บทที่ 221 เหล่าสาวกของหลินเจี๋ย

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 221 : เหล่าสาวกของหลินเจี๋ย

“ตอนนี้ฉันจะพาพวกนายทุกคนไปพบคนเขียนหนังสือเล่มนี้ ผู้ยิ่งใหญ่ที่เทศนาคำสอนของเราแล้วนะ” ไวลด์เปิดประตูเข้ามาพูดกับกลุ่มคนที่กำลังศึกษาหนังสือลัทธิกลืนศพ พิธีกรรม และขนบธรรมเนียมอยู่

สองสามคนในห้องหยุดสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ทันทีแล้วทำความเคารพไวลด์ “ท่านหน้ากากดำ”

ดวงตาของไวลด์กวาดมองไปทั่วห้อง ก่อนที่เขาจะเดินผ่านพวกเขาทีละคนเพื่อตรวจสอบผลการเรียนของพวกเขา

สักพักจากนั้นเขาก็พยักหน้า “ดูเหมือนพวกนายทุกคนจะพอเข้าใจอะไรบ้างจากการศึกษาคำสอนแล้วนะ ความเคร่งครัดของพวกนาย คุณหลินต้องสัมผัสได้แน่นอน”

เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงกลางพูดออกมาอย่างตื่นเต้นเป็นคนแรก “พวกเรายังเข้าใจแค่ตื้น ๆ และยังต้องพยายามมากกว่านี้มากเลยครับ เนื้อหาทุกอย่างลึกล้ำและน่าสนใจมาก แค่อ่านไปไม่กี่บรรทัดผมก็ได้รับประโยชน์มามากแล้ว…ความแข็งแกร่งและปัญญาของคุณหลินนี่ แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้คำบรรยายเลยนะครับ”

“แต่ว่าพวกเราทุกคนก็หวังว่าจะได้ทุ่มเททั้งชีวิตของเราให้กับพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และรู้ทุกสิ่ง พวกเราจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อเข้าใกล้เขา และเป็นข้ารับใช้ผู้ภักดีของเขาครับ!”

ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเทิดทูนและคลั่งไคล้แผดเผาอยู่ขณะที่พูดเช่นนี้ออกมา

มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจินตนาการว่าเจ้าพวกนี้เคยอยู่ในหมู่คนในงานเลี้ยงโลหิตที่ล้อเลียนเกรดี้ต่อหน้าต่อตาไวลด์ที่ปลอมตัวอยู่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

ในทางกลับกัน ในตอนนี้พวกเขาดูราวกับเป็นคนละคน

ในตอนนี้ ‘เหยี่ยวราตรี’ กลายเป็นสมาชิกผู้โชคดีแห่งลัทธิกลืนศพที่ตัดสินใจถูกในการติดตามใต้บัญชาของ ‘บุรุษหน้ากากดำ’ ไปแล้ว

ครั้งหนึ่ง เขาเคยเป็นนักล่าหัวกะทิระดับสัตว์ประหลาดที่ถือดีสุด ๆ

แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่มีการพูดถึงตัวตนผู้ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานนี้ขึ้นมา ความเคารพบูชาและความหวาดกลัวที่เขารู้สึกจากก้นบึ้งหัวใจก็ทำให้รู้สึกราวกับเป็นแค่มดตัวจ้อยไร้ค่า จากนั้นมาเขาก็ไม่กล้ามีความคิดลบหลู่อีกต่อไป

ที่จริงแล้วการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นจากการไม่เต็มใจอ่านหนังสือลัทธิกลืนศพ พิธีกรรม และขนบธรรมเนียมของเขา

หลังจากสลบไปแล้วฟื้นขึ้นมา เขาก็เห็นโลกในมุมมองที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

เขารู้สึกเพียงความรื่นรมย์เมื่อความรู้สึกที่บ้าคลั่งพวยพุ่งออกมาจากก้นบึ้งหัวใจของเขา แล้วกวาดไปทั่วร่างของเขาราวคลื่นน้ำ

แล้วเขาก็กลายมาเป็นสาวกผู้คลั่งไคล้ของ ‘คุณหลิน’

เหยี่ยวราตรีไม่ได้รู้สึกระแคะระคายอะไรกับตัวเอง เขากลับรู้สึกเหมือนเขาเพิ่งได้เกิดใหม่เสียแทน!

