บทที่ 276 กระบวนท่าที่รุนแรง

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 276 กระบวนท่าที่รุนแรง

บทที่ 276 กระบวนท่าที่รุนแรง

เหอเหลียงยิ่งร้อนรน ตัวเขาอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา “โนซาวะสู้เขา!”

คำพูดนี้ บรรดานักศึกษาที่อยู่ใกล้หน่อยต่างก็ได้ยิน ตอนนี้เองที่พวกเขาต่างหันควับมองมาอย่างค่อนแคะ ไม่ว่าจะในฐานะนักศึกษามหาวิทยาลัยเจียงโจว หรือคนของประเทศนี้ก็ตาม อีกฝ่ายกลับเชียร์คนจากประเทศอาทิตย์อุทัย เหตุการณ์นี้นับว่าหยามกันซึ่งหน้า

เมื่อรับรู้ถึงสายตารุนแรงจากเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย เหอเหลียงก็นึกกระดากใจและอับอายขึ้นมา แม้แบบนั้น แต่ตอนนี้เขาไม่สนอีกต่อไปแล้ว เขากำลังถูกความโกรธเข้าครอบงำ ต้องการแค่ได้เห็นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์พ่ายแพ้ ทั้งเป็นความพ่ายแพ้อย่างหมดรูป ส่วนเรื่องอื่น เขาไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว!

เพียงแต่เสียงตะโกนให้กำลังใจของเขาก็ไม่อาจช่วยเสริมกำลังใดให้แก่โนซาวะ ชูอิจิได้ สถานการณ์ที่กำลังดำเนินไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ภายใต้การรุกคืบของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ โนซาวะ ชูอิจิยิ่งยากจะต้านรับเอาไว้อย่างเห็นได้ชัด เขากำลังตกเป็นรอง ขนาดที่ว่าไม่มีโอกาสและความสามารถจะสู้กลับ

“ตึง!”

หลังโดนหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เล่นงานอีกครั้ง โนซาวะ ชูอิจิจึงไม่อาจประคองสมดุลร่างกายเอาไว้ได้อีก สุดท้ายล้มลงกับพื้น มือและแขนต้องกุมหน้าอกเอาไว้พร้อมส่งเสียงร้องเจ็บปวดดังออกมา สายตามองหญิงสาวอย่างโกรธแค้น

พละกำลังของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์มันเกินกว่าที่โนซาวะ ชูอิจิเคยประเมินเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงเจ็บช้ำตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้แก่เธอ แต่แม้แบบนั้น โนซาวะ ชูอิจิก็ยังเป็นผู้ที่มีอัตตาสูงส่ง เขาเกิดในตระกูลชื่อดัง มีพรสวรรค์การฝึกฝนอันเลิศล้ำ ตลอดมาเป็นดาวเด่นในหมู่คนรุ่นเดียวกัน ไม่ว่าไปที่ใดล้วนได้รับความสนใจ ได้อิ่มเอมกับความสนใจและความนับถือที่ผู้อื่นมีมอบให้

ทว่าที่นี่วันนี้เขากลับต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ทั้งยังเป็นความพ่ายแพ้ต่อชาวจีนที่ตนเองเคยดูแคลน สำหรับเขาที่ตลอดมามีอัตตาสูงเทียมฟ้า มันเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้

ต้องไม่แพ้!

จะแพ้ไม่ได้!

โนซาวะ ชูอิจิไม่อาจยอมรับความเสื่อมเสียในครั้งนี้ ไม่ว่าจะด้วยอะไร เขาก็อยากเอาชนะหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม!

หลังเงียบไป ดวงตาของเขาก็เผยความคลุ้มคลั่ง แขนเริ่มสั่นเล็กน้อย พร้อมกับเผยมีดขนาดเล็กที่ปลายแขนเสื้อ ขยับมันมาซ่อนไว้ใต้ฝ่ามือ

อู๋ฝานที่คอยจับตามองการต่อสู้ระหว่างคนทั้งสองตลอด เป็นคนแรกที่เห็นวัตถุในมือขนาดเล็ก มันส่องประกายเย็นเยียบของคมมีดออกมา ตอนนี้เขาจึงอดตะโกนออกมาไม่ได้ “ระวัง!”

