บทที่ 227 เว่ยฉิงกับการฝึกฝนโดยปีศาจ

หลังจากพวกเขาออกมาจากโถงบรรพชน เซียวซานหลางพาเว่ยฉิงไปยังภูเขาด้านหลัง

“อาฉิง เจ้าตัดสินใจดีแล้วหรือไม่? หากก้าวเข้ามาในเส้นทางนี้เจ้าอาจจะต้องเผชิญกับความเจ็บปวดที่คนธรรมดาไม่อาจอดทนได้” เขากล่าว พร้อมกันกับที่หลานชายของเขาพยักหน้ารับหนักแน่น

ข้าตัดสินใจแล้ว!

หากความทรงจำไม่กลับคืนมาเขายังสามารถใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาได้ แต่หลังจากที่จดจำทุกอย่างได้แล้ว เว่ยฉิงไม่สามารถโยนความเคียดแค้นเกลียดชังที่มีทิ้งไปได้ และหากครอบครัวของเขาถูกปองร้ายขึ้นมาล่ะ?

นอกจากนี้ เว่ยฉิงก็อยากแข็งแกร่งให้มากขึ้นเพื่อปกป้องภรรยาและครอบครัวของเขา!

ในหัวใจของเขามีสิ่งเดียวคือการฝึกฝนวรยุทธ์ให้เก่งขึ้น ไม่ว่าจะลำบากเพียงใดเขาย่อมทนได้

“ท่านลุงสาม ในตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ท่านบอกข้าได้หรือไม่?”

ตระกูลเซียวเป็นตระกูลที่ภักดีและซื่อสัตย์ต่อราชวงศ์มาโดยตลอด เว่ยฉิงไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่าตระกูลเซียวจะร่วมมือกับศัตรูเพื่อทรยศบ้านเมือง แต่เซียวซานหลางส่ายหัวปฏิเสธ

“อาฉิง จนกว่าเจ้าจะแข็งแกร่งเพียงพอ ลุงจะไม่บอกเรื่องนี้กับเจ้า ข้าจะไม่ตามใจเจ้าเหมือนดั่งก่อนอีกแล้ว อีกสามปีหรืออย่างช้าห้าปี ลุงจะทำให้เจ้าเป็นคนใหม่” เซียวซานหลางพูดอย่างจริงจัง

เขาไม่แน่ใจว่าตนเองจะเหลือเวลาอีกกี่วัน มากที่สุดคงเป็นสามหรือห้าปี

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขาปกป้องอาฉิงได้ แต่ในวันข้างหน้าเล่า? ในสถานการณ์เช่นนี้ความอ่อนแอคือหนทางไปสู่ทางตัน ดังนั้นการฝึกให้แข็งแกร่งขึ้นคือทางออกเพียงอย่างเดียว

“ท่านลุงทำตามที่ท่านต้องการเถิด ข้าไม่กลัวความลำบาก” ดวงตาของเว่ยฉิงฉายแววมุ่งมั่น

“ดี! สมกับเป็นลูกชายตระกูลเซียวของเรา!”

เซียวซานหลางรู้สึกภูมิใจมาก

แม้ว่าเว่ยฉิงจะเตรียมตัวรับการฝึกมาเป็นเวลานาน แต่เมื่อเริ่มฝึก ชายหนุ่มก็ตระหนักได้ว่ามันหนักหนาสาหัสเพียงใด สิ่งแรกที่เซียวซานหลางให้เขาทำคือเพิ่มความแข็งแกร่ง ทั้งการต่อสู้ ขี่ม้า ยิงธนู ต้องมีความอดทนและมีมานะ แม้ว่าเว่ยฉิงจะมีความแข็งแกร่งมากเพียงใดก็ยังห่างชั้นกันมากเมื่อเจอกับยอดฝีมือที่แท้จริง