เขารู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งในการชี้นำของชายหน้ากากดำ ถ้าไม่มีไวลด์ เขาก็คงใช้ชีวิตไร้ความสุขของตัวเองต่อไปโดยไม่รู้ว่าจะได้ค้นพบความจริงเหล่านี้เมื่อไหร่

นอกจากเขาแล้ว ยังมีสมาชิกงานเลี้ยงโลหิตอีกสองคนที่อยู่ในหมู่ผู้ถูกเลือกที่รอดชีวิต

ที่ซ้ายมือของเขาเป็นนักวิชาการที่ใช้โค้ดเนม ‘หนอนหนังสือ’ ในขณะที่ขวามือของเขาคือผู้หญิงที่เป็นนักเวทมนตร์ดำเหมือนไวลด์ ใช้โค้ดเนม ‘เกล็ดหิมะ’

ก่อนที่เรื่องทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้น ไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่รู้จักตัวตนจริง ๆ ของกันและกันเลย แม้จะมีการแลกเปลี่ยนภายในงานเลี้ยงโลหิตกันบ่อย ๆ ก็ตาม

เหยี่ยวราตรีก็เพิ่งจะมาได้รู้จักกับทั้งสองคนก็ตอนที่มีปฏิสัมพันธ์กันในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้เอง

หนอนหนังสือมาจากฝ่ายเล่นแร่แปรธาตุของสมาคมแห่งสัจธรรม แต่เขาก็เป็นพวกนอกคอกที่ชอบทำวิจัยความรู้ต้องห้ามอย่างการดัดแปลงร่างมนุษย์ด้วย หลังจากที่หนึ่งในการทดลองลับของเขาความแตก เขาก็ถูกจัดว่าเป็นบุคคลหลบหนีโดยสมาคมแห่งสัจธรรมเหมือนกับไวลด์ทันที แล้วเขาก็ถูกตั้งประกาศจับ

ตัวตนที่แท้จริงของเกล็ดหิมะนั้นน่าประหลาดใจ เธอมีพื้นหลังสูงส่งจากการมาจากตระกูลขุนนาง เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลสูงศักดิ์ที่มีอำนาจและฐานะ รวมไปถึงฐานันดรที่ค่อนข้างสำคัญด้วย ภายในเขตกลาง เกล็ดหิมะมีชื่อเสียงในการเป็นสาวงามที่มีบุคลิกเย็นชา

ด้วยพรสวรรค์ของเธอ ก็ได้กลายมาเป็นนักเวทมนตร์ดำแล้วเข้าร่วมกับงานเลี้ยงโลหิตเพื่อความตื่นเต้น

ทว่าหญิงสาวคงไม่มีทางจินตนาการไว้แน่ว่าความตื่นเต้นในครั้งนี้จะเกินกว่าที่เธอรับได้ไปขนาดนี้

มันกระทั่งน่าหวาดหวั่นไปสักหน่อยด้วย

แน่นอนว่าตัวเธอในตอนนี้ไม่มีทางคิดในแง่นั้นหรอก กลับกัน เธอในตอนนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขใจและเฝ้ารอที่จะได้พบ ‘คุณหลินผู้รอบรู้ทุกสรรพสิ่ง’ ในไม่ช้าอย่างใจจดใจจ่อ ใบหน้าของเธอถึงขนาดขึ้นสีระเรื่อจากความตื่นเต้นที่เธอรู้สึก

ถ้าขุนนางหนุ่ม ๆ ที่ชอบเธอมาเห็นเธอในตอนนี้ พวกเขาคงตกตะลึงจังงังแล้วสงสัยว่าสาวในฝันของพวกเขาจะถูกใครที่ไหนตกเข้าจนหลงหัวปักหัวปำไปแล้ว

นอกจากสองคนนี้ ยังมีอีกหนึ่งคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย แต่เขาอยู่ในมิติแยกแล้วพยายามช่วยไวลด์ให้อาหาร…ท่านสกายวูลฟ์ผู้ทรงพลังและเจ้าอารมณ์อยู่

เจ้าคนที่ใช้โค้ดเนม ‘มังกรทะยาน’ นั้นโชคดีกว่าพวกเขาทั้งสามคนมาก ท่ามกลางความอิจฉาของพวกเขาที่เหลือ มังกรทะยานได้กลายไปเป็นผู้ช่วยของชายหน้ากากดำ

นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา ไวลด์ก็พาพวกเขาทุกคนกลับมายังฐานลับของเขา ที่ตอนนี้เพิ่มหน้าที่เป็นแหล่งกบดานของเหล่าสาวกด้วย

หลังจากจับตามองกันอยู่สองสามวัน ในที่สุดพวกเขาก็ได้รับการยอมรับและได้รับอนุญาตให้เข้าพบ ‘คุณหลิน’ ได้

“ดีเลย ฉันดีใจนะที่พวกนายทุกคนตื่นรู้ถึงระดับนี้ได้ นี่พิสูจน์ว่าแต่แรกมา พวกนายทุกคนไม่ได้ถูกเลือกเพราะโชค แต่เป็นชะตากรรมที่พวกนายจะต้องมาเป็นสาวกของลัทธิกลืนศพ นี่คือโชคชะตาอันกว้างไกลที่พระเจ้าของเราใช้สายตาอันละเอียดอ่อนของเขาสร้างขึ้นมา”

