บทที่ 222 ทุกคนต่างเต็มใจ

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 222 : ทุกคนต่างเต็มใจ

“แง้ว?”

ไวลด์ต้องแปลกใจที่เสียงไม่ได้มาจากหลินเจี๋ยที่เงยหน้าขึ้นมามอง แต่เป็นแมวที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา

“สัตว์เลี้ยงตัวใหม่เหรอครับ?” เขาถามขึ้น

หลินเจี๋ยยิ้มน้อย ๆ แล้วพยักหน้า “ใช่ครับ วินเซนต์ให้มา เขาเป็นพระสังฆราชของศาสนาแห่งตะวัน คุณอาจเคยได้ยินชื่อเขามาบ้างแล้วนะครับเฒ่าไวลด์ เขาเป็นลูกค้าอีกคนของผมครับ”

แมวขาวตัวอ้วนที่ยังร้องเหมียวอยู่เบา ๆ วางอุ้งเท้าของมันเองลงบนเคาน์เตอร์แล้วจ้องไวลด์กับสุนัขตัวโตข้างตัวเขา

สายตาของมันก็อ้อยอิ่งที่ไวลด์อยู่สักพักก่อนจะเบนไปที่เกรดี้

การถูกเจ้าแมวจ้องมองทำให้ไวลด์เกร็งตัวตามสัญชาตญาณ ความระแวงของเขาพุ่งทะยานพร้อม ๆ กับที่ทุกบริเวณที่ถูกจ้องมองต่างขนลุกซู่

ร่างของเขากำลังกรีดร้องใส่ว่าเจ้าสิ่งที่ดูเหมือนแมวนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่มันเห็น

มันไม่มีทางเป็นแมวธรรมดาแน่นอน…

ดวงตาอสรพิษสีเขียวเบื้องหลังหน้ากากของไวลด์หรี่ลงเป็นเส้น แล้วจากนั้น เขาก็พลันตระหนักถึงความผิดปกติของ ‘แมว’ ตัวนี้ได้ราวกับหมอกแห่งความฉงนตรงหน้าเขาสลายตัวออก

อุ้งเท้าทั้งสองที่ปกคลุมด้วยเส้นขนนั้น ที่จริงแล้วไม่ใช่อุ้งเท้าน่าเอ็นดู แต่ที่ม้วนพับอยู่ในนั้นคือกรงเล็บยาวที่คมกริบ

เส้นขนที่ปกคลุมร่างกายของมันนั้นคือเส้นหนวดเส้นบางเฉียบนับไม่ถ้วน ถ้าใครเข้าไปมองใกล้ ๆ ก็เป็นไปได้ที่จะเห็นลูกตาดวงจิ๋วท่ามกลางช่องว่างระหว่างเส้นขนที่เต้นระริกไปมาพวกนั้นด้วย

ยิ่งกว่านั้น ดวงตาสีเหลืองที่หมุนติ้ว เปลี่ยนไปมาของมันก็ไม่ได้มีเปลือกตา ทำให้ดูเป็นภาพที่น่ากลัวมาก

และเมื่อจ้องมองลูกตาเหล่านั้นนานเกินไป ก็จะสังเกตเห็นก้อนเนื้อยุกยิกที่ปกคลุมด้วยเส้นเลือดสีแดงและดำที่หลังลูกตาได้ด้วย…

ไวลด์ช็อกไปเล็กน้อย ทุกอย่างนี้พิสูจน์ว่า ‘แมว’ ตรงหน้าเขานี้ที่จริงแล้วเป็นเหมือนเกรดี้…เป็น ‘นักเลียนแบบ’

“กรร…”

เกรดี้ที่อยู่ข้าง ๆ เขาย่อตัวลงเล็กน้อย ขู่เบา ๆ และอยู่ในสถานะระวังตัวเต็มที่ในขณะที่จ้องเจ้าขาวเขม็ง