ลุงเฮยเป็นคนรับผิดชอบด้านการฝึกทหารให้แก่เว่ยฉิง ทุกเช้าชายหนุ่มจะต้องตื่นมาเพื่อฝึกฝนอย่างหนัก บ่อยครั้งที่เว่ยฉิงคิดว่าตนเองไม่ไหวแล้ว เขาจะนึกถึงภรรยาและลูก ๆ เพียงแค่นั้นพละกำลังทั้งหมดก็ฟื้นคืนมา ความอดทนของเว่ยฉิงเป็นสิ่งที่ทำให้ลุงเฮยประทับใจ ตอนนี้เว่ยฉิงเนื้อตัวเปลือยเปล่า เขายืนถือถังน้ำสองใบอยู่บนเสาต้นหนึ่งตลอดทั้งวัน ผิวสีน้ำผึ้งของเขาเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ

“นายน้อยมีฝีมือจริง ๆ” ลุงเฮยชม

เซียวซานหลางนั่งอยู่บนรถเข็นข้าง ๆ ลุงเฮย เขามองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน ทั้งสุขและเศร้าปะปนกัน ตอนนี้เบื้องหน้าของเขาคือความหวังของตระกูลเซียว ทว่าสุดท้ายแล้วเด็กคนนี้ก็ถูกดึงเข้ามาอยู่ในวงวนของความแค้นอีกจนได้

………

ไกลออกไปที่เมืองเหยาสุ่ย

ในวันแรกที่เว่ยฉิงจากไป ยามถังหลี่นอนหลับนางจะรู้สึกกระสับกระส่ายไปมา เตียงหลังนี้กว้างเกินกว่าจะนอนคนเดียว ความอบอุ่นที่มีก็หายไปด้วย ต้องใช้เวลานานกว่าเตียงของนางจะอุ่นขึ้น เมื่อผ่านไปสิบวัน ถังหลี่พบว่าตัวเองยังคิดถึงสามีอยู่ตลอดเวลาทั้งยามกินยามนอน นางมักจะเห็นหน้าของเว่ยฉิงโผล่เข้ามาในความฝัน เมื่อตื่นขึ้นก็พลันหายไป

ในหัวใจรู้สึกว่างเปล่า ในยามเว่ยฉิงยังอยู่ด้วยหญิงสาวไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน แต่เมื่อไม่มีเขาอยู่ข้างกายทำให้นางรู้ว่าตนเองรักเว่ยฉิงมากเพียงใด

เพียงชั่วพริบตาลูกสาวของหลันฮวาก็เติบโตขึ้น ถังหลี่ไปที่ตลาดเพื่อซื้อของไปรับขวัญให้กับเด็กน้อย ก่อนจะพาซานเป่าไปยังหมู่บ้านลี่เจีย

รถม้าแล่นมาหยุดที่หน้าบ้านของหลันฮวา

ถังหลี่อุ้มซานเป่าลงจากรถม้า เมื่อป้าเกาเห็นเช่นนั้นนางจึงรีบออกมาต้อนรับทันที

“ท่านย่าเกา” ซานเป่าเรียกหญิงชราทันที

“โอ้ ซานเป่า มาหาย่าเร็ว”

ป้าเกาต้อนรับสองแม่ลูกที่หน้าบ้าน เมื่อหลันฮวาเห็นก็รีบวิ่งออกมาด้วยความรวดเร็ว หญิงสาวหันไปมองถังหลี่ด้วยดวงตาเป็นประกาย

“วิ่งออกมาทำไม ข้างนอกลมแรงเข้าไปในบ้านเร็วเข้า”

ป้าเกาดุหลันฮวา แต่หญิงสาววิ่งไปหลบหลังถังหลี่และแลบลิ้นใส่ย่าตัวเอง ป้าเกาเริ่มทำอะไรไม่ถูก

“ดูนางสิ โตจนเป็นแม่คนแล้วยังทำนิสัยเยี่ยงเด็กน้อย”

