ตอนที่ 67 คำขอของราส
「ข้อร้องเถอะ! ได้โปรด…ให้ฉันยืมพลังของนายที โซระ!」
มันเป็นจังหวะที่ผมมาถึงหน้าบ้านของตัวเองในเมืองอิชกะ
ี่ราสเข้ามาพูดกับผมด้วยเสียงที่ดังลั่น ทันทีที่เขาเห็นผม ก่อนจะก้มหัวของตัวเองลงโดยไม่สนใจคนรอบข้าง
และก็เพราะมันเป็นการก้มหัวในขณะที่นั่งตัวติดกำแพงอยู่ ภาพที่ผมเห็นจึงเหมือนโดเกสะ
บอกตามตรงว่าผมสับสนกับภาพที่เห็นนี้จริงๆ
อันที่จริงตอนแรกผมก็ไม่คิดอยากจะมาฟังคำขออะไรเขาหรอกนะ แต่พอเห็นสภาพของราสที่อ่อนแรงได้ขนาดนี้ มันทำให้ผมสงสัยแล้วสิว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา
เอาง่ายๆ ก็คือความอยากรู้อยากเห็นส่วนตัว นอกจากนี้ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่คนเดียวกัน
อิเรียไม่ได้อยู่ที่นี่ก็เพราะเธอน่าจะยังไม่กลับจากหมู่บ้านเมลเท แต่ทำไมมิโรสลาฟถึงไม่อยู่กับเขาด้วยกันล่ะ?
เพื่อหาคำตอบนั้น ผมจึงเชิญราสเข้ามาภายในบ้าน
บ้านของผมตอนนี้ค่อนข้างจะฝุ่นจับเนื่องจากพวกผมไม่ได้อยู่กันนานแล้ว แต่ราสก็ไม่ได้สนใจแถมยังพยายามพูดเรื่องเดิมขณะแสดงอาการกระวนกระวาย
ผมก็มานั่งฟังเรื่องที่เขาพูด โดยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็จะมีประมาณนี้
ราส มิโรสลาฟ กับ นักผจญภัยที่เข้ามาร่วมปาร์ตี้ชั่วคราวอีก 3 คน รวมเป็น 5 ได้เดินทางไปยังเขาสกิมหลังจากที่ผมเดินทางไปหมู่บ้านเมลเท
ตอนที่ผมเจอกับคุณซาร่าที่หมู่บ้าน ราสกับพวกที่เหลือก็กำลังปีนเขากัน
โดยเป้าหมายของเขาก็คือการกำจัดกริฟฟอน ส่วนผู้ว่าจ้างของพวกเขาก็คือเอิร์ลคนหนึ่ง
เอาเถอะ เรื่องนี้ถึงเขาไม่บอกผม ผมก็รู้มาจากการรายงานของมิโรสลาฟก่อนหน้านี้แล้ว
แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ เกิดอะไรขึ้นกันกับปาร์ตี้ขอเขาตอนขึ้นไปถึงยอดเขาสกิม
――พอฟังไปได้สักพักก็ได้บทสรุปว่า ราสต้องถอยกลับก่อนจะขึ้นไปถึงยอดเขาที่เป็นเขตของกริฟฟอนด้วยซ้ำ
เนื่องจากราสได้รับบาดเจ็บ
ตอนที่เขากำลังเข้าเวรยามกลางคืนกับมิโรสลาฟ ดูเหมือนว่าเขาจะถูกอะไรบางอย่างซุ่มโจมตีแล้วหมดสติไป
พอเขาตื่นขึ้นมา ก็พบว่าตัวเองไม่ได้ดีอาการบาดเจ็บภายนอกอะไร แต่พลังกายของเขานั้นกลับหายไปจนไม่สามารถต่อสู้ได้อีก
เขาสกิมก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นรังของพวกมอนสเตอร์เช่นเดียวกับป่าทีทิส บางทีเขาน่าจะโดน [ดูดพลัง] จากอันเดธแถวนั้นก็ได้มั้ง――แต่ก็นะ ใช่ว่าจะมีแต่อันเดธเสียหน่อยที่ดูดพลังกายของมนุษย์ได้ แม้แต่มอนสเตอร์บางชนิดหรือมนุษย์ด้วยกันเองก็ทำได้เช่นเดียวกัน
เอาเป็นว่าพอรู้สึกตัวราสก็หมดสภาพไปแล้ว
ไม่เพียงแค่เขาจะไม่เหลือแรงไว้ต่อสู้กับกริฟฟอน แต่เขายังถูกพากลับมายังเมืองอิชกะด้วยรถม้า