“จำไว้ว่าทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของพวกนายทั้งหมดคือของขวัญจากเขา การมีอยู่ทั้งหมดของพวกนายเป็นของคุณหลิน”

ไวลด์พูดโดยไม่ลืมยกย่องหลินเจี๋ยขึ้นหิ้งพลางมองคนทั้งสามตรงหน้าเขาอย่างพึงพอใจ

“ครับ/ค่ะ ท่านหน้ากากดำ!” ทั้งสามประสานเสียงตอบอย่างเร่าร้อน

“ประพฤติตัวให้ดี แล้วพวกนายจะพบว่าตัวเองได้รับของขวัญอันประเมินไม่ได้กลับมา แต่ถ้าคุณหลินไม่พอใจขึ้นมา และต่อให้เขาจะไม่เอาความ แต่ฉันนี่แหละจะแสดงให้พวกนายรู้เองว่าชื่อเสียงของฉันได้มายังไง”

ไวลด์พอใจกับสาวกกลุ่มใหม่นี้มาก ที่จริงมันก็สมกับเป็นหนังสือของเจ้าของร้านหลินแล้ว เมื่อพวกเขาเริ่มอ่านหนังสือ พวกเขาก็ถูกกำหนดแล้วว่าจะต้องตายหรือได้เกิดใหม่

ไวลด์สวมหมวกของเขาแล้วเดินออกไปพร้อมไม้เท้าในมือ

“มาสิ ตามฉันมา”

กัลยืนรออยู่ที่ลาน และบนกองหญ้าใบยาวก็มีสุนัขสีขาวตัวใหญ่ที่มีสีเทาและดำแซมมานั่งแลบลิ้นหอบหนัก ๆ อยู่

กัลแปรงขนให้เกรดี้ด้วยรอยยิ้มกว้าง เมื่อได้เห็นไวลด์กับคนอื่น ๆ ออกมา เขาก็ทักทายอย่างอบอุ่นทันที “ยินดีต้อนรับกลับมาครับ ผมจัดห้องแล็ปและตรวจสอบข่ายมนตร์ป้องกันแล้ว วงแหวนเวทมนตร์ที่ใช้คุมความเสถียรของกระแสอีเธอร์ก็ตั้งไว้แล้วเรียบร้อย และเกรดี้ก็ได้อาหารแล้ว เราพร้อมเดินทางครับ!”

กัลทุบอกของตนอย่างภาคภูมิ

ตราบใดที่เขาได้รับใช้ไอดอลของเขา ให้บุกน้ำลุยไฟเขาก็ยินดี!

ไวลด์พยักหน้าแล้วเดินไปลูบหัวเกรดี้ นับแต่ปราบพยศสกายวูล์ฟได้ทุกอย่างก็สะดวกขึ้นเป็นกอง ไม่มีอะไรเทียบได้กับความสามารถในการท่องมิติของมันซึ่งทำให้ความเร็วในการเดินทางเร็วขึ้นมาก

เกรดี้เห่าหนึ่งทีแล้วกลับสู่ร่างหมอกดั้งเดิมของมันพร้อม ๆ กับที่ไฟฟ้าแล่นพล่านไปรอบ ๆ ตัวมัน โอบล้อมทุกคนไว้แล้วหายไปด้วยกันในเวลาต่อมาไม่นาน

เมื่อมันปรากฏขึ้นอีกครั้ง กลุ่มคนทั้งหมดก็อยู่หน้าร้านหนังสือแล้ว

ไวลด์มองภาพตรงหน้าที่คุ้นเคยแต่ก็แปลกไปอย่างครุ่นคิด โดยเฉพาะที่คาเฟ่หนังสือข้าง ๆ และอาคารแห่งใหม่ที่เพิ่งจะสร้างเสร็จ

ทว่าคนอื่น ๆ กลับพุ่งความสนใจไปที่ร้านหนังสือซอมซ่อแต่ลึกลับ

“เข้าไปข้างในกันเถอะ อย่าลืมล่ะว่าคุมมือดี ๆ อย่าไปเที่ยวแตะต้องอะไรในร้านหนังสือเข้าล่ะ” ไวลด์พูดพลางเดินนำเข้าไปก่อน

ภายในร้าน ไวลด์ก็ได้พบกับภาพของหลินเจี๋ยผู้เป็นกันเองอยู่เสมอที่กำลังอ่านหนังสืออยู่หลังเคาน์เตอร์เช่นเคย ดวงตาของเขาทอประกาย เขาเดินเข้าไปหาเจ้าของร้านหนังสือแล้วเอ่ยทักทาย “ไม่เจอกันนานเลยนะครับเจ้าของร้านหลิน!”

“ผมบรรลุภารกิจที่คุณให้ผมมาแล้วครับ”