั้งหมดที่จะตั้งบริษัทนี้แค่ร้อยล้านหยวนหรอกเหรอ

นี่มันไม่ถูกต้อง!

จางซิ่วจือและหวงไห่เทาร่วมกันลงทุน 40 ล้านหยวน และโจวอี้อีกเพียง 60 ล้านหยวนเท่านั้นไม่ใช่เหรอ?!