บทที่ 226 ตระกูลเซียวทั้งสามสิบสองคน

เว่ยฉิงรออยู่ด้านนอกอย่างกระวนกระวายอยู่ไม่สุข ไม่นานนักถังหลี่ก็เดินออกมา เขาสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของภรรยา ความกังวลระหว่างคิ้วหายไป ใบหน้าของนางอิ่มเอิบราวกับพระจันทร์ที่ส่องแสง

เมื่อเห็นภรรยาของตนมีความสุข เว่ยฉิงก็พลอยมีความสุขไปด้วยเช่นกัน ดูเหมือนการมาวัดในครั้งนี้จะไม่เสียเปล่า ทั้งสองคนเดินออกมาจากสวนด้านหลังของวัด พาเด็กทั้งสี่กลับไปบ้าน เมื่อถึงบ้านทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้องนอนก่อนที่ถังหลี่จะนำจี้หยกสลักมอบให้แก่เว่ยฉิง

“สามี จี้หยกชิ้นนี้ได้รับได้การอำนวยพรมาแล้ว เจ้าพกติดตัวไว้ให้ดีล่ะ”

เว่ยฉิงนำจี้หยกมาแขวนไว้ที่คอใกล้บริเวณตำแหน่งหัวใจของเขา

“สามี หากเจ้าพบกับกู้อิ๋น ไม่ว่าอย่างไรเจ้าต้องหลีกให้ห่างจากนางนะ”

ถังหลี่เล่าเรื่องราวที่นางคุยกับพระภิกษุรูปนั้น ทั้งสองคนคาดเดาว่าคนที่ไต้ซื่อหมายถึงน่าจะเป็นกู้อิ๋นไม่ผิดแน่ ตอนนี้นางมีรัศมีของนางเอกทำให้ถังหลี่ไม่อาจเผชิญหน้ากับนางได้ นางมีสามีมีลูกและครอบครัวที่นางรัก สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือความปลอดภัยของครอบครัว หลังจากนั้นค่อยคิดหาวิธีแก้แค้นนาง

“เจ้าต้องจำไว้ให้ดีละ” ถังหลี่กำชับอีกครั้ง

“ฮูหยิน ทุกคำที่เจ้าพูดมันจะสลักอยู่ในใจข้า” เว่ยฉิงจับมือภรรยาไว้

พวกเขากุมมือ มองสบตากัน หลังจากนั้นไม่นานเว่ยฉิงจึงเดินออกไปข้างนอก เรียกต้าเป่าไปกับเขาด้วย ทั้งสองคนเดินไปใต้ต้นไม้ใหญ่

ต้าเป่ารู้ว่าบิดาของเขามีบางอย่างที่จะพูด ดังนั้นเขาจึงยืนฟังคำกล่าวของบิดาอย่างตั้งใจ

“ลูกข้าโตแล้ว” เว่ยฉิงตบบ่าต้าเป่าเบา ๆ

ก่อนหน้านี้เด็กชายสูงแค่เอวของเขาเท่านั้น แต่ไม่กี่ปีผ่านมา ตอนนี้ต้าเป่าสูงเกือบเท่าเว่ยฉิงแล้ว

“ตอนนี้เจ้าเติบใหญ่ขึ้นมากแล้ว หากพ่อไม่อยู่ เจ้าคือเสาหลักของครอบครัว เจ้าต้องดูแลท่านแม่กับน้อง ๆ ของเจ้าให้ดี”

เว่ยฉิงสั่งลูกชาย

ต้าเป่าพยักหน้าอย่างจริงจัง เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจ

“ท่านพ่อ…ท่านจะไปไหนหรือ?”

“พ่อต้องออกไปทำงานข้างนอก

“ไปนานหรือไม่?”

“สามหรือห้าปี…เสร็จแล้วพ่อจะรีบกลับมา”

นานมาก!

พอได้ยินเช่นนั้นเด็กหนุ่มรู้สึกเศร้าใจขึ้นมาทันที

“ท่านพ่อจะกลับมาหาพวกเราบ้างหรือไม่?” ต้าเป่าพูดขึ้นมาอย่างมีความหวัง

“มาสิ” ทันทีที่เว่ยฉิงตอบต้าเป่าถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ท่านพ่อไม่ต้องห่วง ข้าจะดูแลท่านแม่กับน้อง ๆ เป็นอย่างดี”

ต้าเป่าให้คำสัญญาก่อนจะตบหน้าอกรับรอง

“ดี ! พ่อเชื่อมั่นในตัวเจ้า”