ซึ่งนั่นก็เกิดขึ้นตอนที่เขาหมดสติไป สมาชิกที่เหลือได้พาเขาลงเขามาและกลับมาที่เมืองอิชกะ――ส่วนสมาชิกที่เหลือก็คือทุกคนยกเว้นมิโรสลาฟที่ยังลุยต่อคนเดียวบนเขา
ผมขมวดคิ้วออกมาโดยไม่ตั้งใจ
ราสมองมาที่ผมและคิดว่าผมคงหาเรื่องมาล้อเลียนเขา เขาจึงได้พยายามพูดต่อ
「ฉันก็บอกพวกนั้นให้พาฉันกลับไปแล้วนะ! แต่ว่า…」
นั่นทำให้ราสหัวเสียเป็นอย่างมากที่คำพูดของตนถูกปฏิเสธ
สมาชิก 3 คนที่เข้ามาใหม่นั้นไม่ได้ฟังคำสั่งของราสที่เป็นหัวหน้าปาร์ตี้
จากที่ผมฟังมา แทนที่จะบอกว่าสมาชิกปาร์ตี้คนใหม่ของ ดาบฮายาบูสะ น่าจะต้องบอกว่าเป็นคนที่จ้างมาเพื่อภารกิจกำจัดกริฟฟอนเฉยๆ
และหัวหน้าของพวกเขาก็ไม่ใช่ราส แต่เป็นมิโรสลาฟผู้ว่าจ้างพวกเขา ก็หมายความว่า เป็นคำสั่งของเธอเอง ที่บอกให้ปกป้องราสแล้วพาเขากลับไปอิชกะ
นอกจากนี้พอราสได้สติระหว่างทางกลับเมืองพวกนั้นก็ให้จดหมายฉบับหนึ่งกับเขา
「นี่แหละ….จดหมายที่ว่า……」
ว่าแล้วราสก็หยิบจดหมายออกมาจากกระเป๋า
มันเป็นจดหมายที่เขียนด้วยลายมือของมิโรสลาฟ เธอบอกกับเขาว่าขอโทษสำหรับการกระทำที่เห็นแก่ตัว แต่เธอไม่อยากจะให้เขาตกอยู่ในอันตรายอีกหลังจากที่เขาหมดสภาพไป และเธอจะเป็นคนหาทางจัดการกับกริฟฟอนเอง ขอให้เขารอเธออยู่ที่เมืองอิชกะ
แต่คนอย่างราสก็คงจะอยู่เฉยๆ หลังอ่านจดหมายนี้ไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงพยายามกลับไปที่เขา แต่สมาชิกปาร์ตี้คนอื่นก็หยุดเขาไว้
สมาชิก 3 คนที่เหลือได้รับคำสั่งจากมิโรสลาฟให้พาตัวราสกลับอิชกะและขัดขวางเขาหากระหว่างทางเขาพยายามจะกลับมาที่เขาสกิม
การต่อสู้แบบ 1 ต่อ 3 แถมราสยังอ่อนแรงอยู่ ด้วยเงื่อนไขที่ว่ามาราสย่อมไม่มีทางเอาชนะได้ จนถูกลากกลับมาที่เมืองอิชกะ
และหลังจากเขามาถึงอิชกะ สมาชิกพวกนั้นก็หายตัวไปในทันที นี่อาจจะเป็นข้อตกลงระหว่างพวกเขากับมิโรสลาฟก็ได้ โดยเงื่อนไขนั้นก็แค่ถึงตอนที่พาราสกลับมาอิชกะอย่างปลอดภัย ดังนั้นหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับราสพวกเขาก็คงไม่สนใจแล้ว
ก็จริงอยู่ว่าราสคงอยากจะกลับไปที่เขาสกิมในทันที
แต่ทว่าร่างกายของเขาตอนนี้ยังไม่พร้อม ความสามารถของเขาตอนนี้กระทั่งมอนสเตอร์นอกเมืองอิชกะก็ยังยากจะที่รับมือได้ คงไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่ตนจะไปถึงเขาสกิมได้
ก่อนหน้านี้เขาก็พยายามจะรวบรวมผู้คนให้ไปกับเขา แต่เพราะเป็นภารกิจจากดาบฮายาบูสะที่พักหลังมานี้ชื่อเสียงไม่ค่อยดีนัก แถมภารกิจดังกล่าวก็จำเป็นต้องไปถึงยอดเขาสกิม ก็คงไม่มีนักผจญภัยคนไหนอยากจะเอาด้วยหรอก
เขาจึงได้ไปขอร้องกับกิลด์ให้ช่วย แต่การดำเนินการของกิลด์ก็ช้าไม่ทันใจ
ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะกิลด์มองว่าตัวมิโรสลาฟตัดสินใจจะอยู่ที่นั่นเอง แม้ว่าเธอจะสามารถหนีออกมาพร้อมกับเขาได้ก็ตาม
