บทที่ 275 รุกรับพลิกผัน

บทที่ 275 รุกรับพลิกผัน

สถานการณ์การต่อสู้ตอนนี้ ไม่ใช่มีเพียงแค่อู๋ฝานที่รู้ได้ แต่ทั้งสองที่กำลังต่อสู้กัน ต่างก็รับรู้และกระจ่างชัดอยู่ในใจเช่นเดียวกัน

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ยังคงสงบนิ่งนับตั้งแต่เริ่มการต่อสู้จนถึงตอนนี้ หญิงสาวยังไม่มีวี่แววจะตื่นตระหนกแม้แต่น้อย โดยเฉพาะหลังคุ้นเคยกับแนวทางการโจมตีของโนซาวะ ชูอิจิ เธอก็ยิ่งสามารถรับมือได้ง่ายขึ้นกว่าตอนแรก

ส่วนทางด้านโนซาวะ ชูอิจิ ในตอนนี้ไม่ได้สงบนิ่งหรือมีความมั่นใจเช่นก่อนหน้าอีกต่อไปแล้ว

แม้ว่าก่อนหน้านี้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์จะสามารถเอาชัยจากเหอเหลียงได้อย่างง่ายดาย แต่โนซาวะ ชูอิจิก็ไม่ได้มองเป็นจริงเป็นจังแต่อย่างใด เพราะในฐานะคนธรรมดา เหอเหลียงถือว่าไม่มีค่าอะไรในสายตาของเขา การเอาชนะอีกฝ่ายได้ไม่ใช่อะไรที่คู่ควรให้ต้องชื่นชม

โนซาวะ ชูอิจิที่อายุราวยี่สิบห้าหรือยี่สิบหก กลับสามารถก้าวไปถึงขอบเขตสว่างขั้นสูงได้ มันคือพรสวรรค์อันสูงล้ำ บุคคลเช่นนี้ย่อมมีความภาคภูมิในตนเอง หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้เหอเหลียงขอให้เขาลงมือ เขาคงนึกรังเกียจที่จะต้องเล่นงานผู้หญิงเช่นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่อายุน้อยกว่าตนเอง

เพียงแต่พอได้ประมือกันจริง ๆ โนซาวะ ชูอิจิจึงได้ตระหนักว่าความคิดเดิมที่ตนเองลงมือสักหนึ่งหรือสองกระบวนท่าก็สมควรจัดการหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ได้ มันผิดพลาดอย่างมหันต์! หญิงสาวเองก็เป็นผู้ฝึกตน อีกทั้งหากเทียบด้านพละกำลังกันแล้ว ยังสูสีทัดเทียม กระทั่งว่าเหนือกว่าเล็กน้อยเสียด้วยซ้ำ

ขณะนี้เองที่เขาได้ตระหนักว่าตอนหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ต่อสู้กับเหอเหลียง เธอไม่ได้ออกเรี่ยวแรงใดด้วยซ้ำ

แต่หากคิดย้อน ก็ไม่มีความจำเป็นใดที่ผู้ฝึกตนจะต้องต่อสู้เอาจริงกับคนธรรมดา หากเป็นเขา ก็คงไม่ได้ทุ่มเทพลังออกมาเช่นเดียวกัน แต่มันก็ทำให้เขาคาดเดาสถานการณ์เมื่อครู่นี้ผิดพลาดไป

หลังตระหนักได้ โนซาวะ ชูอิจิจึงร้อนใจต้องการเผด็จศึก เขารู้ดีว่าหากเมื่อใดที่ตนเหนื่อยล้าเล็กน้อย เปิดช่องว่างสักครั้ง หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่เป็นผู้ฝึกตนเช่นกัน ย่อมไม่มีทางปล่อยโอกาสนั้นให้หลุดลอย ทำให้เขาต้องการชนะหญิงสาวก่อนที่ตนเองจะหมดแรง

เขาต้องประหลาดใจที่ได้พบว่าแม้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์อายุน้อยกว่าตนเอง ทว่ากลับมีประสบการณ์การต่อสู้ที่ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าเขา หรืออาจจะสูงส่งยิ่งกว่า ขณะก้าวรุกก้าวแล้วก้าวเล่า พยายามเล่นงานเต็มแรง แต่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็นิ่งเฉย กระบวนท่าของเขาที่ดูดุดัน กลับไม่อาจทำอะไรหญิงสาวได้ ภายนอกนั้นเธอกำลังตกเป็นรอง แต่เขาตระหนักได้ว่าตนเองต่างหากที่ไม่อาจช่วงชิงความได้เปรียบมา

เรื่องนี้ยิ่งทำโนซาวะ ชูอิจิร้อนใจขึ้นมา เขาทราบว่าหากยังปล่อยเรื่องนี้ยืดเยื้อ มันจะไม่ดีสำหรับตนเอง และสุดท้าย ฝ่ายที่จะพ่ายแพ้ก็เป็นไปได้มากว่าจะเป็นเขา!