เว่ยฉิงกำหมัดค้างรอไว้ ก่อนที่ต้าเป่าจะยกหมัดของตัวเองขึ้นมาชนกับหมัดของบิดาเสมือนคำมั่นสัญญาที่พวกเขามีให้แก่กัน

ไม่กี่วันถัดมาถังหลี่ซื้อเสื้อผ้าจำนวนมากให้เว่ยฉิง มีทั้งเสื้อผ้าสำหรับฤดูร้อน ใบไม้ผลิ ใบไม้ร่วง รวมไปถึงรองเท้า ก่อนจะนำมีดพกและหน้าไม้ใส่ไปให้เขาด้วย เมื่อวันเดินทางมาถึง ถังหลี่เอาแต่ขังตัวเองไว้ในห้อง ชายหนุ่มกวาดสายตาไปมองไปยังบานประตูที่ปิดสนิท ก่อนจะหันหลังก้าวเดินจากไป เขากัดฟันแน่นเดินไปโดยไม่หันมามองด้านหลังอีก

เว่ยฉิงเดินไปถึงสี่แยก พบกับรถม้าคันหนึ่งแล่นมาจอดด้านหน้าเขา ม่านของรถม้าถูกเปิดออก ชายหนุ่มพบกับใบหน้าที่คุ้นเคย

“นายน้อย ขึ้นรถม้าเดขอรับ”

เว่ยฉิงกระโดดขึ้นไปบนรถม้าทันที ลุงเฮยมองชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เขารู้สึกว่านายน้อยของเขาเปลี่ยนไป ในดวงตาของเว่ยฉิงมีความมืดหม่นปรากฏอยู่

ครั้งแรกที่เจอกันเว่ยฉิงดูเปิดเผยไร้เดียงสา แต่วันนี้ท่าทีที่สงบของเขาดูไปแล้วคล้ายกับนายน้อยในตระกูลสูงศักดิ์

ทำให้ผู้คนที่พบเห็นเคารพเขาอย่างไม่รู้ตัว

“นายน้อย ท่านตัดสินใจดีแล้วหรือ? หากท่านไปพบนายท่านจริง ๆ ท่านจะเปลี่ยนใจไม่ได้อีกแล้ว เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะขอรับ” ลุงเฮยกล่าว

แม้ว่าลึก ๆ ในใจแล้วเขาหวังเป็นอย่างยิ่งให้นายน้อยกลับมา แต่นายท่านกำชับเขาว่าต้องเคารพการตัดสินใจของเว่ยฉิง

“ข้าคิดดีแล้ว ลุงเฮยออกเดินทางเถิด” เว่ยฉิงพยักหน้า

รถม้าเคลื่อนตัวออกไปข้างหน้าทันที

พวกเขาใช้เวลาในการเดินทางหลายวันหลายคืนติดต่อกัน ตลอดการเดินทางเว่ยฉิงไม่กินของที่ลุงเฮยให้เขาเลย ชายหนุ่มหยิบเสบียงออกมาจากห่อผ้าของเขา

“นายน้อย เซาปิ่งของท่านรสชาติอร่อยหรือ?”

เมื่อลุงเฮยเห็นท่าทางเอร็ดอร่อยของเว่ยฉิง เขาอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา

เว่ยฉิงยื่นเซาปิ่งชิ้นหนึ่งให้แก่ลุงเฮย เขาไม่คิดว่าเว่ยฉิงจะหยิบยื่นเซาปิ่งให้ จึงได้แต่รับมา

“ข้าขอชิมฝีมือของฮูหยินท่านหน่อยนะขอรับ”

พูดจบลุงเฮยก็กัดเข้าไปคำโต

เซาปิ่งของเว่ยฉิงค่อย ๆ เหลือน้อยลงเรื่อย ๆ จนเขาไม่เต็มใจที่จะกินมัน เขากัดกินเพียงแค่สองสามคำเท่านั้นยามที่คิดถึงภรรยาของเขา

เว่ยฉิงคิดว่าพวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวง แต่กลายเป็นว่าจุดมุ่งหมายของรถม้าคันนี้อยู่ที่เมืองฉิงโจวซึ่งห่างไกลจากเมืองหลวงมาก มณฑลฉิงโจวอยู่ทางตอนใต้ของต้าโจว เป็นพื้นที่ที่มีภูเขารายล้อมค่อนข้างอันตรายไม่น้อย ผ่านมาครึ่งเดือนพวกเขาก็ถึงที่หมาย

….

