บทที่ 277 ทักท้วง

บทที่ 277 ทักท้วง

“นายเป็นใคร? ทำไมถึงเสนอหน้ามาทำร้ายคนอื่น?” ขณะที่อู๋ฝานทายาให้กับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ เหอเหลียงก็พยายามดิ้นรนลุกขึ้นมา พร้อมกับเดินมาทางชายหนุ่มและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เพื่อตั้งคำถาม

ที่นี่มีหลายคนที่รู้จักอู๋ฝาน แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่รู้จักเช่นกัน เหอเหลียงคือหนึ่งในนั้น เขาไม่ทราบว่าอีกฝ่ายคือใครและปรากฏตัวมาจากที่ใด ถึงกับเข้ารบกวนการตอบโต้ของโนซาวะ ชูอิจิ อีกทั้งยังจับมือถือแขนหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ต่อหน้าผู้คนมากมาย ไม่ว่ามองที่ประเด็นใด เหอเหลียงก็อดไม่ได้ที่จะมีโทสะขึ้นมา

อู๋ฝานเมินเฉยเหอเหลียง ใส่ใจเพียงการใส่ยาให้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ ส่วนทางด้านหญิงสาว ก่อนหน้านี้เธอไม่คิดมองเหอเหลียงด้วยซ้ำ เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นตอนนี้ มีหรือเธอจะมีแก่ใจไปสนใจอีกฝ่าย?

“หยุดทำเป็นหูทวนลม ฉันพูดกับแก ไม่ได้ยินหรือยังไง!” เห็นทั้งอู๋ฝานและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เมินเฉยตนเอง เหอเหลียงก็ยิ่งโกรธเกรี้ยว

“เขาเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเรา นายมีปัญหาอะไรหรือไง?” ถังอวี่เฟยเดินออกมา สายตามองอู๋ฝานและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ แต่คำพูดนั้นบอกกับเหอเหลียงอย่างไม่ไว้หน้า

เหอเหลียงไม่รู้จักอู๋ฝาน แต่รู้จักถังอวี่เฟย และในความจริง ก็มีน้อยคนในมหาวิทยาลัยที่จะไม่รู้จักทั้งถังอวี่เฟยและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์

เมื่อได้ยินถังอวี่เฟยบอกว่าอู๋ฝานคืออาจารย์ของมหาวิทยาลัย เหอเหลียงจึงไม่สงสัยในคำตอบของถังอวี่เฟย อย่างไรแล้วที่นี่ก็มีคนอยู่มาก เป็นไปไม่ได้ที่ถังอวี่เฟยจะกล้าโกหกต่อหน้าผู้คนมากมาย

เพียงแต่เหอเหลียงไม่คิดปล่อยผ่านเรื่องนี้ อย่างไรการปรากฏตัวของอู๋ฝานก็เป็นการทำลายเป้าหมายของเขา หากอีกฝ่ายไม่ปรากฏตัวออกมา บางทีโนซาวะ ชูอิจิอาจจะพลิกกระดานเอาชนะได้ไปแล้ว

“เป็นอาจารย์แล้วยังไง? มีสิทธิ์อะไรมาทำลายกฎการแข่งขัน ทำร้ายคนอื่นตามใจชอบแบบนี้? การต่อสู้เมื่อกี้นี้เป็นศึกของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์กับโนซาวะ ชูอิจิ เขามีสิทธิ์อะไรมาแทรกแซงเรื่องราว? แล้วเขายังลงมือหนักทำร้ายโนซาวะ ชูอิจิจนสู้ต่อไม่ได้ นี่คือการกระทำต่อมิตรสหายจากต่างแดน? สำหรับคนที่ไม่รู้อะไร จะคิดว่ามหาวิทยาลัยเจียงโจวของพวกเราเป็นพวกป่าเถื่อน มองว่าอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเจียงโจวไม่ต่างอะไรกับคนเถื่อนแม้แต่น้อย” เหอเหลียงตะโกนเสียงดัง

“งั้นจะบอกให้รู้เอาไว้ก็แล้วกัน!” ขณะนี้เอง อู๋ฝานที่ทายาให้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เรียบร้อย จึงปล่อยแขนของเธอให้เป็นอิสระ การกระทำนี้ราวกับทำให้หญิงสาวรู้สึกใจโหวงไป สีหน้าบ่งบอกว่าไม่ยินดีให้ปล่อยแขน ฉากนี้ย่อมไม่อาจหลุดรอดไปจากสายตาของถังอวี่เฟย พอเห็นสีหน้ายิ้มบางของอีกฝ่าย หลิ่วเหยียนเอ๋อร์จึงนึกอับอายขึ้นมา ทว่าสุดท้ายก็เบือนหน้าหลบไป

