เฉียวโยวโยวไม่คาดคิดเลยว่า *ฟู่สีเกอจะมอบบัตรATMให้กับเธอ เธอโบกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็ว: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องแล้ว ฉัน……”
“เจ้าโยวเด็กโง่ กระเป๋าของคุณก็ยังอยู่ในห้องพักฟื้นคนไข้ของอาเฉิน คุณไม่มีอะไรติดมือเลยสักอย่าง ถ้าคุณต้องการใช้เงินล่ะคุณจะทำยังไง? เก็บเอาไว้เถอะ ไม่มีรหัสผ่าน” ฟู่สีเกอยื่นบัตรATMไปไว้ในมือของเฉียวโยวโยว: “กางเกงของคุณมีกระเป๋า ถ้าหากยังไม่ใช้ก็เก็บไว้ในกระเป๋าของคุณก่อนแล้วกัน”
“โอ้ แล้วฉันจะคืนให้คุณทีหลังนะคะ” เฉียวโยวโยวตอบกลับ: “ถ้างั้นฉันขอตัวขึ้นไปก่อนนะคะ”
“โอเค ผมรอคุณอยู่ที่นี่” ฟู่สีเกอกล่าว
เฉียวโยวโยวพยักหน้า อยากจะบอกว่าถ้าเกิดทางโน่นอาการหนักแล้วล่ะก็ เธออาจไม่สะดวกที่จะออกมา แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเธอนึกขึ้นมาได้ ไม่ว่าเธอจะพูดอย่างไร ฟู่สีเกอก็ไม่ได้สนใจคำพูดเหล่านั้นอยู่ดี รอดูสถานการณ์ค่อยว่ากันอีกทีเถอะ!
เธอไปถึงชั้นที่คุณแม่ฟู้อยู่ และทันทีที่เธอขึ้นไป เธอก็ได้ยินการสนทนาระหว่างฟู้เจียนปอกับแพทย์ที่ทางเดิน
ฟู้เจียนปอกล่าวว่า: “คุณหมอครับ อาการของคุณแม่ผมเป็นยังไงบ้างครับ?เธอมีสุขภาพแข็งแรงมาโดยตลอด ทำไมจู่ ๆถึงมีเลือดคลั่งในสมองได้ล่ะครับ?”
แพทย์กล่าวว่า: “หลอดเลือดของผู้สูงอายุค่อนข้างเปราะบาง ซึ่งปกติดูไม่ออก แต่เมื่อพบปัจจัยอื่น ๆหรือภูมิต้านทานของตนเองลดลง ปัญหาก็จะยิ่งเห็นได้ชัดขึ้น มารดาของคุณอาการไม่สู้ดีนัก ณ ตอนนี้เรายังคงต้องตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ความเป็นไปได้ที่จะเป็นโรคอัมพาตครึ่งซีกนั้นไม่ได้ถูกตัดออกไป”
เฉียวโยวโยวยืนอยู่ที่เดิม เมื่อเธอได้ยินคำพูดของคุณหมอ และหัวใจของเธอก็รู้สึกขมขื่นทันที
หากเป็นโรคอัมพาตครึ่งซีกจริง ๆ ชีวิตที่เหลือของคุณแม่ฟู้คงต้องเป็นคนไข้นอนติดเตียงตลอดชีวิตแล้วล่ะ……
ที่ผ่านมาคุณแม่ฟู้เคยปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี เมื่อสมัยเธอยังเด็ก คุณแม่ฟู้ปฏิบัติต่อเธอเหมือนลูกบุญธรรมคนหนึ่งด้วยซ้ำ
เมื่อเธอโตขึ้น เธอคบกับฟู้เจียนปอ และคุณแม่ฟู้ยิ่งปฏิบัติต่อเธอเหมือนเธอเป็นลูกสาวแท้ ๆ ในเวลานี้ ถ้าเธอบอกคุณแม่ฟู้ว่าตัวเองนั้นจะเลิกกับฟู้เจียนปอ ถ้าเช่นนั้น……
ในเวลานี้ เมื่อฟู้เจียนปอเห็นเฉียวโยวโยว และเขาก็รีบโบกมือทักทายเธออย่างรวดเร็ว: “โยวโยว!”
เฉียวโยวโยวเดินเข้าไปหาเขาด้วยความกังวลใจ
“เฮ้ โยวโยวคุณซื้อเสื้อผ้าแล้วเหรอ?” ฟู้เจียนปอมองใบหน้าของเฉียวโยวโยว: “โยวโยว คุณแต่งหน้าด้วยเหรอ สวยจังเลย!”