บ้านบนภูเขา

ลุงเฮยพาเว่ยฉิงเข้าไปในบ้าน เขากวาดตามองไปรอบ ๆ บ้านหลังนี้ดูเงียบสงบเหมือนไม่มีคนอยู่ ทว่าท่ามกลางความมืดกลับมีผู้คนมากมายซุ่มอยู่ เปรียบเสมือนดั่งปราการเหล็กที่คนธรรมดาไม่สามารถย่างกรายเข้ามาได้

เมื่อทั้งสองคนเดินไปถึงสนามของบ้าน เว่ยฉิงเห็นบุรุษผู้หนึ่งนั่งอยู่บนรถเข็น เขายังคงสวมหน้ากากเหมือนครั้งที่แล้วดวงตาของเขามองเว่ยฉิงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“อาฉิง!”

เว่ยฉิงจ้องมองเขา จมูกของชายหนุ่มเจ็บ ดวงตาร้อนผ่าว ความทรงจำต่าง ๆ ผุดขึ้นมาไม่หยุด ต่างจากในครั้งที่แล้วที่พวกเขาได้พบเจอกัน ตอนนี้เว่ยฉิงรู้แล้วว่าคนตรงหน้าคือญาติที่เขาสนิทมากเพียงใด ตอนที่เว่ยฉิงยังเป็นเด็ก ทุกคนเอาแต่พร่ำบอกว่าองค์ชายอย่างเขาไม่เหมือนเด็กชาวบ้านทั่วไป เขาต้องสำรวมและเรียนให้หนัก มีเพียงท่านลุงเท่านั้นที่จะพาเขาไปเที่ยวเล่น เว่ยฉิงชอบลุงสามมากที่สุดเพราะอีกฝ่ายมักมีของเล่นแปลก ๆ มาให้เว่ยฉิงดูทุกครั้งที่ได้เจอกัน

ทั้งสองคนมักชอบเล่นด้วยกันจนโดนท่านตาดุอยู่บ่อยครั้ง

“ท่านลุง”

เว่ยฉิงคุกเข่าตรงหน้าลุงตนเอง เซียวซานหลางยื่นมือออกไปลูบศีรษะหลานชายเบา ๆ

“อาฉิงลุกขึ้นเถอะ”

เว่ยฉิงลุกขึ้นยืน ลุงของเว่ยฉิงรู้สึกยินดีมากที่ได้เห็นชายหนุ่มหล่อเหลาตรงหน้า เขาจ้องเข้าไปในดวงตาของหลานชาย

“อาฉิงเจ้าจำได้แล้วหรือ?”

เว่ยฉิงพยักหน้ารับ

“ตามลุงมา ลุงจะพาเจ้าไปพบท่านแม่กับท่านตา”

เซียวซานหลางกล่าว

เว่ยฉิงเข็นรถให้เซียวซานหลางเข้าไปยังห้องโถงบรรพชน เว่ยฉิงผลักประตูของห้องโถงเข้าไป ในนั้นมีแผ่นหินจารึกอัดแน่นอยู่เรียงราย เขาเม้มริมฝีปากตัวเอง ดวงตาของชายหนุ่มแดงก่ำ คนเหล่านี้คือญาติของเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว

“สมาชิกตระกูลเซียวทั้งสามสิบสองคน รวมทั้งมารดาของเจ้าต่างอยู่ที่นี่ทั้งหมด” เซียวซานหลางพูดขึ้นมา

แม้ว่าเหมยเอ๋อร์จะแต่งเข้าไปเป็นสมาชิกของราชวงศ์แล้วก็ตาม แต่เหมยเอ๋อร์ยังเป็นคนของตระกูลเซียว

ดวงตาของเว่ยฉิงมองไปที่แผ่นจารึกแผ่นหนึ่ง “เซียว ชูเหมย”

แผ่นจารึกของมารดาเขา..

มารดาผู้อ่อนโยนในความทรงจำของเว่ยฉิง มารดาที่ไม่เคยเสียงดังใส่เขาเลยสักครั้ง แต่ในคืนนั้นนางตะโกนใส่เว่ยฉิงเพื่อให้เขาหลบหนีไป ก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับกลุ่มองครักษ์ที่โหดร้ายพวกนั้น

คืนนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นความงดงามและกล้าหาญของมารดา และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้เห็นมารดาเช่นกัน

“อาฉิง คำนับท่านตา ท่านแม่ ท่านลุง”

เว่ยฉิงคุกเข่าลงไปกับพื้นคำนับอย่างแรงสามครั้งจนหน้าผากของเขาเป็นรอยแดง ในตอนนั้นเองเขาแอบสาบานในใจต่อหน้าท่านตา ท่านแม่ ท่านลุงและสมาชิกทั้งสามสิบสองคนของตระกูลเซียวว่า เว่ยฉิงผู้นี้จะล้างแค้นให้พวกท่านอย่างแน่นอน!