ตอนที่ 65 ตัวประกัน
เหตุการณ์ความวุ่นวายภายในเมืองหลวงยังคงดำเนินต่อไปแม้ว่าตัวผู้ก่อเหตุอย่างจินโบจะตายลงไปแล้วก็ตาม
สาเหตุก็เป็นเพราะว่าคนที่คอยควบคุมพวกอันเดธนั้นได้ตายลงแล้ว พวกมันจึงหลุดการควบคุมและเข้าโจมตีเมืองอย่างไม่หยุดหย่อน
แต่ก็เพราะมันเป็นเพียงมอนสเตอร์ระดับต่ำที่ไร้คนคุม เหล่าผู้รักษาความปลอดภัยในเมืองหลวงจึงใช้เวลาไม่นานนักในการกำจัดพวกมัน
อันที่จริงพอมาคิด ตัวจินโบเองก็คงไม่กะจะทำลายเมืองหลวงให้เละจนไม่เหลือซากหรอก
เพราะหากเขาคิดจะทำแบบนั้นจริง พิธีอภิเษกสมรสที่มีกำหนดการในอีกสองเดือนข้างหน้าระหว่างมกุฎราชกุมารแห่งคานาเรียและเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิแอด แอสเทอร่าคงได้รับผลกระทบเป็นแน่
นั่นเลยทำให้ผมเข้าใจว่าทำไมถึงไม่มีอันเดธระดับสูงอยู่ภายในเมืองเลยสักตัวเดียว
และในวันรุ่งขึ้นเหล่าอันเดธก็ได้ถูกกวาดล้างจนสิ้นโดยทหาร อัศวินและนักบวช
และแล้วเรื่องทั้งหมดก็จบลงด้วยประการฉะนี้ ผมก็กลับไปยังเมืองอิชกะโดยสวัสดิภาพ――นั่นคือภาพวาดฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงของผมเอง เพราะสุดท้ายผมก็ต้องมานั่งตอบคำถามจากดยุกดรากูนอทเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
บทสนทนาระหว่างผมกับจินโบนั้นทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ย่อมได้ยิน แถมจะมาเฉไฉเอาป่านนี้ก็ไม่ทันแล้วด้วย ผมก็เลยบอกในสิ่งที่ผมรู้ให้เขาฟังไป
ทั้งเรื่องคำสาปที่ลูกสาวของเขาถูกสาปโดยเวทของพวกจักรวรรดิ ซึ่งมีเป้าหมายในการยกเลิกการหมั้นของคลอเดียกับมกุฎราชกุมาร หากเป็นคนระดับดยุกการได้ข้อมูลเพียงแค่นี้ก็น่าจะสาวไปถึงรายละเอียดเพิ่มเติมได้แล้ว
เหตุการณ์อันเดธบุกเมืองหลวงนี้ก็เป็นฝีมือของจักรวรรดิ ชนชั้นสูงในอาณาจักรที่ผลักดันให้มกุฎราชกุมารแต่งงานกับเจ้าหญิงของจักรวรรดิก็คงมีส่วนร่วมในแผนนี้
หากความจริงถูกเปิดเผยไป ทั่วทั้งอาณาจักรคานาเรียได้วุ่นวายแน่
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ผมก็ตัดสินใจว่าจะไม่ปิดบังความจริงนี้ เพราะไม่งั้นจักรวรรดิก็ได้ผลประโยชน์ไปเต็มๆ สิ
แน่นอนว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้จะกลายเป็นข้อพิพาทระหว่างประเทศ และทางจักรวรรดิก็ใช่จะยอมรับการกระทำของพวกตนโดยง่าย แถมการแต่งงานระหว่างสองประเทศก็น่าจะเกิดขึ้นเหมือนเดิม
หากอาณาจักรคานาเรียเป็นฝ่ายฉีกสัญญาแต่งงานเอง จักรวรรดิก็อาจจะยกเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างในการทำสงครามได้ด้วย แถมกำลังรบของพวกเขาก็คงไม่ต้องพูดถึง
ริ้วรอยลึกเกิดขึ้นบนหน้าผากของดยุกดรากูนอท ถึงแม้เขาจะเป็นถึงชนชั้นสูงระดับสูงแห่งอาณาจักรคานาเรียสถานการณ์แบบนี้ก็ใช่ว่าจะหาทางออกได้โดยง่าย
