บทที่ 316 สงคราม

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 316 สงคราม

บทที่ 316 สงคราม

หากหลิวจวิ้นซานทรยศจริง ๆ พวกเขาต้องถูกฆ่าตายแน่ ๆ หลังจากเจอปัญหานี้ฉู่เหินคิดหาทางแก้ไขทันที ฉู่เหินคิดว่าเขามีโอกาสรอดชีวิตมากกว่าอนาคตรูปแบบต่าง ๆ ที่เขาเคยเห็น

ในขณะที่ฉู่เหินกำลังเป็นกังวลถึงเรื่องต่าง ๆ อยู่ที่เกาะนั้น

ณ ที่บ้านของเขา หลังจากโดนลอบโจมตี นางเงือกมากกว่า 20 คนรวมถึงพี่เสือและพี่แรดต่างก็กำจัดศัตรูได้ในที่สุด พวกเขาจับคนพวกนั้นมาสอบปากคำจะได้รู้ที่มาที่ไป พอรู้เรื่องต่าง ๆ ทุกคนก็ตัดสินใจไปทะเลเพื่อตามหาฉู่เหิน

แต่บ้านไม่สามารถทิ้งไว้ได้โดยไม่มีใครดูแล สุดท้ายพวกเขาก็ได้ข้อสรุปว่าจะไปกันเกือบทั้งหมดและให้คนแคระเฝ้าที่นี่! วกเขามีคนแคระที่เป็นผู้พิชิตดาราถึง 4 คนถึงแม้ว่ารากฐานการฝึกตนจะไม่ดีเท่ากับปาเค่อก็ตาม แต่ทั้ง 4 ก็มีพลังถึงขั้นผู้พิชิตดาราระดับ 5!

นอกจากนี้นางเงือกมากกว่า 20 คนก็จะอยู่ที่นี่คอยช่วยเหลือเมื่อรวมกับค่ายกลของที่นี่ไม่มีทางเลยที่คนธรรมดาทั่วไปจะสามารถเข้ามาได้ พอตกลงกันเสร็จแล้วตงโกวจีหยาง ก็หยิบน้ำอมฤต 2 ขวดออกมาและมอบให้กับกู้อี้ลี่

น้ำอมฤต 2 ขวดนี้ไม่ได้มีไว้ให้ดื่ม ตงโกวจีหยางบอกว่ายาทั้ง 2 ขวดนี้หายากมากในโลกใบนี้ ผลของน้ำอมฤตทั้งสองจะแตกต่างกัน ขวดหนึ่งเรียกว่ายาหลอนประสาท เหมือนกับยาฉู่เหินขายในต่างโลก อีกหนึ่งขวดเรียกว่ายาฉือฮวา หลังจากที่ยานี้ถูกโยนออกไปอีกฝ่ายเมื่อสัมผัสโดนจะทำให้ร่างกายกลายเป็นหินในทันที

ถ้าเป็นแบบนี้แม้แต่ขั้นผู้พิชิตดาราในระดับเดียวกันก็ไม่คนามือของกู้อี้ลี่อีกต่อไป ด้วยน้ำอมฤตสองขวดที่อยู่ในมือ ความกล้าหาญของกู้อี้ลี่ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่ ด้วยยานี้เขาเลยอยู่ที่บ้านได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ

คนออกไปช่วยมี โป๋อีกู่กับโจวหู่ที่แข็งแกร่ง พวกต้าเอ๋อตุน และแมวนพเวทย์เองก็จะไปช่วยฉู่เหินด้วย แม้แต่ตงโกวจีหยางก็ไปกับพวกเขา! ตอนแรกทุกคนไม่ยอมให้ตงโกวจีหยางไปด้วย แต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ให้กับเด็กคนนี้

ตงโกวจีหยางมีความสามารถหลายด้าน น้ำอมฤตแปลก ๆ พวกนั้นเด็กคนนี้ก็เป็นคนทำ บางทีการพาตงโกวจีหยางไปด้วยอาจเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่เลวร้อายได้ ดังนั้นโป๋อีกู่เลยเด็กคนนี้พาไปด้วย

ส่วนซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ เจียฉิวฉิว และคนอื่น ๆ เองก็อยากไปเช่นกัน แต่พวกเธอไม่ได้รับอนุญาตให้ตามไป การเดินทางสู่มหาสมุทรครั้งนี้ไม่ใช่การไปออกเที่ยว แต่มันอันตรายมาก โป๋อีกู่ไม่อยากจะพาผู้หญิงสองคนนี้ไปด้วยเพราะเขารู้ว่าพวกเธอต้องเป็นภาระแน่ ๆ

แม้พวกเขาจะไม่พาซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ไปด้วย เธอก็เรียกพ่อของเธอให้มาช่วยแทนเป็นผลให้ซ่างกวนชิงเฟิงส่งคนมากมายมาด้วยในวันถัดไป! ผู้คนนับสิบเหล่านี้เป็นบรรพบุรุษของตระกูลซ่างกวน และตอนนี้พวกเขาต่างเป็นผู้พิชิตดารากันหมดแล้ว!

