หลังจากหมอตรวจเสร็จ หลานเสี่ยวถางแทบรอไม่ไหวจึงวิ่งไปข้างสือมูเฉิน
เขายิ้มให้เธอ “เสี่ยวถาง ดูท่าพวกเราไม่เป็นไรแล้ว!”
หลานเสี่ยวถางยิ้ม “ใช่ค่ะ ก่อนหน้านี้ฉันยังคิดอยู่ ฉันควรจะดูรายการ “เอาชีวิตรอดบนเกาะร้าง” นั่นของต่างประเทศตั้งนานแล้ว คงไม่ต้องถึงขนาดทำให้พวกเราแทบจะอดตายที่นั่น!”
สือมูเฉินมองดูเธออย่างสับสน “เอาชีวิตรอดบนเกาะร้างอะไร? ที่ไหน?”
หลานเสี่ยวถางกะพริบตา ดูท่าแล้วสือมูเฉินยังไม่รู้จริง ๆ ว่าพวกเขาถูกทิ้งไว้ที่เกาะร้าง?
เธอจึงยักไหล่ ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่ล้อเล่น ระเบิดคืนนั้นทำให้ฉันตกใจมากจริง ๆ!”
สือมูเฉินคิดได้ถึงภาพนั้น จึงกุมมือหลานเสี่ยวถางไว้แน่น “เสี่ยวถาง ขอบคุณนะ”
ตอนนั้น เธอช่วยชีวิตเขาโดยไม่คำนึงถึงอันตราย ถึงแม้ตอนนั้นเขาจะครึ่งหลับครึ่งตื่น แต่ว่าในตอนที่เห็นเปลวไฟ ก็ตกใจอย่างมาก
“อย่ามองฉันอย่างน่าสะอิดสะเอียนขนาดนั้น สือจิ่นแทบจะหัวเราะแล้ว!” หลานเสี่ยวถางบ่น “มูเฉิน หิวไหม อยากกินอะไรไหม? ฉันทำให้คุณ”
สือมูเฉินครุ่นคิดแล้วพูด “กินโจ๊กแล้วกัน! ถึงแม้จะหิวมาก แต่ว่าเหมือนกับนอนเยอะเกินไป ไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไหร่”
“ได้ค่ะ!” หลานเสี่ยวถางพูด “คุณนอนไปสามวันสี่คืน ไม่หิวถึงจะแปลก ฉันจะไปตุ๋นโจ๊กให้คุณเดี๋ยวนี้ค่ะ!”
“เดี๋ยวก่อน!” สือมูเฉินแทบจะขนลุก “เสี่ยวถาง คุณพูดอะไรสามวันสี่คืน?!”
“มูเฉิน คุณหลับไปนานมาก ทำให้พวกเราตกใจแทบแย่!” หลานเสี่ยวถางยังคงกลัวเมื่อนึกขึ้นได้ “คุณไม่รู้เลย ตอนที่ฉันเซ็นชื่อทำการผ่าตัดเลือดคลั่งในสมองให้คุณ ฉันกลัวมากแค่ไหน!
“เสี่ยวถาง ทำให้คุณเป็นกังวลเลย!” สือมูเฉินพูด จับมือของหลานเสี่ยวถาง “ผมหลับไปนานขนาดนั้น งั้นด้านชิงเจ๋อ…”
หลานเสี่ยวถางรู้ว่าเขาเป็นกังวลเรื่องอะไร จึงเลิกคิ้ว “ทางด้านนั้นพวกเรากับ DR จัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ! ไวรัสนั่น ถูกพิชิตแล้ว ฐานข้อมูลของคุณก็ปลอดภัยเช่นกัน!”
สือมูเฉินอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง “จัดการหมดแล้ว?!”
ไม่มีการมอบอำนาจการสั่งการจากเขา ก็จัดการหมดแล้ว?!
“ใช่ค่ะ!” หลานเสี่ยวถางแกล้งทำเป็นลึกลับ “พอแล้ว เดี๋ยวชิงเจ๋อมา ให้เขาอธิบายให้คุณฟัง! ฉันไปตุ๋นโจ๊กให้คุณก่อน!”
สือมูเฉินนอนอยู่บนเตียง เขายังรู้สึกประหลาดใจอยู่ จนกระทั่งซูสือจิ่นเดินมาด้านหน้าเขา แล้วเอ่ยขึ้น “พี่เฉิน พี่ได้ภรรยาทีดีมากจริง ๆ!”
“เธอหมายความว่า…” สือมูเฉินมองซูสือจิ่น “เสี่ยวถางเป็นคนจัดการ?”
“รายละเอียดฉันไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่” ซูสือจิ่นพูด “ฉันได้ยินพี่ชิงเจ๋อพูดว่า พี่สะใภ้มีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ และพี่ก็ไม่รู้ว่า เธอถูกพวกเราช่วยออกมา น่าจะประมาณสิบกว่าชั่วโมงที่ไม่ได้นอน นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตลอด ตอนสุดท้ายที่ทำสำเร็จ เธอก็ฟุบหลับอยู่บนแป้นพิมพ์แล้ว ขนาดถูกอุ้มไปบนเตียงยังไม่รู้เลย…”
สือมูเฉินใจสั่น อดไม่ได้ที่จะมองไปทางห้องครัว
เป็นเพราะประตูห้องครัวไม่ได้ตรงกับเตียง ดังนั้นเขาจึงเห็นแผ่นหลังของเธอได้แค่ตอนที่เธอเดินผ่านประตู
ในอดีต เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าภรรยาในอนาคตของเขาเป็นยังไงกันแน่ แต่ตอนนี้เห็นแผ่นหลังของหลานเสี่ยวถางที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ ความคิดที่ว่างเปล่า ก็ถูกเติมเต็มขึ้นมาในทันที
เป็นเธอ ท่าทางของเธอแบบนี้
ในตอนที่เธอเงียบสงบ ตอนที่เธอยิ้ม ตอนที่เธอเสียใจ ท่าทางของเธอในตอนที่ยืนอยู่หน้าเขาแล้วเรียกชื่อเขาอย่างอ่อนโยน
“ชิงเจ๋อ ก่อนหน้านี้นายเคยพูดอะไรกับฉันใช่ไหม?” จู่ๆ ก็มีแสงวาบแวบเข้ามาในหัวของสือมูเฉิน “เหมือนว่าเป็นตอนฉันสลบไป…”
“ใช่” หยานชิงเจ๋อพูดซ้ำสิ่งที่เขาพูดในตอนนั้น จากนั้นก็ถามขึ้น “ทำไม นายนึกอะไรขึ้นมาได้แล้วเหรอ?”
“ดังนั้นพวกเราเคยไปที่เกาะร้างจริง ๆ?” สือมูเฉินคิดได้ถึงการถูกตีก่อนที่จะสลบไป “งั้นคนที่โจมตีพวกเราครั้งที่สอง เป็นใคร?”
“มั่วหลิงชวน” หยานชิงเจ๋อตั้งใจที่จะไม่พูดว่าเป็นโจวเหวินซิ่ว แต่พูดว่า “ทั้งสองครั้งเป็นเขา”
“มั่วหลิงชวนคนนี้ กัดฉันไม่ปล่อย ดูท่า ได้เวลาออกมาตรการต่อต้านตระกูลโมแล้ว!” สือมูเฉินดวงตาส่องประกายความเย็นชา
“แต่มั่วหลิงชวนชอบแค่ทักษะการแฮ็กคอมพิวเตอร์เท่านั้น ดูเหมือนไม่สนใจธุรกิจการเงินของตระกูลมั่ว” หยานชิงเจ๋อพูด “พี่เฉิน พี่แน่ใจว่าพี่ทำให้ตระกูลมั่วตกที่นั่งลำบาก จะสามารถควบคุมเขาได้?”
“การสนับสนุนทางการเงินทั้งหมดของเขาตอนนี้มาจากตระกูลมั่วทั้งหมด” สือมูเฉินพูด “อีกอย่าง พ่อของเขามีลูกชายกับผู้หญิงนอกบ้าน แม่ของเขาคงกำลังรีบร้อนที่ให้ลูกชายของเธอกลับไปดูแลเรื่องธุรกิจของตระกูล ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับธนาคารมั่วซื่อกรุ๊ป เขาไม่มีทางที่จะไม่กลับไป”
“พี่เฉิน ผมรู้สึกว่าพี่มีเมตตากับเขามากเกินไป เรื่องครั้งนี้…” หยานชิงเจ๋อไม่ได้พูดต่อ เพราะว่าสือมูเฉินสลบไป เขาไม่รู้ในหลาย ๆ เรื่อง
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามั่วหลิงชวนออกมา ให้โอกาสโจมตีเขาที่ดีที่สุดแก่โจวเหวินซิ่ว Times Group เกือบจะได้เปลี่ยนเจ้าของ
แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าถ้าหากหลานเสี่ยวถางคิดถึงวิธีนั้นไม่ได้ ฐานข้อมูลถูกโจมตี บวกกับTimes Groupเปลี่ยนเจ้าของ เลือดเนื้อของเขาหลายปีขนาดนั้นถูกทำลายอย่างราบคาบแน่!