สำหรับตัวผมเหตุการณ์ในครั้งนี้ก็คงจะมองเป็นเรื่องของคนอื่นไม่ได้ด้วย
เพราะมีโอกาสที่ทางจักรวรรดิหรือบ้านเกิดของผมจะประกาศความต้องการของตนอย่าง การส่งตัวคนที่ฆ่าจินโบไปให้กับพวกเขา
นอกจากนี้ก็มีความเป็นไปได้ที่กษัตริย์หรือมาร์ควิสโครเคียจะมอบตัวผมให้กับฝั่งนั้นเพื่อเป็นเครื่องสังเวย สำหรับการหลีกเลี่ยงปัญหาจากจักรวรรดิ
ตัวผมได้แต่สนทนากับทางดยุกต่อไปโดยคิดเรื่องนี้อยู่ภายในใจ
สุดท้ายแล้วพวกเราก็ตัดสินใจกันว่าจะปิดเรื่องที่ผมเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ซ่อนตัวผมจากจักรวรรดิแต่ยังต้องปกปิดตัวตนของผมจากอาณาจักรคานาเรียอีกด้วย
ดังนั้นคนที่สังหารจินโบลงได้ก็จะเป็นดยุกดรากูนอทและสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเกาะอสูรยักษ์และจักรวรรดิแอด แอสเทอร่าก็จะเป็นข้อมูลที่รีดมาได้จากจินโบ
ถึงอาจจะดูเหมือนดยุกได้ความดีความชอบจากผมไปเสียหมด แต่เรื่องนี้ผมก็เป็นคนเสนอเองแหละ
เพราะผมมองว่าตอนนี้ โซระ มิตสึรุกิ ไม่ควรจะปรากฏตัวออกมาให้โลกใบนี้ได้รับรู้ ผมจำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ภายใต้เงาของดยุกไปก่อน
นี่ก็เพื่อให้ผมมีเวลาในการพัฒนาตัวเองแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ถึงจะเป็นแค่คนของสำนักที่ถูกส่งออกจากเกาะ แต่ตัวจินโบก็เป็นถึงผู้ที่ใช้อาภรณ์วิญญาณได้
หากเรื่องที่ว่าคนของเกาะผู้ใช้วิชามายาดาบเดียวถูกสังหารโดยคนที่ถูกขับไล่ออกจากเกาะไปแล้ว 5 ปีก่อนแดงขึ้นมา ทางเกาะคงไม่อยู่เฉยๆ แล้วส่งคนมาตามล่าผมแน่ เพราะผมคือความด่างพร้อยของมายาดาบเดียว
อันที่จริงผมก็ไม่กลัวหรอกนะที่จะต้องเผชิญหน้ากับพวกคนบนเกาะ แต่ถ้ามีเวลาอีกสักหน่อยมันก็คงจะดีกับผมมากกว่า
แล้วตอนนี้ก็คงถึงเวลาที่เหมาะสำหรับการจบเรื่องกับอิเรียแล้วก็มิโรสลาฟด้วย หากดาบฮายาบูสะถูกจัดการครบทุกคนแล้ว คนที่ผมสามารถกินวิญญาณนอกจากลูนามาเรียก็จะมีเพิ่มขึ้นด้วย――อย่างน้อยก็ต้องกินมันให้เยอะที่สุดก่อนจะได้เผชิญหน้ากับคนที่เกาะอีกครั้ง
นั่นคือแผนที่ผมวางไว้คร่าวๆ
สรุปก็คือตอนนี้ผมจำต้องซ่อนตัวไปก่อน แล้วให้ดยุกดรากูนอทรับหน้าไปในฐานะคนสังหารจินโบที่มาจากเกาะ
แต่ไม่ว่าชื่อเสียงของเขาจะมีมากขนาดไหนในฐานะ ไรโค เขาก็ไม่น่าจะรับมือกับพวกธงระดับสูงของเกาะได้แน่
ด้วยเหตุนี้ผมจึงต้องขอโทษเขาไว้ก่อนเลยที่ปล่อยให้เป็นหนังหน้าไฟแทนผม แต่สุดท้ายทางดยุกก็ตอบกลับมาว่าไม่เป็นไร แถมยังยิ้มให้ผมซะด้วย
จากมุมของเขา ซึ่งเป็นฝ่ายเข้าต่อสู้กับคนของเกาะ ก็คงจะไม่มีทางเลือกอื่นอยู่แล้ว เพราะทางนั้นทำการสาปลูกสาวของตนแถมยังต้องทำให้เธอทรมานมานับแรมปีอีก
นอกจากนี้ถึงเขาจะส่งตัวผมไปเป็นเครื่องสังเวยก็ใช่ว่าสุดท้ายจักรวรรดิจะยอมปล่อยพวกตนไป