“อืม เมื่อกี้นี้ฉันเพิ่งไปซื้อเสื้อผ้ามา……” เฉียวโยวโยวเปลี่ยนหัวข้อพูด: “คุณป้าเป็นยังไงบ้าง?”
“กำลังให้น้ำเกลืออยู่” ดวงตาของฟู้เจียนปอโศกเศร้า: “ในอนาคตอาการอาจจะไม่ดีขึ้นแล้ว……”
เฉียวโยวโยวถอนหายใจออกมา: “ต้องการให้ฉันช่วยอะไรไหมคะ?”
“ไม่ต้องแล้ว ผมเคยถามแล้ว แม้ว่าจะเชิญผู้เชี่ยวชาญที่เก่งกาจขนาดไหน มันก็มีค่าเท่ากัน” ฟู้เจียนปอมองไปที่เฉียวโยวโยวและกล่าวว่า :“โยวโยว คุณไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย ขอเพียงแค่อยู่เคียงข้างผมเท่านั้นก็พอแล้ว”
ด้วยเหตุนี้ ฟู้เจียนปอจึงเอื้อมมือไปจับมือของเฉียวโยวโยว
เธอหลบตามสัญชาตญาณและอยู่ห่าง ๆ: “รอฉันไปล้างมือก่อน ฉันเพิ่งกลับมาจากข้างนอก อาจจะมีแบคทีเรีย”
ฟู้เจียนปอพยักหน้าอย่างไม่ได้สงสัย
เฉียวโยวโยวออกมา และเดินตรงไปที่เตียงคนไข้
ในเวลานี้ คุณแม่ฟู้กำลังเติมน้ำเกลือและนอนพักรักษาตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ
เธอเดินไปข้าง ๆ และห่มผ้าห่มให้กับคุณแม่ฟู้ แล้วเธอก็คิดอยู่ในใจว่าควรจะพูดกับฟู้เจียนปออย่างไรดี
เฉียวโยวโยวครุ่นคิดอย่างหนัก และไม่ทันสังเกตเห็นว่าฟู้เจียนปอกำลังขยับเข้ามาใกล้
ทันใดนั้น เธอรู้สึกว่าเธอถูกกอดจากด้านหลัง เฉียวโยวโยวตัวแข็งทื่อ และเธอก็หันศีรษะ: “เจียนปอคุณ……”
“โยวโยว โชคดีที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เพราะผมยังมีคุณอยู่เคียงข้างผม……” ฟู้เจียนปอหลับตาลง: “โยวโยว ผมกลัวมาก กลัวมากจริง ๆ!”
เฉียวโยวโยวกระตุกริมฝีปาก ขยับอยู่ครู่หนึ่ง และอยากจะออกมาจากอ้อมแขนของฟู้เจียนปอ: “เจียนปอ คุณไม่ต้องกังวลไปหรอกนะคะ อาจจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้? คุณป้าอายุยังไม่มาก ปีนี้อายุแค่ 55 ปีเอง ฉันคิดว่าอาการของท่านเดี๋ยวก็จะค่อย ๆดีขึ้น !”
“อืม” ฟู้เจียนปอพยักหน้า: “โยวโยว สิ้นเดือนนี้งานแต่งงานของเรา……แม้ว่าคุณแม่อาจไม่สะดวกที่จะร่วมงานแต่ง แต่สิ่งที่เธอต้องการเห็นมากที่สุดคืออยากเห็นผมแต่งงานกับคุณ ดังนั้นเราจะดำเนินการตามกำหนดเดิม เพียงแต่ว่าช่วงนี้คุณอาจจะยุ่งมากขึ้นนะ……”
เฉียวโยวโยวหายใจติดขัด และเธอคิดว่าถ้าหากเธอยังไม่พูดอีก เกรงว่าหลังจากนี้คงจะไม่มีโอกาสพูดอีกแล้ว
ดังนั้นเธอจึงเปิดปากและพูดว่า: “เจียนปอ ฉันมีเรื่องจะบอกคุณค่ะ เราไปคุยกันที่ระเบียงตรงนั้นกันดีไหมคะ?”