“ไม่ใช่เมตตา แต่เป็นเพราะก่อนหน้านี้หลายปี ฉันจมน้ำ อาของมั่วหลิงชวนเคยช่วยชีวิตฉันไว้” สือมูเฉินพูด
“หา?” เห็นได้ชัดว่าหยานชิงเจ๋อคิดไม่ถึงว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ “เรื่องตั้งแต่ตอนไหน? เมื่อก่อนทำไมไม่เคยได้ยินพี่พูดถึง”
“ตอนที่ฉันสิบขวบ ถูกพี่ชายแท้ ๆ ของตัวเองผลักลงแม่น้ำ” สือมูเฉินพูดอย่างเฉยชา
“ถึงว่า ก่อนหน้านี้ที่ธนาคารมั่วซื่อกรุ๊ปเกิดปัญหานิดหน่อย พี่แอบให้ผมช่วย มั่วหลิงชวนตั้งเป้าทำลายพี่หลายครั้งขนาดนั้น พี่ก็ไม่สั่งสอนเขา…” หยานชิงเจ๋อถอนหายใจ
“นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว” สือมูเฉินพูด “สองปีมานี้ธุรกิจของตระกูลมั่วไม่ค่อยสะอาดนัก ครั้งนี้ฉันวางแผนจะออกมือ อยากจะเตือนพวกเขาหน่อย สำหรับในอนาคตจะทำยังไง ฉันก็จะไม่สนใจแล้ว ส่วนมั่วหลิงชวน ฉันจะไม่ยอมอ่อนข้ออีกต่อไปแล้ว!”
หลานเสี่ยวถางกำลังตุ๋นโจ๊กอยู่ที่ครัว โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดู เป็นสายที่ไม่ระบุชื่อ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจ
แต่ว่าหลังจากที่วางสายไปเอง ก็โทรมาอีกครั้ง หลานเสี่ยวถางจึงทำได้แค่รับสาย “สวัสดีค่ะ”
ปลายสายโทรศัพท์ เงียบไปครู่หนึ่ง ผ่านไปหลายวินาที ในตอนที่หลานเสี่ยวถางกำลังจะวางสาย ลำโพงก็มีเสียงของชายหนุ่มดังขึ้น “ที่แท้ก็เป็นเธอ”
หลานเสี่ยวถางกำลังจะพูดว่าแปลกประหลาด จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเสียงนี้คุ้นหู เหมือนกับเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
เธอครุ่นคิด จากนั้นก็นึกขึ้นได้ ว่านี่คือเสียงของโรคจิตที่ลักพาตัวเธอก่อนหน้านี้ที่เมืองไห่หลินไม่ใช่เหรอ?!
น้ำเสียงของเธอเย็นชาลง “นายหมายความว่ายังไง? เรื่องวันนั้น นายเป็นคนทำใช่ไหม?”
มั่วหลิงชวนยิ้มแล้วพูด “ที่แท้เธอก็ยังจำฉันได้? ดีมาก ผ่านการปะทะกันสองวันนี้ ฉันก็จำเธอได้แล้ว!”
หลานเสี่ยวถางกำโทรศัพท์ไว้ อยากจะเอาโทรศัพท์ไปให้สือมูเฉิน แต่ว่าด้านมั่วหลิงชวนพูด “ไม่ต้องรีบร้อน ฉันโทรหาเธอ อยากจะแอบบอกเธอว่า ต่อไปฉันจะไม่มีทางหาสือมูเฉินแล้ว ฉันจะตั้งใจหาเธอ! ผู้พิทักษ์ เธออยากจะปกป้องใคร?”
“โรคจิต!” หลานเสี่ยวถางน้ำเสียงเย็นชา “ฉันไม่มีอารมณ์มาเล่นเกมแข่งขันอะไรกับนาย!”
“เธอรู้ไหมว่า ID ของฉันเมื่อก่อนชื่ออะไร?” มั่วหลิงชวนพูดเสียงเขบา “ชื่อนักทำลาย”
หลานเสี่ยวถางอยากจะพูดอะไรต่อ แต่ในลำโพงมีเสียงตู๊ดตู๊ดตู๊ดดังขึ้นก่อน
เธอวางโทรศัพท์ลง คนโจ๊กที่ตุ๋นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วบอกเรื่องนี้กับสือมูเฉินอย่างละเอียด
“เสี่ยวถาง ถ้าหากคนคนนั้นมาหาคุณอีก จะต้องบอกผมในทันที” สือมูเฉินเก็บความโมโหไว้ แล้วพูดกับหยานชิงเจ๋อ “ชิงเจ๋อ เตรียมพร้อมไว้ คืนนี้ดำเนินแผนทำลายมั่วซื่อกรุ๊ป!”
สือมูเฉินอยู่ที่โรงพยาบาลอีกสองวัน จากนั้นก็กลับบ้านพร้อมหลานเสี่ยวถาง
ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ยังมีชุดแต่งงานกับชุดสูทที่ส่งมาก่อนหน้านี้ สือมูเฉินพาหลานเสี่ยวถางเดินเข้าไป “เสี่ยวถาง ลองใส่ดูหน่อยไหม?”