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่ตอนนี้เดินเข้ามาถึงตรงหน้าโนซาวะ ชูอิจิ เจตนาของเธอคือการคว้าเอาชัยชนะทำให้อีกฝ่ายพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ เพื่อให้อีกฝ่ายหมดสภาพที่จะสู้ต่อ แต่ขณะนี้เองที่เธอได้ยินเสียงเตือนของอู๋ฝาน ทว่าการเคลื่อนไหวของเธอนั้นกลับออกกระบวนท่าไปแล้ว

ทันใดนั้นเอง โนซาวะ ชูอิจิที่อดกลั้นต่อความเจ็บปวดทางร่างกาย กลับลุกพรวดขึ้นจากพื้น ฟาดฝ่ามือเข้าใส่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ กระบวนท่าครั้งนี้ไม่มีเจตนาใช้มือฟาดเพื่อเอาชัย แต่เป็นการอำพรางมีดลับที่ซ่อนอยู่ใต้ฝ่ามือ

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่เห็นมีดลับที่อยู่ใต้ฝ่ามือของโนซาวะ ชูอิจิ แต่เพราะอู๋ฝานเอ่ยเตือน เธอจึงเลือกที่จะหลบเลี่ยงโดยสัญชาตญาณ เพียงแต่ตอนนี้เองที่ได้พบว่าโนซาวะ ชูอิจิไร้ยางอาย ถึงขนาดใช้งานอาวุธลับ ที่แขนของเธอในเวลานี้ปรากฏรอยถากให้เห็นรอยหนึ่ง

มีดน้อยที่ราวกับอีกฝ่ายเตรียมการมาเป็นอย่างดี ตามปกติแล้วย่อมต้องคมกริบเพียงแค่ถากไปเล็กน้อย แขนเสื้อของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์จึงถูกกรีดขาด ขณะเดียวกัน บนแขนของเธอก็ยังปรากฏรอยแผลถากยาวให้เห็น แม้ว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์หลบได้ทันท่วงที รอยแผลจึงไม่ได้ลึก แต่มันก็มากพอให้มีเลือดไหลซิบออกมา

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เลิกคิ้วขึ้น ขณะที่โนซาวะ ชูอิจิใช้โอกาสนี้บุกเข้ามาออกกระบวนท่าอย่างรุนแรง

แต่ก่อนที่โนซาวะ ชูอิจิจะทำให้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง แขนของเขากลับรู้สึกเจ็บ เท้าข้างหนึ่งฟาดมาจากทางด้านข้างเตะใส่แขนของเขา เพราะความเจ็บปวดนั้น ทำให้เขาไม่อาจถือมีดลับต่อได้ สุดท้ายจึงปล่อยมันหลุดจากมือกระเด็นไป

ขณะเขากำลังงุนงง ความเจ็บปวดอีกกระแสหนึ่งก็ส่งมายังหน้าท้อง เขาถูกต่อยอย่างแรง แรงของหมัดนี้ มันรุนแรงกว่าฝ่ามือที่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์โจมตีก่อนหน้านี้หลายเท่า โนซาวะ ชูอิจิที่ได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว เมื่อรับการโจมตีนี้เข้าไป ดวงตาสองข้างจึงแทบถลนออกมา ความเจ็บปวดรุนแรงกำลังปั่นป่วนภายในช่องท้องของเขา ทั้งกายถึงกับต้องโค้งงอกระเด็นถอยกลับ

ขณะเขากระเด็น จึงได้รู้ว่าตรงหน้าตน ไม่ทราบว่ามีคนมาปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อใด อีกฝ่ายมาขวางตรงหน้าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ เมื่อเห็นจากสีหน้าโกรธเกรี้ยวของอีกฝ่าย และการโจมตีสองครั้งเมื่อครู่ ผู้ลงมือย่อมต้องเป็นอีกฝ่ายอย่างไม่ต้องสงสัย

และคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น เป็นอู๋ฝาน!

ที่ยิ่งทำโนซาวะ ชูอิจิตื่นตะลึงยิ่งกว่า คือการที่อู๋ฝานแม้ต่อยหมัดแล้วก็ยังไม่หยุด ภายในชั่วพริบตาอีกฝ่ายกระทืบเท้าลงกับพื้นอย่างรุนแรง ถึงขนาดทำให้พื้นยิมแห่งนี้สั่นเบา ๆ ไปครู่หนึ่ง อู๋ฝานกำลังบุกทะยานออกมา ตอนนี้ทุกคนในโรงยิมต่างส่งเสียงร้องอุทาน และเป้าหมายที่ชายหนุ่มพุ่งมาหาก็เป็นทางด้านนี้!

เมื่อรู้ว่าสถานการณ์เลวร้าย โนซาวะ ชูอิจิจึงส่งมือของตนไปขวางไว้ตรงหน้าอก และเพียงเสี้ยววินาทีถัดมา เท้าขวาของอู๋ฝานก็เตะเข้าใส่เขาจากกลางอากาศบราวนี่ออนไลน์

“แกร๊ก!”

