บทที่ 315 ค่ายกลดาบห้าธาตุ

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 315 ค่ายกลดาบห้าธาตุ

บทที่ 315 ค่ายกลดาบห้าธาตุ

ฉู่เหินใช้เวลาทั้งหมดเพื่อสร้างค่ายกลที่นี่ ตามที่เขารู้จากพลังคาดเดาอนาคตตอนที่มีบุกโจมตีแค่ไม่นานนักศัตรูก็บุกทำลายโจมตีค่ายกลสำเร็จ เขาเลยคิดจะสร้างค่ายกลให้ดีที่สุดอนาคตอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้

ฉู่เหินกำลังวางแผนที่จะสร้างค่ายกลดาบห้าธาตุในครั้งนี้มันค่อนข้างยากที่จะสร้างค่ายกลนี้ เขาคาดว่าจะต้องใช้เวลาซักระยะหนึ่งในการสร้างค่ายกลให้เสร็จสมบูรณ์ กองกำลังที่อยู่รอบ ๆ ถ้าพวกมันบุกเข้ามาจะต้องโดนค่ายกลที่ดีที่สุดที่เขาทำได้ฆ่าตายให้ได้มากที่สุด

หลังจากใช้พลังคาดเดาอนาคตไปหลายครั้ง เขาก็รู้ว่าต้องสร้างค่ายกลดาบห้าธาตุตรงไหนถึงจะดีที่สุดในระยะเวลาอันสั้นเขาไม่อาจคุ้นชินพื้นที่แถวนี้ แถมยังต้องสร้างค่ายกลให้ดีที่สุดอีกด้วย มันจึงไม่ง่ายเลยที่จะสร้างค่ายกลนี้ภายใต้เงื่อนไขที่จำกัดมากมายขนาดนี้ ถ้าไม่มีพลังคาดเดาอนาคตเขาคงต้องตายอย่างแน่นอน

เพื่อทุกคนฉู่เหินต้องสู้! ฉู่เหินประสานมือและกระแทกเบา ๆ เฉิงหมิงกู่และคนของนิกายกิเลนเห็นแบบนั้นต่างก็พยักหน้าให้กับความจริงจังของฉู่เหิน แม้พวกเขาจะไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับค่ายกลมากนัก แต่เห็นได้ชัดว่าค่ายกลของฉู่เหินช่างลึกลับยิ่งนัก!

จริง ๆ แล้วการให้ฉู่เหินสร้างค่ายกลในนิกายตัวเองมันขัดกับข้อห้ามของนิกาย หากค่ายกลของฉู่เหินไม่ได้เรื่องมันจะเป็นการผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่กับพวกเขาทั้งหมด แต่พวกเขาก็รู้สึกสบายใจเมื่อเห็นว่าพื้นที่ที่ฉู่เหินใช้ในการวางสร้างค่ายกลนั้นมีความกว้างกว่า 100 ตารางเมตร เพราะงั้นมันคงก็ไม่ก่อให้เกิดอันตรายกับนิกายของพวกเขามากนักหากเกิดความผิดพลาดขึ้นมา

แต่ถ้าพวกเขารู้ว่าฉู่เหินสามารถควบคุมได้ทั่วทั้งภูเขาผ่านค่ายกลแค่ 100 เมตร พวกเขาคงไม่กล้าปล่อยให้ฉู่เหินวางค่ายกลแน่

แม้ฉู่เหินจะไม่เคยสร้างค่ายกลดาบห้าธาตุ แต่เขารู้ว่ามันต้องใช้วัสดุระดับสูงอะไรบ้าง เหตุผลสำหรับการสร้างค่ายกลนี้คือเพื่อเตรียมรับมือกับสงครามที่จะเกิดขึ้น แม้ว่าคนอื่นจะไม่รู้แต่ฉู่เหินรู้ดี

แต่สิ่งที่ทำให้ฉู่เหินคิดอยู่ตอนนี้ก็คือ ค่ายกลนี้อาจยังไม่เพียงพอ! หลังจากใช้พลังคาดเดาอนาคตอย่างละเอียด เขาก็ตระหนักว่าค่ายกลนี้กับทางหลบหนีมันไกลกันเกินไป ทำให้อาจไม่มีโอกาสที่จะหนีออกไปจากที่นี่ได้

มันเท่ากับถ้าพลาดก็คือตาย!