สำหรับทางจักรวรรดิที่ต้องการจะรุกรานอาณาจักรคานาเรียแล้ว ตัวดยุกก็เป็นเพียงแค่ตัวน่ารำคาญในสายตาของพวกเขา
ไม่ว่าดยุกจะร่วมมือกับผมหรือไม่ สุดท้ายจักรวรรดิก็ไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ อย่างแน่นอน แต่ดยุกก็บอกกับผมว่า ไม่ต้องกังวลถึงเรื่องนั้นมากนัก
หลังจากจบเรื่องนี้ ผมก็ว่าจะเดินทางกลับไปที่เมืองอิชกะตามที่วางแผนไว้
ก็กะไว้ว่าอาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างทาง คงต้องอาศัยคราว โซราสหนีแต่ดูเหมือนผมอาจจะกังวลมากไปก็ได้
พอผมบอกดยุกไปแบบนั้นช่วงทานมื้อค่ำ คนที่ตอบสนองต่อเรื่องที่ผมบอกคนแรกเลยก็คือลูกสาวคนที่สองของเขา คลอเดีย
◆◆◆
「ท่านพ่อ ถ้าเป็นเรื่องนั้น ฉันก็อยากจะไปที่เมืองอิชกะเหมือนกันค่ะ」
「ว่าไงนะ? 」
ดยุกถึงกับผงะพอได้ยินถึงสิ่งที่ลูกสาวของเขาพูดออกมาเกินความเข้าใจของเขาเป็นครั้งแรก
「อยู่ดีๆ ก็พูดอะไรของเจ้ากันคลอเดีย? 」
ดยุกถามด้วยความงุนงง
เพื่อตอบคำถามของดยุก คลอเดียก็ได้ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดคำพูดที่แสนอันตราย
「ฉันจะไปเป็นตัวประกันไงคะ ท่านพ่อ」
「หา……」
ผมไม่เข้าใจถึงเรื่องที่เธอพูดเลยสักนิด แต่เหมือนทางดยุกจะเข้าใจถึงเจตนาของลูกสาวเขา จากนั้นเขาก็มองหน้าคลอเดีย โดยมีสีหน้าเหมือนกำลังดื่มน้ำส้มสายชูเข้าปากไป
ผมไม่รอช้ารีบขัดจังหวะการพูดคุยของพวกเขา
「คือว่า เหมือนผมจะได้ยินอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถปล่อยผ่านได้แล้วสิ…」
ดูจากบทสนทนาดังกล่าว ฟังเหมือนคลอเดียถูกผมจับไปเป็นตัวประกันเลยนะ
แล้วทำไมผมต้องทำอะไรแบบนั้นด้วยล่ะ?
「คุณโซระ สำหรับชนชั้นสูงแล้วบางครั้งเราก็ต้องทิ้งความรู้สึกส่วนตัวและปล่อยตัวไปตามสถานการณ์นะคะ」
คลอเดียพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่จริงจัง
แน่นอนว่าผมก็ตั้งใจฟังที่เธอพูดด้วย
「หลังจากที่คุณกลับไปถึงเมืองอิชกะ ท่านพ่ออาจจะทำลายสัญญาที่สร้างกับคุณไว้…ก็ประมาณว่า…จักรวรรดิพยายามจะโจมตีอาณาจักรด้วยเรื่องในครั้งนี้ แต่พวกเขาจะยอมปล่อยไปหากส่งตัวคุณให้กับจักรวรรดิ แน่นอนว่าหากเป็นข้อเสนอนี้ ทางฝ่าบาทและมาร์ควิสโครเคียก็น่าจะเห็นด้วยแน่นอน คุณไม่คิดว่าจะเป็นแบบนั้นบ้างเหรอคะ? 」
「――และพ่อของเธอก็จำเป็นต้องตามน้ำในเรื่องนี้ไปด้วยสินะ? 」
「ใช่แล้วค่ะ ถึงท่านพ่อจะคัดค้าน แต่ในฐานะข้าราชบริพารแห่งกษัตริย์ มันก็เป็นเรื่องยากที่เขาจะขัดคำสั่งของฝ่าบาทได้ ถ้าขืนทำแบบนั้นก็คงไม่พ้นการเป็นกบฏ แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับข้ารับใช้ของพวกเรา ประชาชน และคนในครอบครัวของเขากัน คนนับหมื่นนับพันอาจจะได้รับผลกระทบไปด้วย」