โนซาวะ ชูอิจิที่ทราบว่าอู๋ฝานมีเจตนาเล่นงานตนเอง แต่ก็ยังปรามาสพละกำลังของชายหนุ่มต่ำจนเกินไป แขนของเขาหักเพราะลูกเตะอันรุนแรงของอีกฝ่าย ขณะที่เท้าขวาของอู๋ฝานยังคงเตะใส่เป้าหมายเดิมเช่นหน้าอก เพียงแค่อึดใจเดียว เขาก็ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่กระดูกหลายท่อนต้องหักเพราะการโจมตีก่อนหน้า

ความเจ็บปวดจากแขนที่กระดูกหัก ระบบประสาทที่แบกรับความเจ็บปวดเดิมอยู่ เมื่อเจออีกความเจ็บปวดอีกระลอกเข้ามา จึงไม่อาจทนความเจ็บปวดรุนแรงขนาดนั้นได้ไหว สุดท้ายก็หมดสติไปขณะร่างยังกระเด็นอยู่กลางอากาศ

“ตึง!”

โนซาวะ ชูอิจิร่างกระแทกพื้นอย่างรุนแรง ส่วนอู๋ฝานลงพื้นได้อย่างสวยงาม สายตาเดิมจ้องมาอย่างเย็นเยือก ทว่าไม่นานก็หันกลับและเดินไปทางหลิ่วเหยียนเอ๋อร์

ผู้ชมในที่แห่งนี้ต่างตัวแข็งค้าง พวกเขาได้ชมเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เรื่องทั้งหมดเมื่อครู่เกิดขึ้นเร็วจนเกินไป พวกเขายังไม่ทันได้ดึงสติกลับมาจากเหตุการณ์ที่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ถูกโนซาวะ ชูอิจิเล่นงานอย่างกะทันหัน ทว่าก็กลับได้เห็นว่าอู๋ฝานเข้ามาเผด็จศึกอีกฝ่ายแล้ว ทั้งยังเป็นในเวลาเพียงแค่สองถึงสามลมหายใจ ก็สามารถน็อกเอาต์โนซาวะ ชูอิจิที่เมื่อครู่กำลังจะเปิดฉากตอบโต้ จนสุดท้ายก็หมดสิ้นสติไปได้

มันเกิดอะไรขึ้น เหตุใดอาจารย์อู๋ลงมืออย่างกะทันหัน?

นอกจากนี้ อาจารย์อู๋ฝีมือยอดเยี่ยมขนาดนี้เลยหรือ?

แม้โนซาวะ ชูอิจิเพิ่งได้รับบาดเจ็บไป แต่เรี่ยวแรงและพละกำลังก็ยังถือว่าแข็งแกร่ง ขณะที่อาจารย์อู๋กลับสามารถล้มคู่ต่อสู้ได้ภายในสองกระบวนท่า เรียกได้ว่าชวนสะพรึงจนน่าตกใจ

อีกทั้งเมื่อครู่อาจารย์อู๋กระโดดสูงพุ่งตัวไปแบบนั้นได้ยังไง? มันเหมือนการบินทะยาน ลูกเตะขณะทะยานตัวนั้นก็เท่ไม่เบา ถึงขนาดทำโนซาวะ ชูอิจิหมดสิ้นสติก่อนร่างกระแทกพื้นด้วยซ้ำ อีกทั้งกระดูกแขนยังหัก มองอย่างไรก็แข็งแกร่งจนน่าทึ่ง!

ฝูงชนที่ชมเรื่องที่เกิดขึ้นในใจต่างก็มีความคิดที่แตกต่างกันไป บางคนสงสัยว่าเหตุใดอู๋ฝานจึงบุกออกมาลงมืออย่างกะทันหัน แต่หลายคนก็มองข้ามเพราะฝีมือที่ชายหนุ่มแสดงให้เห็นเมื่อครู่ ทั้งนักศึกษาหญิงบางส่วนยังมองอู๋ฝานด้วยสายตาเป็นประกายดาววิบวับด้วยซ้ำไป

“เป็นยังไงบ้างครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม ขณะเดินกลับมาหาหลิ่วเหยียนเอ๋อร์

“ไม่เป็นไรค่ะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบรับเสียงเย็น สีหน้าของเธอในเวลานี้ดูซีดกว่าปกติเล็กน้อย

“เลือดไหลให้เห็นแบบนี้ ยังบอกว่าไม่เป็นไรอีก” อู๋ฝานตอบกลับ พลางนำเอายาสมานแผลที่ได้รับจากอาจารย์ปรุงยาหลี่ออกมาจากกระเป๋าของตนเอง

หลังจากนั้น อู๋ฝานก็คว้าแขนของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์มา พร้อมกับทายาให้กับเธอ

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์คิดชักแขนกลับเล็กน้อย แต่ไม่อาจทำสำเร็จ ดังนั้นจึงปล่อยให้อู๋ฝานคว้าไว้เช่นนั้น เพียงแต่สีหน้าที่เดิมดูซีดไปบ้างเมื่อครู่ ขณะนี้กลับแดงฝาดเลือดขึ้นมาให้ได้เห็น