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า โยวโยว?” ฟู้เจียนปอหัวใจเต้นแรงถี่ขึ้นเรื่อย ๆ และหายใจติดขัดเล็กน้อยด้วยความกังวล
“ไปเถอะ เราไปที่ระเบียงกันเถอะ” ในขณะที่เฉียวโยวโยวพูดอยู่นั้นเธอก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปก่อน
ทั้งสองยืนอยู่บนระเบียง และเฉียวโยวโยวเอื้อมมือออกไปและปิดประตูระเบียง
เธอเปิดปากและพูดว่า: “เจียนปอ ความจริงแล้วไม่ใช่แค่สิ่งที่คุณรู้สึกตอนที่ไปเยี่ยมพี่สือเมื่อเช้านี้เท่านั้น แต่ฉันยังรู้สึกว่าช่วงนี้ใจของฉันไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว”
เมื่อฟู้เจียนปอเห็นการแสดงออกของเฉียวโยวโยว จู่ ๆเขาก็รู้สึกไม่กล้าฟังต่อ
เขาเอานิ้วลูบผมของเฉียวโยวโยวพร้อมฝืนยิ้ม: “โยวโยว คุณบอกว่าเพื่อนร่วมงานของคุณหาคุณเพื่อจะคุยเรื่องงานไม่ใช่เหรอ?พวกคุณยังไปร้านเสริมสวยด้วยกันอีกไม่ใช่เหรอ ? มันสวยมากจริงๆ ตั้งแต่ผมรู้จักคุณมานานขนาดนี้ วันนี้คุณดูสวยที่สุด!โอ้!ไม่สิ ความจริงแล้วคุณก็สวยทุกวัน ดังนั้นหลังจากที่ผมโตขึ้นและรู้จักความรักผมก็ตกหลุมรักคุณเข้าแล้ว!”
“เจียนปอ–” เฉียวโยวโยวไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่หลังจากนั้นฟู้เจียนปอก็ตัดบทพูดของเธอทันที
เขามองดูเสื้อสเวตเตอร์ของเธอและพูดว่า: “เสื้อผ้าก็ดูสวยมากเช่นกัน แต่ผมเชื่อว่าคุณจะสวยมากขึ้นในวันที่เราแต่งงานกัน! โยวโยว ยังเหลืออีกสิบวัน คุณก็จะเป็นเจ้าสาวของผมแล้ว!”
เมื่อเฉียวโยวโยวเห็นการแสดงออกของฟู้เจียนปอ ทำใหเธอรู้สึกผิดขึ้นมาในใจ
แม้ว่าเธอจะตัดสินใจบอกเลิกเขา แต่ยังไงซะพวกเขาก็รู้จักกันมาหลายปีแล้ว และพวกเขาก็รักกันมานาน ถ้าเป็นเมื่อก่อน ก่อนที่จะมีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเธอคงตัดสินใจแต่งงานกับเขาแล้วล่ะ
ดังนั้น แม้ว่าจะมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น แม้ว่าในเวลานั้นเธอจะโศกเศร้าเสียใจและผิดหวัง แต่ยังไงเธอก็ยังมีความรู้สึกผูกพันกับเขาไม่น้อย
บางทีอาจเป็นเพราะความรักแบบชายหญิง หรือบางทีอาจเป็นเพราะความรักแบบพี่น้องซะมากกว่า
ความรู้สึกที่ผูกพันและอีกฝ่ายก็อยู่ในทุกช่วงชีวิตของตัวเอง ใช่ว่าจะตัดขาดหรือเพราะการเลิกราก็จะสามารถตัดขาดได้อย่างง่ายดายหรอกนะ
อย่างไรก็ตาม เธอก็รู้ด้วยว่าหลังจากวันนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฟู้เจียนปอนั้นมันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป และเธอจะไม่สามารถเผชิญหน้ากับฟู้เจียนปอเหมือนที่เธอเคยทำในอดีตได้อีกต่อไป……
เฉียวโยวโยวสูดหายใจเข้าลึก ๆ สุดท้ายเธอตัดสินใจว่าความเจ็บปวดในระยะสั้นดีกว่าความเจ็บปวดในระยะยาว เธอกล่าวขึ้นมาว่า :“เจียนปอ ฉันเกรงว่าฉันจะแต่งงานกับคุณไม่ได้แล้วล่ะ”
ในขณะที่เธอพูดนั้น ทันใดนั้นที่ระเบียงก็เกิดความเงียบสงัด
หลังจากผ่านไปนาน ฟู้เจียนปอกระพริบตาและถามเบา ๆ : “โยวโยว คุณกำลังพูดถึงอะไร?”