นักผจญภัยทุกคนต่างก็เข้าใจดีอยู่แล้วว่า หากไม่ได้ถูกล้อมโจมตีโดยมอนสเตอร์จนหนีไม่ได้ และเลือกจะอยู่ที่นั่นเอง ก็หมายความว่าคนคนนั้นต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเอง
ถึงพนักงานต้อนรับกิลด์อย่างพาร์เฟตกับลิดเดล ที่รู้จักกับราสในระดับหนึ่งจะพยายามช่วย แต่ความคืบหน้าก็ไม่ได้มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ระยะเวลาที่ราสจำเป็นต้องใช้ในการเดินทางจากอิชกะไปเขาสกิมคือ 4 วัน หากคำนวณเวลาสมาชิกของพวกเขาลงเขา แล้วกลับมาเมืองอิชกะ ระยะเวลาที่ราสกับมิโรสลาฟแยกกันก็ราวๆ เกือบ 10 วันแล้ว
พอรู้ว่าเธอต้องอยู่ที่แห่งนั้นคนเดียว แค่คิดราสก็แทบคลั่งแล้ว
ในตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินถึงข่าวที่ผมจะกลับมาถึงเมืองอิชกะ
ก็เพราะผมซ่อนคราว โซราสเอาไว้ไม่ได้นี่นะ คนก็คงจะสนใจเรื่องที่ผมจะกลับมาเมืองกันอยู่แล้ว ถึงจะไม่ต้องการเลยก็ตาม
ทางราสที่รู้ข่าว ก็เห็นฟางเส้นสุดท้ายและเลือกมารอผมที่หน้าบ้าน แม้จะละอายใจก็ตาม
◆◆◆
คำขอของราสก็เหมือนกับที่ผมคิดไว้นั่นคือการพาเขาไปที่เขาสกิมด้วยไวเวิร์นของผม
เป้าหมายคือการช่วยเหลือมิโรสลาฟ
ตอนแรกก็คิดหรอกนะว่าเขากะจะให้ผมจัดการกริฟฟอนด้วยหรือเปล่า แต่เหมือนดูจะไม่ใช่แฮะ
เพราะตอนผมลองถามทดสอบเขาดูนิดหน่อย ราสก็ปฏิเสธด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อย
เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นก็เพราะการตัดสินใจของเขาเองที่อยากจะล้างชื่อเสียของตน――ราสพูดออกมาขณะกัดริมฝีปากด้วยความเสียใจ
พอผมเห็นเขาเป็นแบบนั้น ผมก็หรี่ตาลงเล็กน้อย
เขาคงคิดว่าที่มิโรสลาฟเลือกอยู่บนเขาต่อ เพราะเธออยากจะเป็นประโยชน์ให้กับเขา
ก็คงไม่แปลกหรอกมั้งหากใครจะคิดแบบนั้น เพราะในมุมคนทั่วไปคนก็มักจะเห็นมิโรสลาฟตัวติดกับราสอยู่เสมอ
――ส่วนความจริงจะเป็นแบบไหนกันนะ
ผมก็คงจะไม่ไปบอกเขาหรอกนะว่า หัวใจของมิโรสลาฟไม่ได้อยู่ที่เขาแล้ว แต่มันมาอยู่กับผมแทนน่ะ
แถมผมก็ไม่รู้ด้วยว่าในหัวมิโรสลาฟคิดอะไรอยู่กันแน่ ทุกการกระทำของเธอที่ทำมาจนถึงตอนนี้มันก็ค่อนข้างทำให้ผมทำอะไรสะดวกจริง แต่มันก็มีความเป็นไปได้เหมือนกันที่เธอจะวางแผนล่อซื้อผม แล้วค่อยหาทางจัดการผมทีหลัง
เอาเป็นว่าถึงผมจะพยายามคิดยังไง การกระทำในครั้งนี้มันก็ดูไม่ปกติเอาเสียเลย
เธอจะไปจัดการกับกริฟฟอนคนเดียวได้ยังไง และถึงเธอจะทำได้จริงเธอจะเอาศพของมันลงเขามาพร้อมกับเธอได้เหรอ
เพราะเป้าหมายภารกิจของพวกเธอก็คือการนำศพกริฟฟอนกลับมาด้วยเพื่อทำเป็นร่างสตาฟ หากระหว่างทางทำใบหน้าหรือร่างของมันเสียหายก็จะส่งผลกระทบต่อความสำเร็จของภารกิจด้วย สุดท้ายแม้เธอจะพยายามกำจัดมันได้ทุกอย่างก็อาจจะสูญเปล่า
แล้วเรื่องอาหารกับน้ำล่ะเธอจะจัดการยังไงนะ?