อู๋ฝานไม่ทราบว่าหญิงสาวทั้งสองสบตาสนทนาอะไรกัน ตอนนี้เขากำลังเดินออกไปหยิบมีดที่หล่นอยู่กับพื้นขึ้นมา จากนั้นชูมันขึ้นบอกกับเหอเหลียง “ถ้าโนซาวะ ชูอิจิทำการแข่งขันอย่างยุติธรรมกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ ผมก็จะไม่เข้าแทรกแซงอะไร แต่เขาหน้าไม่อาย ใช้งานอาวุธลับ ผมที่เห็นเลยไม่อาจนั่งเฉยต่อการกระทำอันโฉดชั่วนี้ได้ ในฐานะอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเจียงโจว ผมจะนิ่งเฉยทนดูนักศึกษาของสถาบันเผชิญอันตรายไม่ได้”

เหอเหลียงมองมีดที่อยู่ในมือของอู๋ฝาน สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป แต่สุดท้ายก็ยังทักท้วงออกมา “บอกว่ามีดนั่นเป็นของเขางั้นเหรอ? มีอะไรมาพิสูจน์ได้?”

เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้นรวดเร็วจนเกินไป ทุกคนไม่ได้มีสายตาเฉียบคมเหมือนดังอู๋ฝาน ดังนั้นจึงไม่มีใครได้เห็นว่ามีมีดลับกระเด็นออกจากมือของโนซาวะ ชูอิจิ

“ตาบอดหรือไง?” อู๋ฝานมองเหยียดหยามตอบเหอเหลียง “ไม่เห็นหรือไงว่าแขนของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์มีรอยถากก็เพราะเขา เสื้อของเธอก็ถูกเฉือนจนขาดไม่ใช่เหรอ? คงไม่คิดว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เอามีดมากรีดตัวเองหรอกมั้ง?”

เมื่อครู่เหอเหลียงไม่ได้สนใจสภาพของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์แม้แต่น้อย เพราะเขามัวแต่โมโหกับการกระทำของอู๋ฝาน ตอนนี้เองที่ได้รู้ว่าแขนของหญิงสาวได้รับบาดเจ็บจริง แม้ว่าบาดแผลนั้นเลือดจะหยุดไหลไปแล้ว ทว่ารอยเลือดที่แขนเสื้อก็ยังคงมีอยู่

ส่วนทางด้านผู้คนที่รับชม หลังได้ยินคำพูดของอู๋ฝาน พวกเขาจึงได้รู้ว่าเพราะอะไรชายหนุ่มถึงเข้าแทรกแซงอย่างกะทันหัน ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นการลงมืออย่างดุดัน

“อาจารย์อู๋เท่มาก!”

“จริงด้วย สู้ได้แจ่ม! ไอ้เวรนั่นจากประเทศอื่น กล้าดียังไงมาทำร้ายคนของมหาวิทยาลัยเจียงโจว มันสมควรต้องถูกสั่งสอนบทเรียน!”

“คนของประเทศอาทิตย์อุทัยช่างโฉดชั่วดีจริง ๆ เพราะเอาชนะหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ได้ ถึงขั้นต้องใช้วิธีการต่ำช้าแบบนี้ ไม่ถูกฆ่าตายที่นี่ก็ดีแค่ไหนแล้ว!”

ฝูงชนที่รับชมต่างพร้อมให้การสนับสนุนแก่อู๋ฝานกันทั้งสิ้น พวกเขายังนึกสงสัยว่าเพราะอะไรหลิ่วเหยียนเอ๋อร์จึงถูกบีบบังคับให้ต้องถอยกลับอย่างกะทันหัน ที่แท้ก็เพราะเธอบาดเจ็บจากอาวุธลับของโนซาวะ ชูอิจิ ผู้ที่กล่าวว่าจะสอนให้ทราบว่าคาราเต้มีดีอย่างไร ขณะที่ทางด้านหญิงสาวใช้มือเปล่า อีกฝ่ายกลับลักลอบใช้งานอาวุธลับ จะถูกสั่งสอนบทเรียนอย่างหนักก็ถือว่าสมควรแล้ว

เสียงแข็งกร้าวของกลุ่มผู้ชม ยิ่งทำเหอเหลียงนึกอับอาย แต่เขายังเป็นคนที่แม้จนถึงที่สุดก็ไม่ยอมกล้ำกลืน “ก็ควรแค่ไล่เขาให้ถอยกลับไป ไม่ใช่ลงมืออย่างป่าเถื่อนดุร้าย เขามาที่มหาวิทยาลัยของเราก็เพื่อชี้แนะการฝึกฝน เป็นสหายจากต่างแดน การกระทำครั้งนี้มันมากเกินไป เรียกว่าเป็นการทำลายทั้งภาพลักษณ์มหาวิทยาลัยและประเทศ!”