ผู้คนมากกว่าครึ่งโหลอยู่ในขั้นผู้พิชิตดารา และครึ่งก้าวสู่ขั้นผู้พิชิตดาราอีก 6 คน ส่วนที่เหลืออยู่ขั้นเต๋าช่วงปลาย กล่าวได้ว่าครั้งนี้ผู้นำตระกูลซ่างกวนทุ่มเทเพื่อลูกเขยคนนี้หมดหน้าตัก! หลังจากนั้นทุกคนก็เตรียมตัวออกทะเล พวกเขาแจ้งไปที่ผู้อาวุโสจางก่อนไป ผมเขาคิดว่าควรบอกเรื่องนี้ให้แก่ชายชราได้รับรู้ด้วย

แต่พอเรื่องนี้ถึงหูผู้อาวุโสจางเขาก็ร้อนใจมาก! หลังจากหารือกันแล้วผู้อาวุโสจางก็ได้ส่งสมาชิกมากกว่า 10 คนของทีมมังกรไป โดยคนเหล่านี้จะขับเรือให้ทุกคนในมหาสมุทร

เรื่องนี้ดูใหญ่มากจนหวงเจี้ยนหมิงและคนอื่น ๆ เป็นกังวลขึ้นมา แต่เมื่อพวกเขาถามออกมา โป๋อีกู่ก็บอกพวกเขาว่าคราวนี้พวกเขาไปมหาสมุทรเพื่อทำอะไรบางอย่างเท่านั้น ทุกอย่างเรียบร้อยดี แต่ถึงอย่างนั้นหวงเจี้ยนหมิงก็ยังรู้สึกกังวล

โป๋อีกู่ก็ออกไปด้วยมันต้องมีปัญหาแน่ ๆ? สิ่งแรกที่พวกเขาคิดก็คือฉู่เหินตอนนี้อยู่ในทะเล แล้วตอนนี้ทุกคนก็กำลังไปที่ทะเล ! เพราะงั้นพวกเขาจะเชื่อได้ยังไงว่าไม่มีอะไร

มีคนมากกว่า 30 คนขึ้นเรือและออกจากท่าพร้อมทิ้งความกังวลไว้มากมายในหัวใจของทุกคนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา นอกจากส่งสมาชิกของทีมมังกรเหล่านี้ไปแล้ว ผู้อาวุโจางยังส่งกองเรือรบหลายลำติดตามกันเพื่อเป็นเสริมกำลัง หวังว่าจะช่วยทุกคนได้!

ภายใต้การนำของเชลยทั้งสอง การเดินทางจึงรวดเร็วมาก แต่อย่างไรก็ตามระยะทางระหว่างทะเลจีนตะวันออกและทะเลโบ๋ไห่นั้นไกลมาก มันเหมือนคำพูดโบราณว่า น้ำไกลไม่อาจดับไฟใกล้!

ในอีกด้านหนึ่ง

หลังจากฉู่เหินพูดคุยกับผู้คนในนิกายกิเลน ทุกคนก็เริ่มคุ้นเคยกัน จนที่นี่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและฉู่เหินก็กำลังทำความรู้จักกับพวกเขาทีละคน

คนในนิยายกิเลนบนเกาะซาถัวนั้นน้อยกว่า 30 คนแต่อย่างน้อยคนพวกนี้ก็อยู่ขั้นเต๋า แม้แต่ครึ่งก้าวสู่ขั้นผู้พิชิตดาราและขั้นผู้พิชิตดาราเองก็มีมากมาย เฉิงหมิงกู่และหลิวจวิ้นซานเองก็อยู่ในขั้นผู้พิชิตดาราระดับ 5 และ 6

พลังดารานั้นถูกแบ่งออกเป็น 12 ขั้นและการทะลวงขั้นพลังแต่ละครั้งอาจทำให้โลกแตกสลายได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากทะลวงไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว มันยากมากที่จะเข้าสู่ขั้นต่อไป