คู่หมาแมวเขม่นใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร

กลุ่มคนข้างหลังไวลด์ต่างตระหนักถึงบรรยากาศเย็นเฉียบนี้ได้ ทำให้พวกเขาต่างหน้าซีดตัวสั่น

กัลที่ยืนอยู่ใกล้เกรดี้ที่สุดต้องรับเคราะห์ไปเต็ม ๆ สัญชาตญาณบอกให้เขาหนี แต่น่าเศร้าที่ขาของตัวเองทั้งสองข้างต่างอ่อนยวบ ทำให้กระดิกไม่ได้แม้สักคืบ

ในฐานะผู้อยู่ในระดับสัตว์ประหลาด พวกเขาต่างสามารถแยกแยะระดับออร่าที่ทั้งสองแสดงออกมาได้อย่างแม่นยำ

ไม่ต้องบอกก็รู้ มันเป็นความจริงแล้วว่าเกรดี้เป็นสกายวูลฟ์ระดับภัยพิบัติ

เพราะถึงอย่างไร พวกเขาก็ได้ประสบมันมากับตัวเองมาหมดแล้ว

ดังนั้น อะไรที่สามารถเทียบเคียงกับเกรดี้ได้ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องอยู่ในระดับภัยพิบัติเช่นกัน

ซึ่งก็หมายความด้วยว่า…ในตอนนี้มีผู้มีระดับภัยพิบัติสามรายมารวมกันอยู่ในร้านหนังสือเล็กจ้อยนี้ รวมถึงไวลด์!

นี่มันเรื่องตลกแบบไหนเนี่ย?

ถ้าองค์กรที่แข็งแกร่งอย่างโบสถ์แห่งจุดสูงสุดมีระดับภัยพิบัติสามคนและระดับเหนือนภาอีกหนึ่ง นี่ก็หมายความว่าในด้านพลังต่อสู้แล้ว ร้านหนังสือที่ดูธรรมดา ๆ นี้แทบจะอยู่ในระดับเดียวกับโบสถ์แห่งจุดสูงสุดอยู่แล้ว

และนี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจที่สุดด้วย

เรื่องที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือความจริงที่เจ้า ‘แมว’ ตัวนี้ทำตัวเหมือนเป็นสัตว์เลี้ยงในอ้อมแขนของเจ้าของร้านหนังสือต่างหาก!

เหยี่ยวราตรีกลืนน้ำลาย แม้ว่าเกรดี้จะอยู่ในรูปร่างสุนัขเลี้ยงตัวใหญ่และเป็นสกายวูลฟ์ที่ปลอมตัวอยู่ก็ตาม แต่เขาก็เหมือนเป็นเพื่อนของไวลด์มากกว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยง

นี่ทำให้เลือดของเหยี่ยวราตรีสูบฉีดแรง ทุกอย่างที่เขาเรียนรู้จากไวลด์เกี่ยวกับ ‘คุณหลิน’ ต่างไหลทะลักกลับเข้ามาในใจเขา

นี่คือตัวตนผู้รอบรู้และแข็งแกร่งในทุกด้านอย่างแท้จริง!

คนอื่น ๆ ก็มีความคิดแบบเดียวกัน การแสดง ‘อำนาจข่มขู่’ นี้เอาชนะใจพวกเขาได้ทันที พวกเขาทุกคนต่างมองหลินเจี๋ยด้วยสายตาเหมือนที่สาวกของศาสนาใด ๆ ก็ตามแสดงต่อพระเจ้าของพวกตนที่จุติจากสวรรค์เบื้องบนลงมาปรากฏต่อหน้าพวกเขา

แน่นอนว่าลึก ๆ แล้วพวกเขาก็ศรัทธาโดยแท้จริง…

โอ้…หลินเจี๋ยรักษารอยยิ้มของเขาไว้ เขารู้สึกแปลกนิดหน่อยเมื่อถูกจ้องมองจากสายตาที่ค่อนข้างคลั่งไคล้ของพวกคนหนุ่มสาวที่ตามเฒ่าไวลด์มา