“คนแบบนั้นที่ไม่รู้จักยอมรับความพ่ายแพ้ ถึงขนาดต้องเอาอาวุธลับออกมาใช้ ต้องเป็นคนแบบไหนถึงจะเรียกคนแบบนั้นว่ามิตรสหาย” อู๋ฝานตอบกลับ “แน่นอนว่า คุณที่ยอมรับเขาเป็นเพื่อน ก็คงเป็นคนแบบเดียวกัน เป็นมิตรสหายต่อกัน ก็ถือว่าเหมาะสมกันดี!”

“เหอเหลียง นายยังเป็นคนของประเทศนี้ ยังเป็นคนของมหาวิทยาลัยเจียงโจวอยู่หรือเปล่า?”

“รุ่นพี่เหอเหลียง ดูคุณผิดไปจริง ๆ ไม่นึกเลยว่าจะเป็นคนแบบนี้!”

“เหอเหลียง แกมันไอ้คนกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยถูกคนนอกทำร้ายบาดเจ็บ แกยังจะเข้าข้างพูดแทนคนนอก ไม่คู่ควรได้เป็นเพื่อนร่วมรุ่นของพวกเรา!”

ฝูงชนที่รับชมเรื่องราวต่างโกรธเกรี้ยวกับท่าทีของเหอเหลียง เห็นได้ชัดว่าโนซาวะ ชูอิจิเป็นคนแหกกฎก่อน ถึงขั้นทำร้ายคนอื่นด้วยอาวุธลับ ในฐานะอาจารย์ อู๋ฝานไม่อาจนิ่งเฉยดูดาย ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือเหอเหลียงกลับกำลังพูดแทนคนนอกเพื่อหาทางเอาผิดอีกฝ่าย เรื่องนี้ในสายตาของนักศึกษาร่วมสถาบัน ถือเป็นการกระทำที่เกินเลยไปมาก

ทางด้านบรรดานักศึกษาหญิงที่เคยฝันหวานถึงเหอเหลียงกันมาก่อน ตอนนี้ต่างนึกเสียดายที่เคยให้ใจ พวกเธอเคยคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนดี เป็นพวกเธอที่ดวงตามืดบอดกันไปเอง!

เสียงประณามจากเพื่อนร่วมสถาบัน ทำให้เหอเหลียงยิ่งอับอายขายหน้า เขาไม่อาจทนอยู่ที่นี่ต่อ ยิ่งไปกว่านั้น โนซาวะ ชูอิจิยังต้องถูกนำตัวส่งไปรับการรักษา แต่ก่อนที่เขาจะไป เขายังคงหันไปตะโกนกับอู๋ฝานอย่างไม่พอใจ “แกรู้หรือเปล่าว่าโนซาวะ ชูอิจิเป็นใคร? ทำร้ายเขาบาดเจ็บขนาดนี้ เขาไม่มีทางปล่อยแกไปแน่!”

“อยากทำอะไรก็มาได้ทุกเมื่อ ถ้ากลัว เมื่อกี้นี้ผมก็คงไม่ลงมือไปแบบนั้น” อู๋ฝานตอบรับอย่างไร้ซึ่งความกลัวเกรง “บอกเขาไปด้วยก็ได้ว่าคนที่ทำร้ายเขาชื่ออู๋ฝาน! และพร้อมจะรับการล้างแค้นของเขาทุกเมื่อ!”

เห็นอู๋ฝานไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย เหอเหลียงจึงไร้คำที่จะพูด สภาพของเขาตอนนี้ไม่มีทางใช่คู่ต่อสู้ของอู๋ฝาน นับเป็นโชคดีที่อีกฝ่ายทำร้ายโนซาวะ ชูอิจิจนหมดสติ ทั้งเขาและคนที่อยู่เบื้องหลังย่อมต้องหาทางล้างแค้นชายหนุ่มให้จงได้ จุดจบของชายคนนั้นจะต้องชวนสังเวช! ถึงเวลานั้น เขาก็อยากเห็นว่าอู๋ฝานจะยังมีความกล้ามาดมั่นเหมือนอย่างตอนนี้หรือไม่!

เหอเหลียงและคนของชมรมคาราเต้นำตัวโนซาวะ ชูอิจิที่บาดเจ็บหนักกลับไป มันเป็นการเดินทางออกจากโรงยิมการต่อสู้ท่ามกลางเสียงโห่ร้องขับไล่ของทุกผู้คนในที่แห่งนี้