เฉียวโยวโยวก็รู้สึกเศร้ามากเช่นกัน แต่เธอยังคงรวบรวมความกล้าที่จะพูดว่า: “เจียนปอ เราเลิกกันเถอะ ฉันไม่สามารถแต่งงานกับคุณได้อีกแล้ว ฉันขอโทษ”
คราวนี้ ไม่ถึงสองวินาที ฟู้เจียนปอตอบโต้อย่างรุนแรง
เขาจับข้อมือเฉียวโยวโยว: “โยวโยว เป็นเพราะผมกดดันคุณมากเกินไปหรือเปล่า?สิ่งที่คุณเพิ่งพูดไปเมื่อกี้นี้มันเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้นใช่ไหม?”
“เจียนปอ ฉันขอโทษ ฉันทำไม่ได้จริงๆ” เฉียวโยวโยวก้มศีรษะลง
จู่ ๆฟู้เจียนปอก็ปล่อยมือของเฉียวโยวโยวทันที ใบหน้าที่อ่อนโยนของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง และน้ำเสียงของเขาดูเหมือนเย็นชามากขึ้น: “เฉียวโยวโยว เป็นเพราะคุณเห็นว่าแม่ของผมป่วย คุณกลัวว่าแม่สามีจะเป็นอัมพาตอยู่ติดเตียง คุณถึงพูดแบบนี้ใช่ไหม?!
“สาเหตุไม่ใช่เพราะคุณป้า” เฉียวโยวโยวส่ายหัวแล้วพูดว่า: “ตั้งแต่เล็กจนโตคุณป้าดีกับฉันมาก แม้ว่าเราจะเลิกกัน ฉันก็จะดูแลเธอเหมือนแม่ของฉันเอง”
“ถ้าเช่นนั้นเป็นเพราะอะไรกันล่ะ!” ฟู้เจียนปอตัวสั่นเทา และน้ำเสียงของเขาก็เพิ่มระดับดังขึ้น: “ทำไมต้องเลิกกับผม?!”
“ฉันขอโทษ บางทีเพราะสภาพจิตใจของฉันในตอนนี้มันยังไม่เหมาะสมที่จะแต่งงานมั้ง!” เฉียวโยวโยวกล่าวว่า: “เจียนปอ คุณเป็นดีมาก คุณจะได้พบกับผู้หญิงที่ดีกว่าฉันอย่างแน่นอน ขอโทษด้วยนะ ความรู้สึกของฉันมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว!”
“คุณมีคนอื่นใช่ไหม!” ฟู้เจียนปอมองไปใบหน้าที่สวยงามของเฉียวโยวโยว เฉียวโยวโยวแววตาว่างเปล่า ในใจรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจ สิ่งเดียวที่ไม่มีนั้นก็คือความรัก
ใจของเขาเต้นแรงถี่ขึ้นเรื่อย ๆ เขาอดไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้าและกอดเธอไว้แน่น: “โยวโยว อย่าทำเช่นนี้! คุณแม่ของผมป่วย แต่ก่อนหน้านี้ผมได้ถามคุณหมอแล้ว คุณหมอบอกว่าถึงแม้จะเป็นอัมพาตครึ่งซีกแต่ก็สามารถเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆได้ จะไม่เป็นภาระให้เราหรอกนะ! หรือถึงแม้ท่านจะขยับไม่ได้แล้ว ผมสามารถหาเงินได้ ผมจะหาเงินให้ได้มากที่สุด และหาพยาบาลพิเศษมาดูแลท่านก็ได้ ผมจะไม่ทำให้คุณลำบากอย่างแน่นอน!”