แม้จะตำหนิแต่น้ำเสียงของป้าเกากลับเต็มไปด้วยความรักและความสุขที่เอ่อล้นออกมา

ป้าเกามีความสุขมาก

ตอนนี้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้น จูเฉิงเองก็ดีกับหลันฮวา เมื่อหลันฮวามีลูกนางก็ได้เป็นท่านทวด ป้าเกาเหมือนตกอยู่ในความฝัน นางไม่เคยกล้าคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งนางจะได้มีชีวิตแบบนี้

ต้องขอบคุณถังหลี่

หญิงชรามองไปที่ถังหลี่ด้วยแววตาขอบคุณ หลันฮวาคล้องแขนถังหลี่เชื้อเชิญนางเข้าบ้าน

“อ๊ะ”

ถังหลี่รู้ว่าหลันฮวาอยากให้นางไปดูลูกสาวของตนเอง เมื่อเข้าไปในห้อง ตรงเปลเล็ก ๆ มีตุ๊กตาตัวน้อยอวบอ้วนขาวผ่อง นางเอากำปั้นของตัวเองยัดเข้าปากอย่างน่าเอ็นดู

“น้องสาว” ซานเป่ายื่นมือเล็ก ๆ ของนางออกไปจับมือของทารกน้อยในเปล ดวงตากลมโตของซานเป่าเต็มไปด้วยความรักและความตื่นเต้น

“เรียกพี่สาวสิ”

“อือออ”

เด็กน้อยทั้งสองยังคงคุยเล่นกันไปตามประสาเด็ก

“ลูกสาวช่างเหมือนเจ้าจริง ๆ โดยเฉพาะดวงตา งดงามเหมือนดอกกล้วยไม้เลย” ถังหลี่พูดขึ้น

ดวงตาของหลันฮวาเปี่ยมไปด้วยความสุขที่ได้เป็นแม่คน และยิ่งมีความสุขมากขึ้นเมื่อได้ยินคำเยินยอเช่นนี้

“หลันฮวาเอ๋อร์ นี่เป็นของสำหรับเจ้าตัวน้อย” ถังหลี่หยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อนาง หลันฮวารีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

พี่ถังหลี่เป็นคนนำความสุขมากมายมาให้นาง นางจะกล้ารับของขวัญอีกได้อย่างไร?

“หลันฮวาเอ๋อร์ นี่เป็นของรับขวัญเด็กน้อย ข้าขออวยพรให้นางมีความสุขและสงบ ดังนั้นเจ้าต้องรับมันไว้” ถังหลี่กล่าว

หลันฮวาจึงได้รับกล่องใบนั้นไป ไม่นานนักหลี่โหยวไฉ่ที่ได้ยินว่าถังหลี่มาที่หมู่บ้าน จึงรีบรุดหน้ามาหา

“ฮูหยินเว่ย โรงงานถุงหอมสร้างเกือบเสร็จแล้ว เจ้าจะมีเวลาไปดูหรือไม่?” หลี่โหยวไฉ่ถามถังหลี่

“ไปสิ” หญิงสาวพยักหน้ารับ

“อ๊ะ” หลันฮวารีบรั้งถังหลี่ไว้ นางเองก็อยากเห็นเช่นกัน แต่ถังหลี่กลัวว่าสิ่งที่เห็นจะทำให้หลันฮวาคิดถึงหมอซูและฮูหยินซูมากขึ้น

“หลันฮวาเอ๋อร์ เจ้าเพิ่งคลอดลูก หลังจากนี้อีกสักสองวันเจ้าค่อยไปดูเถอะ” ถังหลี่กล่าว

“ใช่แล้ว วันนี้ลมแรงมาก อีกสองวันค่อยไป” หลันฮวาเปรียบเสมือนลูกสาวของป้าเกา ป้าเกาจึงเป็นห่วงนางมาก

…..