ด้วยความรับผิดชอบของผู้นำตระกูล ที่จำเป็นต้องหาทางรอดให้กับคนที่ตนปกครอง แม้จะเป็นเรื่องที่ตนยอมรับไม่ได้แต่เพื่อความอยู่รอดพวกเขาก็จำเป็นต้องทำ อารมณ์ส่วนตัวถือว่าเป็นเรื่องที่อันตรายสำหรับการตัดสินใจระดับนั้น และถ้าสถานการณ์ลงเอยอย่างที่เธอกล่าว ดยุกก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสังเวยผม――คลอเดียพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนอีกทั้งยังเป็นตรรกะแนวคิดที่ไม่เคยฟังจากเธอเลย
「…เพราะแบบนี้เลยต้องมีเธอเป็นตัวประกันสินะ? 」
「อย่างที่ท่านพูด หากสถานการณ์ลงเอยตามที่ว่า ก็ได้โปรดจัดการกับฉันตามความเหมาะสมได้เลยค่ะ」
「….แต่สุดท้ายก็คืออยากตามพวกเรามาที่เมืองอิชกะ ก็เลยคิดเหตุผลที่เหมาะสมที่สุดเพื่อตามมาใช่ไหม? 」
「แหะๆ ทางฉันก็พยายามเต็มที่กับท่านพี่ในการคิดแผนขึ้นมาเลยนะคะ!」
เธอยิ้มออกมา
เดี๋ยวนะแอสทริดก็เอากับเขาด้วยเหรอ? ก็ว่าอยู่ทำไมวิธีการคิดถึงดูไม่สมกับเป็นคลอเดียเลย
พ่อของพวกเธอก็เหมือนจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแฮะ
จากนั้นคลอเดียก็เริ่มกลับมาพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังต่อ
「นอกจากนี้ฉันคิดว่ามันจะเป็นประโยชน์กับคุณด้วยนะคะ หากมีฉันอยู่――เพราะการได้ลูกสาวของดยุกดรากูนอทไปอยู่ข้างกาย ก็คงไม่มีใครอยากจะมาหาเรื่องด้วยง่ายๆ หรอกค่ะ」
「เรื่องนั้นมันก็ใช่อยู่หรอก」
สุดท้ายก็ลงเอยว่าพวกเราจะไปอาศัยอยู่ด้วยกันที่นั่น…อันที่จริงก็มีเรื่องที่อยากจะบ่นอยู่เยอะเลย แต่มันก็จริงที่ว่าอิทธิพลของผมในเมืองอิชกะจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดหากมีเธออยู่ด้วย
แม้แต่กิลด์นักผจญภัยก็คงไม่สามารถมายุ่งกับผมได้โดยไม่คิดให้ดีเสียก่อน
แถมยังช่วยลดความปรปักษ์จากผู้คนที่มีต่อซูซูเมะซึ่งอาศัยอยู่ด้วยกันกับเธอ
จากนั้นผมก็เหลือบไปมองพี่สาวคนโตอย่างแอสทริด
ทำไมแอสทริดถึงได้ออกตัวช่วยคลอเดียในเรื่องนี้ได้ล่ะ?
หรือเพราะเธอต้องการให้น้องสาวของเธอหนีออกไปจากเมืองหลวง เพื่อไม่ให้เธอต้องมาเผชิญหน้ากับความขัดแย้งทางการเมืองอีกกันนะ
พอการหมั้นหมายของเธอกับมกุฎราชกุมารถูกยกเลิก ก็ไม่น่าจะมีเหตุผลให้เธอถูกสาปหรือสอบสังหาร แต่หากเธอฟื้นตัวจากคำสาปได้สมบูรณ์และการเปิดเผยแผนการของจักรวรรดิมันก็ยังเหลือความเป็นไปได้ที่เธอจะถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องอีก
ในฐานะพี่สาว แอสทริดก็คงไม่อยากจะให้คลอเดียต้องมาแบกรับเรื่องพวกนี้
นอกจากนี้ในกรณีที่จักรวรรดิส่งคนมาโจมตีคฤหาสน์ของดยุกอีกครั้ง แต่คลอเดียอยู่ที่เมืองอิชกะ สายเลือดของตระกูลดรากูนอทก็จะยังไม่ถือว่าสิ้นสุดด้วย
สุดท้ายก็คงเป็นเรื่องที่แอสทริดได้เห็นถึงความสามารถของผู้ใช้อาภรณ์วิญญาณนั่นเอง
———
Note 1 : ลูกสาวดยุก G E T!
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code