“เจียนปอ คุณอย่าเป็นแบบนี้……” เฉียวโยวโยวรู้สึกเสียใจมากเช่นกัน แต่ในขณะนี้เธอทำได้เพียงทำให้หัวใจของเธอแข็งกระด้าง
“โยวโยว ผมชอบคุณมาตั้งนานแล้ว ที่ผ่านมาผมเคยบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอ ความฝันของผมนั้นก็คือสมัยวัยรุ่นต้องให้คุณมาเป็นแฟนของผมให้ได้ และเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ผมจะแต่งงานกับคุณ” ฟู้เจียนปอกอดเฉียวโยวโยวไว้แน่นแต่มือของเขาก็ยังคงสั่นเทาไม่หยุด: “โยวโยว ผมไม่สามารถสูญเสียคุณไปได้……”
เฉียวโยวโยวรู้สึกว่าหัวใจของเธอสับสนวุ่นวายอย่างมาก เธอไม่รู้ว่าจะปฏิเสธเขาอย่างไร แต่เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถกลับไปจุดเริ่มต้นกับเขาได้อีกแล้ว
หากมีสิ่งใดในโลกที่สามารถลบความทรงจำได้ ทำให้เธอลืมอดีตของฟู้เจียนปอ และความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฟู่สีเกอไปซะ แม้ว่าคุณแม่ฟู้จะต้องนอนติดเตียงไปตลอดชีวิต เธอก็จะแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเลเลย
สิ่งที่ยากที่สุดในโลกนี้คือการค้นหาอดีตที่ย้อนคืนกลับมาไม่ได้
“เจ็บจิ๊ด!” เฉียวโยวโยวรู้สึกเพียงแค่ว่าหนาวชาไปทั้งตัว และเธอก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
ฟู้เจียนปอร้องไห้แล้ว?
เธอรู้จักเขามาหลายปีแล้ว และตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่เคยร้องไห้แบบนี้เลยสักครั้งเดียว
“โยวโยว อย่าเลิกกันได้ไหม?” น้ำเสียงของฟู้เจียนปอสะอื้น:“เป็นเพราะผมบังคับคุณจนทำให้คุณรู้สึกกดดันมากเกินไปหรือเปล่า? ถ้าคุณไม่อยากแต่งงานเร็วขนาดนี้ ผมรอคุณได้นะ” เราเลื่อนงานแต่งไปก่อนดีไหม คุณอยากเลื่อนนานแค่ไหนก็ได้ตามใจคุณ ขอแค่เราไม่เลิกกันได้ไหม……”
เมื่อเธอได้ยินน้ำเสียงอ้อนวอนของเขา เธอก็รู้สึกเสียใจไม่น้อย
สายตาผู้คนทั่วไปฟู้เจียนปอซึ่งเป็นนักเรียนที่มีผลการเรียนสูงในระดับมัธยม ก็มีโมเม้มที่กล้ำกลืนอ้อนวอนแบบนี้ด้วยเหรอ?
ถ้าเขารู้สึกผิดในวันนี้ทำไมเขาถึงนอกใจเมื่อสมัยเรียนอยู่ต่างประเทศ?
ถ้าหากรู้ว่าจะมีวันนี้แล้วล่ะก็ ทำไมตอนที่เขาอยู่ต่างประเทศต้องนอกใจและผิดต่อเธอด้วยล่ะ?
แม้ว่าครั้งแรกที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งของเขาและหญิงสาวคนนั้น มันเกิดจากความผิดพลาด แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภายหลังล่ะ?
ทำไมเขาต้องใช้ชีวิตอยู่กับผู้หญิงอื่นเป็นเวลานานถึงสามเดือนด้วยล่ะ?
สามเดือน เท่ากับหนึ่งร้อยวันเชียวนะ!
แล้วเป็นเวลาหนึ่งร้อยคืนที่เธอต้องนอนคิดถึงเขาทุกวันทุกคืน แต่เขากลับนอนกอดกับผู้หญิงอีก!
เฉียวโยวโยวสูดหายใจเข้าลึก ๆ และผลักฟู้เจียนปอออกไปทันที: “เจียนปอ ฉัน……”
เธอผลักเขาและเขาไม่ทันตั้งตัวจนทำให้โซเซ หลังของเขากระแทกเข้ากับมุมระเบียง ทำให้เจ็บปวดอยู่ครู่หนึ่ง
เมื่อได้ยินว่าเฉียวโยวโยวยังคงจะพูดต่อ ฟู้เจียนปอก็ไม่สนใจความเจ็บปวดที่หลังของตัวเอง เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างกะทันหันและเอื้อมมือไปปิดปากของเฉียวโยวโยวทันที
เขายิ้มให้เธอ น้ำตาเป็นประกายระยิบระยับบนขนตา: “โยวโยว ผมรู้ว่าเมื่อกี้นี้คุณแค่พูดล้อเล่นเท่านั้น ดังนั้น ผมไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น! ไป เราไปดูว่าคุณแม่เติมน้ำเกลือได้ถึงไหนแล้ว!”