เมื่อคิดว่าตนเองอาจจะต้องพ่ายแพ้ให้กับผู้หญิงชาวจีน ใจของโนซาวะ ชูอิจิไม่อาจยอมรับ เขาไม่อาจพ่ายแพ้ เขาจะต้องไม่แพ้ให้กับผู้หญิงชาวจีน!

คิดได้ดังนั้น โนซาวะ ชูอิจิจึงยิ่งโจมตีรุนแรงมากยิ่งขึ้น แต่เพราะความร้อนใจนั้นเอง มันนำไปสู่ความผิดพลาดทางกระบวนท่า ระหว่างกระบวนท่าที่สอง มันไม่ได้แม่นยำต่อเนื่องเช่นที่เคย มันเกิดช่องโหว่ขึ้น!

“โอกาส!” อู๋ฝานที่ดูการต่อสู้จากทางด้านหลัง เห็นดังนั้นดวงตาก็เป็นประกาย

ถังอวี่เฟยที่อยู่ด้านหลังสับสน ในสายตาของเธอ โนซาวะ ชูอิจิออกกระบวนท่าไม่ได้แตกต่างจากเดิม มันยังคงดุดันเช่นที่เคยเป็น พลังยังคงรุนแรง การโจมตีประหนึ่งพายุ ขณะที่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เปรียบดังเรือน้อยกลางพายุใหญ่ ที่ราวกับพร้อมจะถูกพายุซัดให้อับปางลงได้ในทุกเมื่อ

นับเป็นโชคดีที่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ใช่ถังอวี่เฟย เธอเองก็เห็นช่องโหว่ที่โนซาวะ ชูอิจิเผยออกมา แม้ไม่ได้ใหญ่มาก คนธรรมดาไม่อาจมองเห็น แต่สายตาของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ยอดเยี่ยมกว่าคนธรรมดา กระทั่งกำลังรอคอยให้โนซาวะ ชูอิจิเปิดช่องโหว่อยู่ด้วยซ้ำ โอกาสเช่นนี้ มีหรือเธอจะปล่อยพลาดได้?

ในตอนนี้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ถอยหลบ แต่รุกกลับ แขนซ้ายของเธอตั้งรับ ขัดขวางลูกเตะสีข้างของอีกฝ่ายเอาไว้ จากนั้นจึงฉวยโอกาสจากสถานการณ์ เตะสไลด์ปัดขาของโนซาวะ ชูอิจิไปทางด้านข้าง ก่อนจะสับด้วยฝ่ามือข้างขวา ฟาดปะทะหน้าอกของอีกฝ่ายโดยตรง

โนซาวะ ชูอิจิตะลึง หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่ก่อนหน้านี้ทำได้แค่ป้องกัน เพียงแค่เขาเปิดช่องโหว่เล็กน้อย กลับคว้าเอาโอกาสนั้นมาทันที กระทั่งว่าเป็นในช่วงเวลาที่เหมาะสมพอดีด้วย เขาที่ออกกระบวนท่าไปแล้ว ยังอยู่ระหว่างการออกกระบวนท่าต่อไป แม้ทราบเจตนาของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่มีทางจะต้านรับเอาไว้ได้

“ตึง!”

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ใช้ฝ่ามือเล่นงานใส่หน้าอกของโนซาวะ ชูอิจิ แม้หญิงสาวไม่ได้มีเรี่ยวแรงโดดเด่น แต่การโจมตีครั้งนี้ มันทำโนซาวะ ชูอิจิที่ไม่ได้เตรียมตั้งรับต้องถอยกลับ

โนซาวะ ชูอิจิถอยกลับไปแล้ว หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่จำเป็นต้องหลบเลี่ยงการโจมตีเช่นก่อนหน้า ตอนนี้จึงฉวยโอกาสเตรียมคว้าเอาชัยชนะมาไว้ในกำมือ เท้าของเธอขยับตามอีกฝ่าย ฝ่ามือคอยเหวี่ยงออกกระบวนท่าใส่โดยไม่ให้ตั้งตัว