หลังจากฉู่เหินพูดคุยกับทุกคน เขาก็ได้รับประสบการณ์การฝึกตนมากมาย นี่ทำให้เขารู้สึกว่าได้เลยว่าการฟังคำพูดของผู้มีประสบการณ์นั้นช่วยเขาได้มากกว่าการอ่านหนังสือเป็น 10 ปีซะอีกการสนทนาไม่นานก็ผ่านไป 2 ชั่วโมง

ในช่วงเวลานี้ฉู่เหินก็ใช้พลังคาดเดาอนาคตอีกครั้ง เขาพบว่าอันตรายดูเหมือนจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เขาจึงรีบพาทุกคนไปทดลองค่ายกลดาบทันที

ขณะที่ฝูงชนไปยังค่ายกลดาบได้มีคนกลุ่มนึงกำลังรวมตัวกันนอกเขตนิกายกิเลนห่างออกไปหลาย 10 ไมล์ พวกเขาทั้งหมดใส่ชุดสีดำและปกปิดใบหน้าด้วยผ้าสีดำ ดูไม่ออกเลยว่าพวกเขาเป็นใครกันแน่!

เสื้อผ้าสีดำที่สวมใส่โดยคนเหล่านี้ไม่เพียงแต่ปกปิดดวงตาเท่านั้น แม้แต่จิตวิญญาณก็ไม่สามารถทะลวงเข้าไปดูด้านในได้ ตอนนี้พวกเขากว่าร้อยคนก็ได้มารวมตัวกันพร้อมรอยยิ้มที่น่ากลัว

“หัวหน้า พวกเราจะไปถล่มพวกนิกายกิเลนจริง ๆ เหรอ?” ชายอ้วนเล็กน้อยขมวดคิ้วและถามออกมา

“พวกนิกายกิเลนฉันเฝ้าดูมานานแล้ว วันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเราสามอำนาจจะมารวมตัวกัน ถ้าพวกเราไม่จัดการมันตอนนี้พวกเราก็คงไม่มีโอกาสอีกแล้วล่ะ ยิ่งกว่านั้นเด็กที่ชื่อฉู่เหิน เจ้านั่นก็อยู่ที่นี่ด้วย ตราบใดที่พวกเราสามารถจัดการมันได้ ความลับของมันจะต้องตกเป็นของเราแน่!”

ชายคนที่พูดคือโจรสลัดที่ต้องการความลับของฉู่เหินนั้นเอง

หลังจากที่ได้ยินแบบนี้คนอื่น ๆ ก็พยักหน้า หนึ่งในนั้นดวงตาเปล่งแสงแห่งความโลภออกมา! พวกเขามองกันเองอย่างหวาดระแวง พวกเขากลัวว่าใครบางคนจะปลดปล่อยความโลภออกมาและฆ่ากันเองหลังจากจบเรื่อง

จริง ๆ แล้วพันธมิตรของพวกเขาค่อนข้างเปราะบาง พวกเขารวมตัวกันเพราะความสนใจในตัวฉู่เหิน แต่พวกเขารู้ดีว่าบุกเข้าไปกลุ่มเดียวมันเสี่ยงเกินไป เพราะงั้นพวกเขาก็เลยสร้างพันธมิตรขึ้นมาและจัดการนิยายกิเลนไปพร้อมกับฉู่เหิน!

หลายร้อยคนดำเนินการอย่างระมัดระวังเพราะกลัวว่าจะถูกจับได้ ในเกาะซาถัวนั้นมีกฎที่ไม่ได้เขียนเอาไว้ว่าห้ามฆ่ากันเอง ที่ไม่ได้ระบุชัดเจนเพราะเกาะซาถัวแห่งนี้มีหลายกองกำลังขนาดใหญ่พำนักอยู่ ทุกคนก็เลยกลัวว่าถ้ามีการฆ่ากันมันอาจทำให้เกิดสงครามขึ้นได้ง่าย ๆ พวกเขาเลยไม่ลงมือฆ่ากันที่เกาะแห่งนี้และเพราะเหตุนี้มันจึงเป็นกฎที่ไม่มีเขียนเอาไว้

กองกำลังหลักทั้งสามร่วมมือกันแบบนี้ ดูท่าว่านิกายกิเลนคงไม่รอดชีวิตจากคืนนี้ไปเป็นแน่!