เพราะคำพูดนี้ทำให้หลันฮวาล้มเลิกความคิดที่จะไปดูโรงงาน ถังหลี่พาซานเป่าเดินตามหลี่โหยวไฉ่ไป ก่อนหน้านี้โรงงานถุงหอมไหม้จนเหลือแต่ตอ แต่ยามนี้ทุกอย่างดูใหม่เอี่ยมหมดจด

“ช่วงนี้อยู่ในฤดูหนาว ทุกคนว่างงานจึงมาช่วยกันคนละไม้คนละมือ เลยสร้างเสร็จเร็วกว่าปกติ” หลี่โหยวไฉ่อธิบาย

ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเถ้าแก่จางมาซื้อสมุนไพรที่ชาวบ้านปลูก ทำให้พวกเขาได้เงินมาจำนวนหนึ่ง หลี่โหย่วไฉ่จัดเลี้ยงอาหารสองสามโต๊ะเพื่อมากินร่วมกันกับคนในหมู่บ้านอย่างมีความสุข

ทั้งสามคนเดินเข้าไปในตัวโรงงาน ทุกอย่างดูพรั่งพร้อมสมบูรณ์ แต่เมื่อเดินผ่านห้อง ๆ หนึ่ง หลี่โหยวไฉ่ถอนหายใจเบาๆ

“หมอซูกับฮูหยินซูเป็นคนดีมาก..”

“คนดีย่อมได้รับสิ่งดี ๆ ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใดพวกเขาย่อมมีชีวิตที่ดี” ถังหลี่กล่าว

หลี่โหยวไฉ่ได้ฟังก็คิดว่าเป็นเรื่องของภพภูมิหน้า ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย

“จริงของเจ้า”

“ฮูหยินเว่ย ต้องขอบคุณเจ้าแล้ว ตอนนี้พวกเราโดนหมู่บ้านข้าง ๆ อิจฉามากเลยรู้ไหม?” หลี่โหยวไฉ่กล่าว

ในอดีตหมู่บ้านลี่เจียเป็นหมู่บ้านที่ยากจนที่สุดในละแวกเดียวกัน ทว่าตั้งแต่ถังหลี่มาอยู่ที่นี่ ถนนของหมู่บ้านก็ได้รับการซ่อมแซม ไหนจะมีกิจการโรงงานถุงหอม หรือการปลูกสมุนไพร ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในหมู่บ้านลี่เจียก็ดีขึ้นเรื่อยๆ

“อย่าให้พวกเขาโอ้อวดเกินไปล่ะ” ถังหลี่กล่าว

“ข้าทราบดีฮูหยินเว่ย แต่พวกเราก็มีเงินมากกว่าที่คนเหล่านั้นคิดจริง ๆ พวกเขาคงอิจฉา” หลี่โหยวไฉ่กล่าว

นอกจากนี้คนหมู่บ้านลี่เจียก็รักใคร่สามัคคีกลมเกลียวกัน เช่นนี้ใครเล่าจะกล้ามารังแก?

แต่อย่างไรก็ตาม ทางที่ดีที่สุดก็เป็นอย่างที่ถังหลี่กล่าว มีเงินแต่ไม่ควรโอ้อวด ใช้ชีวิตให้ดี หลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็นที่จะเกิดขึ้น

หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบ ๆ โรงงาน พบว่าโรงงานที่สร้างขึ้นมาใหม่นั้นดีมาก พวกเขาติดตั้งประตูบานใหม่และเครื่องเรือนต่าง ๆ แล้ว ไม่กี่วันต่อมาในวันที่อากาศแจ่มใส ถังหลี่พาหลันฮวาและจูเฉิงรวมถึงชาวบ้านที่เป็นคนงานในโรงงานมารวมตัวกัน ทุกคนต่างพากันโห่ร้องที่โรงงานถุงหอมเปิดทำการแล้ว!

ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสุข

ถังหลี่นิ่งงันไปชั่วครู่ ไม่รู้ว่าป่านนี้สามีของนางจะเป็นเช่นไร เขากำลังทำอะไรอยู่ หากเว่ยฉิงไม่ได้ออกเดินทาง ตอนนี้ที่ข้างกายนางคงจะเป็นเขาที่เคียงข้าง