หลานเสี่ยวถางได้ฟังแล้วใจเต้นนิดหน่อย เธอพยักหน้า “ได้สิ!”
สือมูเฉินเปลี่ยนเป็นชุดสูทสั่งตัดสีดำ จากนั้นก็เดินไปด้านหลังหลานเสี่ยวถาง ช่วยเธอรูดซิบ
เขาจับมือของเธอ เดินมาด้านหน้ากระจก เขามองเธอในกระจก “เสี่ยวถาง คุณสวยมาก!”
หลานเสี่ยวถางมองตัวเองในกระจก ถึงแม้จะไม่ได้แต่งหน้า และยังปล่อยผม แต่ว่าภายใต้แสงไฟ เพชรที่หักบนกระโปรงสะท้อนแสงและเงานับพันชิ้น เพชรที่ปักอยู่บนกระโปรงสะท้อนแสงและเงานับพัน ท่อนบนความรู้สึกเหมือนกับการไหลของเมฆให้ความรู้สึกหรูหรา เอวบาง กระโปรงหางปลาทำให้ขาดูเรียวยาว ดูสูงศักดิ์
หลานเสี่ยวถางเคลื่อนสายตาไปทางสือมูเฉินที่ยืนอยู่ด้านข้างช้า ๆ
เพราะว่าเธอไม่ได้สวมใส่ส้นสูง ดังนั้นทำให้เขาดูสูงขึ้นมาก ชุดสูทสีดำตระหง่าน ดูสง่าเลอค่า กลิ่นอายความต้องการเต็มไปทั่ว
เพียงแต่ เวลานี้เขายิ้มมุมปาก แสงใต้ตานุ่มละมุน ใบหน้ามีมิติและล้ำลึก บวกกับชุดสูทที่อยู่บนตัว ดูยังไงก็เหมือนกับภาพวาดที่ไร้ที่ติ
“มูเฉิน คุณหล่อมาก!” หลานเสี่ยวถางอุทาน “ฉันไม่เคยคิดจะหาสามีหล่อขนาดนี้มาก่อน…”
“รู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในฝัน?” สือมูเฉินเลิกคิ้ว เขาขยับเข้าใกล้เธอ “รอให้งานแต่งเสร็จสิ้น มีลูกให้ผม…”
หลานเสี่ยวถางหูแดงในทันที เธอพยักหน้า “ค่ะ”
เวลานี้ โทรศัพท์ของสือมูเฉินดังขึ้น เขารับสาย “ชิงเจ๋อ?”
“พี่เฉิน ด้านตระกูลมั่วเริ่มดำเนินการแล้ว” หยานชิงเจ๋อพูด “มั่วหลิงชวนถูกแม่ของเขาเรียกกลับไป ช่วงนี้ น่าจะไม่มีทางรบกวนพี่กับพี่สะใภ้แล้ว”
“ดี” สือมูเฉินพูด “ถ้าหากมีครั้งหน้า ต่อไปไม่ต้องพะว้าพะวังอะไรอีก”
ทั้งคู่คุยกันต่อสองสามประโยค จากนั้นก็วางสายไป สือมูเฉินพูดกับหลานเสี่ยวถาง “วันมะรืนไปประเทศอเมริการักษาอาหารให้เพ่ยหลิน ชิงเจ๋อก็ไปด้วย ผมกับเขามีธุระต้องทำพอดี”
“ค่ะ!” หลานเสี่ยวถางพูด “สือจิ่นก่อนหน้านี้ก็พูดไว้ ว่าถ้าหากฉันจะไป เธอจะช่วยฉันออกแบบด้านคฤหาสน์ พอดีเลย ครั้งนี้ทุกคนไปด้วยกัน จะต้องคึกคักมากแน่ ๆ! อ่อใช่ ฉันโทรไปถามโยวโยวดูว่าสองวันนี้ว่างหรือเปล่า ถ้าหากว่าง พาเธอไปเที่ยวด้วยกัน!”
หลานเสี่ยวถางพูด แล้วก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
วันนั้น เฉียวโยวโยวได้รับสายโทรศัพท์ของฟู้เจียนปอ แล้วก็นั่งรถของฟู่สีเกอรีบตามไปที่โรงพยาบาล
ฟู่สีเกอรอเธออยู่ที่หน้าโรงพยาบาล เห็นเธอไปมือเปล่า จึงเรียกเฉียวโยวโยวไว้ เอาการ์ดและเงินจำนวนหนึ่งออกจากกระเป๋าเงินของตัวเอง แล้วยัดใส่มือของเธอ “เดี๋ยวถ้าต้องการซื้อของบำรุง ก็ซื้อได้ตามใจ”