หลังจากคิดเรื่องนี้ฉู่เหินก็ครุ่นคิด เขาพูดอะไรไม่ออก เขาเตรียมมาขนาดนี้แต่เขาก็ยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาได้ทั้งหมด ทำให้เขานิ่งเงียบไปนาน

จากนั้นฉู่เหินก็สรุปอย่างรอบคอบอีกครั้ง เขาคิดว่าตอนที่ศัตรูบุกเข้ามาโจมตี มันก็ต้องใช้เวลาสัก 2-3 ชั่วโมง ถ้าคว้าโอกาสนี้เอาไว้ได้ก็ยังเหลือแสงแห่งความหวัง

หลังใช้เวลาอยู่นาน ในที่สุดค่ายกลดาบห้าธาตุก็เสร็จสิ้น ตอนนี้เฉิงหมิงกู่ก็พร้อมที่จะส่งคนเข้าไปเพื่อลองทดสอบมันแล้ว! เขาคิดว่าจะดีกว่าถ้าให้ผู้คนมาดูด้วยตาตัวเองแต่พอได้ยินเรื่องนี้ดวงตาของฉู่เหินก็เบิกกว้างทันที!

“พี่เฉิงนี่ช่างไม่รู้เลย ค่ายกลมันต้องใช้เวลาสักพักถึงจะถูกเปิดใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ ถ้าพี่เฉิงอยากเห็นพลังของค่ายกลนี้จริง ๆ มันจะดีกว่านะถ้าพี่รออีกสัก 2 ชั่วโมง” คำพูดของฉู่เหินทำให้ทุกคนสงสัย ทำไมต้องรออะไรอีกก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าสร้างเสร็จแล้ว?

แต่หลังจากคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ถ้าฉู่เหินบอกให้รออีก 2 ชั่วโมงก็ 2 ชั่วโมงไม่ได้นานอะไร แต่ยังมีบางคนที่คิดว่าฉู่เหินอายุน้อยเกินไปและด้วยอายุแค่นี้จะสร้างค่ายกลที่ยิ่งใหญ่ได้ยังไงกัน

ฉู่เหินไม่รู้หรอกว่าใครจะคิดยังไง และเขาก็ไม่ได้สนใจ เพราะสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดก็คือวิธีทำให้เขาช่วยทุกคนให้รอดพ้นจากอันตรายนี้ไปได้

ทุกคนหัวเราะออกมาและมีหนึ่งคนที่อึดอัดที่สุด คนนี้ไม่ใช่คนอื่นเป็น

ปาเค่อ ตอนนี้ปาเค่อกลายเป็นเด็กทารกและถูกอุ้มไว้ในอ้อมแขนของเสี่ยวชิง มันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ หากไม่ใช่คำขอของฉู่เหินบางทีเขาอาจจะกระโดดออกไปแล้ว

“น้องฉู่ดื่มชาก่อนไหม? เดี๋ยวค่อยเลี้ยงฉลองทีหลังน่า!” หลังจากเฉิงหมิงกู่พูดจบเขาก็สั่งน้ำชามาให้สำหรับฉู่เหิน จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็นั่งคุยกัน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องมุมมองและการตีความของหลักการเต๋าเป็นหลัก

แม้เฉิงหมิงกู่จะเป็นผู้พิชิตดาราแล้ว แต่ความเข้าใจของเขาที่มีต่อเต๋านั้นยังไม่เท่าของฉู่เหิน คำอธิบายของฉู่เหินมีเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เพียงแค่เฉิงหมิงกู่ที่ชื่นชมฉู่เหิน แต่ยังรวมถึงพี่น้องชายหญิงของเขาด้วย พวกเขาต่างชื่นชมฉู่เหินกันทุกคน

“จะว่าไปแล้วน้องฉู่ พอฉันได้รู้จักนาย ฉันก็ไม่คิดเลยนะนายจะเป็นคนที่ดื้นด้านจนไปท้าทายสวรรค์เข้า ฮ่าฮ่า” เฉิงหมิงกู่ถามคำถามที่น่ากลัวที่สุดเกี่ยวกับฉู่เหินออกมา

“พี่เฉิง นี่ช่างเป็นชาที่ดีจริง ๆ สดใหม่ หวานและอร่อย ต้องเป็นชาระดับสูงแน่ ๆ !” เมื่อไม่รู้ว่าจะตอบอีกฝ่ายยังไง ฉู่เหินจึงเปลี่ยนเรื่องคุยเอาดื้อ ๆ