นอกจากนี้ชื่อเสียของราสก็ใช่ว่าจะถูกสะสางได้สักหน่อยเพราะนั่นคือการกระทำของเธอแต่เพียงผู้เดียว
ก็จริงว่าชื่อเสียงของดาบฮายาบูสะคงดีขึ้น แต่ชื่อเสียงส่วนตัวของราสคงได้ลดลงกว่าเดิมอีกแน่ เนื่องจากเขาทิ้งมิโรสลาฟไว้บนเขาและกลับมาอิชกะคนเดียว
หากนึกถึงเป้าหมายของเธอที่อยากจะ”ช่วยราส”แล้วการกระทำแบบนี้ผมนึกไม่ออกเลยว่ามันจะช่วยเขาได้ทางไหน
――แต่ถ้าหากเป้าหมายของเธอคือการทำลายชื่อเสียงราสละก็ ผมบอกเลยว่าการกระทำนี้แหละโคตรจะสมเหตุสมผล
หากเป็นแบบที่ผมคิด ก็ถือว่าเป้าหมายของเธอสำเร็จแล้วล่ะนะ
เพราะงั้นคงไม่มีปัญหาอะไรหรอกหากผมจะปฏิเสธคำขอของราสและไล่เขาไป ยังไงผมก็ไม่มีหน้าที่ต้องมาสนใจเรื่องของเขาอยู่แล้วนี่ นอกจากนี้ผมยังสามารถเย้ยเขาเรื่องนี้แล้วหัวเราะด้วยความสะใจได้อีกต่างหาก
…แต่แล้วมันก็มีเสียงบางอย่างผุดขึ้นมาในหัวของผม
『น-นี่ นายอยากจะมาเข้าปาร์ตี้กับพวกเราไหม? 』
มันคือเสียงของราสในตอนที่พวกเราเจอกันครั้งแรก
ทันทีที่ผมนึกถึงความทรงจำพวกนั้น เสียงที่เตรียมจะเยาะเย้ยเขาในลำคอของผมก็หยุดไปซะอย่างงั้น
สุดท้ายผมก็เป็นหนี้บุญคุณเขา ที่เขาชวนผมเข้าปาร์ตี้ดาบฮายาบูสะ
มันก็เป็นหนี้ที่แสนธรรมดาจนผมไม่จำเป็นต้องใส่ใจด้วยซ้ำ นึกไปก็จะมีแต่ผลเสียไหนจะเรื่องตอนราชาแมลงวันอีก แต่ไม่ว่าจะทำยังไงมันก็ออกไปจากหัวผมไม่ได้สักที ทั้งที่มันก็เหมือนกับหนี้ที่เขาไม่คิดจะได้รับอะไรคืนเป็นการตอบแทนแท้ๆ
หรือว่าตอนนี้จะถือว่าเป็นโอกาสในการใช้หนี้ไปในตัวเลยดีนะ
แต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่าผมไม่คิดจะพาราสไปที่เขาสกิมด้วยหรอก
อย่างแรกเลยคือเขาไม่สามารถจะขี่ไวเวิร์นในสภาพนี้ได้แน่ๆ เพราะการจะขี่คราว โซราสได้อย่างน้อยก็ต้องพึ่งแรงกายระดับหนึ่ง
เพราะงั้นผมจะเดินทางไปที่นั่นคนเดียว ราสอาจจะไม่ชอบใจ แต่เป้าหมายของเขายังไงก็คือการช่วยเหลือมิโรสลาฟไม่ใช่การกำจัดกริฟฟอน เขาก็คงบ่นอะไรไม่ได้หรอกมั้งถ้าผมพาเธอกลับมาอย่างปลอดภัย
แต่ถึงหมอนี่จะบ่น ผมก็ไม่มีหน้าที่ต้องสนใจสักหน่อย
แถมผมจะได้ไปดูด้วยว่ามิโรสลาฟกำลังทำอะไรอยู่ นอกจากนี้ผมก็จะได้ชี้แจงถึงความสัมพันธ์ต่อจากนี้ของพวกเราทั้งสองด้วย
พอผมคิดเสร็จ ผมก็เริ่มเปิดปากพูดออกมา
———
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code