จะว่ายังไงดี พวกเขาเหมือนกับพวกแฟนตายยากที่กำลังจะร้องกรี๊ดสุดเสียงเมื่อได้มาเจอไอดอลของพวกเขาเลย

เจ้าของร้านหลินมีท่าทีกังขาในทีแรก แต่คำอธิบายของเฒ่าวิลก็ลบความสงสัยของเขาอย่างรวดเร็ว

“เรื่องภารกิจที่คุณให้ผมมา ผมมีความคืบหน้าบ้างแล้วนะครับ”

ไวลด์แนะนำคนพวกนี้ก่อนที่จะอธิบายเพิ่มเติม “แต่เดิมพวกเขาเป็นสมาชิกของงานเลี้ยงโลหิต เป็นเหล่าหนุ่มสาวที่เดินออกนอกลู่นอกทาง ทว่าพวกเขาทุกคนต่างได้รับแรงบันดาลใจตั้งแต่ที่ผมถ่ายทอดเจตนารมณ์และหนังสือของคุณให้พวกเขาอ่าน แล้วทุกคนต่างก็เต็มใจเป็นสาวกหนังสือของคุณครับ พวกเขาเชื่ออย่างเต็มที่ว่าคุณเป็นผู้สอนวิชาชีวิตให้พวกเขาครับ!”

พวกเขาสองสามคนพยักหน้า “ครับ/ค่ะ พวกเราทุกคนต่างเต็มใจทั้งหมด”

“วันนี้ ผมพาพวกเขามาเพื่อมอบโอกาสให้พวกเขาได้ฟังคำสอนของคุณ และหวังว่าคุณจะพอใจในพวกเขาครับ”

หลินเจี๋ยพลันแถลงไข เขาลูบเจ้าขาวที่ขนฟูฟ่องขึ้นมาเมื่อได้เจอเจ้าสุนัขอีกสองสามครั้งแล้วจับเจ้าแมวอ้วนมาวางไว้บนตักของเขา

จริง ๆ ด้วยแหละ

เขาจำได้ว่ามีสองครั้งที่เขาดูจะส่งคำไหว้วานถึงเฒ่าไวลด์…

ครั้งแรกคือตอนที่เขายื่นหนังสือพิธีการและขนบธรรมเนียมให้เฒ่าไวลด์ แล้วบอกเขาว่า ‘ผมหวังว่าคุณจะแนะนำมันให้คนอื่น ๆ’

ครั้งที่สองเกิดขึ้นในการเยี่ยมบ้านเฒ่าไวลด์เมื่อครั้งก่อน เฒ่าไวลด์ก็เคยพูดว่าเขามีแผนเปลี่ยนใจเจ้าพวกสมาชิกเอาแต่ใจของงานเลี้ยงโลหิต

ซึ่งก็หมายความว่า เจ้าพวกนี้คือผลของความพยายามของเฒ่าไวลด์!

หลินเจี๋ยหัวเราะอย่างเบิกบานใจ “ข่าวนี้ยอดไปเลยครับ! คุณทำได้ดีครับเฒ่าไวลด์ คุณทำได้เหนือความคาดหมายของผมมากเลยล่ะ”

“ผมไม่เคยคาดฝันเลยว่าจะมีคนเยอะขนาดนี้บนโลก…เอ่อ ในแถบ ๆ นี้ที่จะมาสนใจหนังสือของผมนะเนี่ย”

“คุณต้องเข้าใจก่อนนะว่าเรื่องพวกนี้ไม่ได้เป็นที่นิยมไปทุกที่ ขนาดลูกศิษย์เก่า ๆ ของผมยังบ่นกันขรมเลยว่าเรื่องพวกนี้ยากและลึกเกินไปสำหรับพวกเขา”