ที่เฉิงหมิงกู่ ถามแบบนี้เพราะรากฐานพลังของเขาเคยหยุดนิ่งจนต้องมีชะตากรรมอันเลวร้าย หลังจากผ่านไปหลายปีพลังฝึกตนของเฉิงหมิงกู่ก็หยุดลงและไม่ก้าวหน้าใด ๆ อีกเลยไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ถูกส่งมาอยู่ที่เกาะซาถัวแบบนี้แน่

ตอนแรกนั้นเฉิงหมิงกู่แค่ต้องการไล่ตามอิสรภาพ แต่เขาก็พบว่าตัวเขาถูกตัดขาดจากเส้นทางแห่งสวรรค์ จนเฉิงหมิงกู่ยอมแพ้ต่อความตั้งใจของตัวเองและพอเขายอดแพ้เรื่องอิสรภาพต่อเส้นทางของตัวเอง เขาก็กลับมาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เพราะเขากลับมาอยู่ในเส้นทางที่สวรรค์เลือกให้! นี้ขนาดเขาแค่คิดไม่ได้เลือกเส้นทางใหม่ ยังลำบากขนาดนี้!

ด้วยเหตุนี้เขาจึงค่อนข้างให้ความเคารพผู้ที่เป็นปรปักษ์ต่อสวรรค์! นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาอยากสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับฉู่เหิน เพราะฉู่เหินความกล้าจะเดินบนเส้นทางของตนเองไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด

“น้องฉู่ นายทำได้ตั้งแต่อายุยังน้อย อนาคตของนายต้องไร้ขีดจำกัดแน่!” ในเวลานี้ชายวัยกลางคนก็เดินเข้ามานั่งอยู่ข้าง ๆ เฉิงหมิงกู่และพูดกับฉู่เหินด้วยรอยยิ้ม

นามสกุลของชายคนนี้คือ หลิว ชื่อ หลิวจวิ้นซาน เฉิงหมิงกู่แนะนำชายคนนี้ให้ฉู่เหินทันทีที่เดินเข้ามา! ฉู่เหินรู้ดีว่าหลิวจวิ้นซานไม่ใช่รองประมุขของที่นี่แค่ในนาม แต่วรยุทธ์ของหลิวจวิ้นซานก็ไม่ด้อยกว่าเฉิงหมิงกู่เลย ถือได้ว่าเป็นผู้พิชิตดาราคนที่สองของที่นี่

ฉู่เหินรู้สึกอึดอัดใจหลังจากได้ยินคำพูดของหลิวจวิ้นซาน เพราะแม้คำพูดจะดูชื่นชมเขาแต่ฉู่เหินเห็นร่องรอยของการดูถูกเหยียดหยามจากคิ้วของหลิวจวิ้นซาน บรรยากาศแบบนี้ทำให้ฉู่เหินงุนงงมาก เพิ่งเจอกันครั้งแรกแท้ ๆ ทำไมอีกฝ่ายถึงเกลียดเขาขนาดนี้?

จากนั้นฉู่เหินก็ใช้พลังคาดเดาอนาคตของหลิวจวิ้นซานคนนี้ แต่ผลลัพธ์ดันออกมาไม่ดีเท่าไหร่ อย่างแรกคือเขาไม่รู้จักชายคนนี้และมนุษย์เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาดังนั้นจึงค่อนข้างยากที่จะเห็นอนาคตของหลิวจวิ้นซาน! จนท้ายที่สุดฉู่เหินก็ไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเกลียดเขานัก แต่ฉู่เหินสัมผัสได้ถึงปัญหาบางอย่างจากชายคนนี้!

พลังคาดเดาอนาคตไม่ใช่วิชาครอบจักรวาล เพราะอนาคตเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้นจึงยากจะคาดเดาอนาคตของชายที่พึ่งรู้จัก อย่างน้อยในปัจจุบันฉู่เหินก็ยังทำไม่ได้ ตอนนี้เขาเห็นแค่อนาคตของตัวเขาเองกับคนสนิทเท่านั้นที่ชัดเจน นั่นคือจุดอ่อนของพลังคาดเดาอนาคต

แต่ว่าฉู่เหินกลัวว่าชายคนนี้หากเป็นสายลับที่กลุ่มอื่นที่ส่งถ้าเป็นคนทรยศจริง ๆ ละก็อันตรายแน่ ลองนึกภาพว่าถ้าชายนี้ใช้ลงมือทรยศในช่วงเวลาวิกฤตสิถึงตอนนั้นมันจะอันตรายขนาดไหน

ฉู่เหินคิดถึงเรื่องนี้อย่างใจเย็น และไปบอกปาเค่อให้คอยสอดส่องชายคนนี้เอาไว้ให้ดี!