หน้าอกของโนซาวะ ชูอิจิได้รับบาดเจ็บ สถานการณ์ไม่เปิดช่องว่างให้เขาได้พักหายใจ หลิ่วเหยียนเอ๋อร์โหมบุกโจมตีอย่างต่อเนื่อง ชายหนุ่มทำได้เพียงแค่ตั้งป้องกัน ขณะที่ร่างกายยังไม่ทันปรับสมดุลการทรงตัว แม้ป้องกันก็ไม่ใช่ว่าจะป้องกันได้เต็มที่ ดังนั้นจึงไม่อาจสกัดการโจมตีทั้งหมดของอีกฝ่ายเอาไว้ได้

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่ชิงความได้เปรียบมา เธอทราบจังหวะของตนเองเป็นอย่างดี ตอนนี้กำลังเร่งความเร็วการออกกระบวนท่า เร็วเสียยิ่งกว่าที่โนซาวะ ชูอิจิเคยโหมบุก ทำให้อีกฝ่ายต้องปั่นป่วน ส่วนชายหนุ่มก็ไม่คาดคิดว่าการเปิดช่องโหว่เล็กน้อยเพียงแค่นั้น จะทำให้เขากลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเต็มประตูเสียได้

ผู้คนที่ชมเรื่องราวต่างต้องตะลึง ที่ได้พบว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่ก่อนหน้านี้ตกเป็นรองและไร้แรงโต้กลับอย่างเห็นได้ชัด จะสามารถพลิกสถานการณ์ชิงเป็นฝ่ายได้เปรียบ กระทั่งเปิดฉากรุกไล่ โนซาวะ ชูอิจิกลับต้องเผชิญสถานการณ์ยากลำบากกว่าที่เธอเคยรับมือมาก่อนหน้านี้อย่างมหาศาล

“นี่เธอเจาะช่องโหว่ได้สินะคะ” ถังอวี่เฟยเองก็ประหลาดใจเช่นกัน

อู๋ฝานเพียงยิ้มโดยไม่ได้ตอบคำใด

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ใช่อย่างโนซาวะ ชูอิจิ เมื่อเธอเริ่มเปิดฉากบุก เธอจะไม่เปิดช่องโหว่ให้ง่าย ๆ ก่อนหน้านี้ที่เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันเอาไว้ ทว่าตอนนี้กลับเป็นฝ่ายรุกไล่อย่างสุดกำลัง ชนิดที่ต่อให้โนซาวะ ชูอิจิคิดอยากหาโอกาสตอบโต้สวนกลับ ก็จะได้พบเพียงแค่ว่าไม่มีช่องโหว่ให้เล่นงานกลับไปได้

“ตึง! ตึง! ตึง!”

ภายใต้อาการร้อนรน โนซาวะ ชูอิจิยิ่งเผยช่องโหว่ออกมามากยิ่งขึ้น ช่องโหว่ดังกล่าว ในสายตาของคนทั่วไป มันอาจไม่เห็นช่องโหว่ใดด้วยซ้ำ แต่ในสายตาของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ มันคือโอกาสดีที่จะใช้เล่นงาน เธอไม่มีทางมองข้ามปล่อยผ่าน ฝ่ามือแล้วฝ่ามือเล่าฟาดใส่ร่างโนซาวะ ชูอิจิอย่างต่อเนื่อง อีกฝ่ายยิ่งผ่านไปก็ยิ่งร้อนรน ร่างกายก็บาดเจ็บ จนทำให้ทุกย่างก้าวเริ่มปั่นป่วนรุนแรงมากขึ้น

ฉากที่ผู้ชมได้เห็น คือการที่ในตอนนี้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ครองความได้เปรียบ พวกเขากำลังตื่นเต้น แต่ละคนเริ่มที่จะส่งเสียงตะโกนเรียกชื่อหญิงสาว ส่วนทางด้านเหอเหลียงที่พ่ายแพ้และหวังว่าจะล้างแค้นได้สำเร็จ กลับต้องร่างชะงักงันแข็งข้าง เพราะสถานการณ์รุกรับของคนทั้งสองบนเวทีได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว สำหรับคนทั่วไป พวกเขาไม่อาจเข้าใจได้ ก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดว่าโนซาวะ ชูอิจิครองความได้เปรียบ แต่ทันใดนั้นกลับพลิกผัน สถานการณ์เปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนเกินไป หากไม่ใช่เพราะเหอเหลียงที่ทราบดีว่าโนซาวะ ชูอิจิไม่เคยรู้จักหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ คงจะนึกสงสัยไปแล้วว่าคนทั้งสองกำลังร่วมมือกันแสดงละคร ไม่เช่นนั้นมีหรือสถานการณ์การประลองจะเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกกลับด้านเช่นนี้ได้?