“บ่อยครั้งเลยที่พวกเขาทำเหมือนว่าผมกำลังทรมานพวกเขาตอนที่ผมให้อ่านเพิ่มเติม ทั้งบ่นทั้งร้อง บอกว่าการอ่านมากเกินไปจะทำให้สัมผัสรับรู้ของพวกเขาชา แล้วทำให้จิตใจของพวกเขาแตกสลาย”

คุณถ่อมตัวมากเกินไปแล้ว…

พวกเหยี่ยวราตรีอดตะลึงค้างอย่างไม่เชื่อสายตาไม่ได้ เพราะถึงอย่างไร พวกเขาก็ได้เห็น และกระทั่งประสบพลังที่บรรจุไว้ในหนังสือมากับตัวเองกันหมดแล้ว

ถ้าพวกเขาทนมันไม่ได้ พวกเขาก็คงจบไม่ต่างจากดอยล์ที่เป็นบ้าหัวระเบิดไปแล้ว…

กระทั่งตอนนี้ พวกเขาก็ยังทนได้แค่ไม่กี่หน้าเอง ถ้าอ่านมากไปกว่านั้นจะส่งผลให้พวกเขาปวดหัวจนหัวแทบแตก ราวกับมีบางอย่างในสมองของพวกเขาที่ดิ้นรนจะแทรกตัวออกมา

ทว่าไวลด์สังเกตถึงคำว่า ‘ในโลกนี้’ ได้ เขาปะติดปะต่อมันกับเบาะแสในอดีตแล้วก็ค้นพบเรื่องที่น่าตกใจ หรือเจ้าของร้านหลินจะพูดถึงโลกที่อยู่เบื้องหลังกำแพงหมอก?

หรือบางที เขาอาจจะหมายถึงแดนนิมิต?

ยิ่งกว่านั้น…สัตว์เลี้ยงตัวใหม่ของเจ้าของร้านหลินดูจะมีออร่าของดวงจันทร์อยู่จาง ๆ ด้วย

มันเป็นความรู้ทั่วไปในเรื่องที่โบสถ์แห่งจุดสูงสุดถูกศาสนาแห่งตะวันที่ตั้งขึ้นใหม่โค่นล้มลง ทว่าพวกที่รู้เหตุการณ์มากกว่าก็จะรู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับร้านหนังสือ

รวมไปถึงการขึ้นสู่อำนาจของวินเซนต์ ความตายของอัครสาวกเดือนเสี้ยวข้างแรม และอื่น ๆ

โบสถ์แห่งจุดสูงสุดเพิ่งจะล่มสลายไปไม่นาน แล้วเจ้าของร้านหลินก็ได้ครอบครองสิ่งมีชีวิตปริศนาที่มีออร่าของดวงจันทร์แล้ว

นี่เป็นเรื่องที่ชวนให้คิดมาก ๆ ในตัวมันเอง

แล้วตัดสินจากนิสัยของเจ้าของร้านหลิน ไวลด์ก็แน่ใจ 90% แล้วว่าหลินเจี๋ยอาจจะอยากได้สัตว์เลี้ยงบ้างหลังจากเห็นเกรดี้ก่อนหน้านี้

แล้วหลังจากเกิดเรื่องมากมายขึ้นติด ๆ กัน ชิ้นโดมิโน่ก็ล้มต่อ ๆ กัน แล้วโบสถ์แห่งจุดสูงสุดก็จบสิ้นลง

แล้วตอนนี้ สัตว์เลี้ยงที่เจ้าของร้านหลินอยากได้ก็อยู่ตรงหน้าไวลด์แล้ว

ในขณะที่ไวลด์กำลังจมอยู่ในความชื่นชมต่อเจ้าของร้านหลิน หลินเจี๋ยก็ยิ้มให้เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าสุด “คุณคือเหยี่ยวราตรีใช่ไหม? คุณคิดยังไงกับหนังสือของผมบ้างล่ะ?”